เมื่อวาน เวลา 05:54 • ข่าวรอบโลก

🇺🇸🇮🇷💥 ทรัมป์ส่ง B-2 ถล่มไซท์นิวเคลียร์อิหร่าน! เกิดอะไรขึ้น – แล้วโลกต้องเจออะไรต่อ?

📰 Trump’s B-2 Bombers Hit Iran’s Nuclear Sites: What Happened and What’s Next?
📍 สรุปเหตุการณ์สำคัญ
เมื่อวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2025 สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดฉากโจมตีจุดยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง ได้แก่ นาทานซ์ (Natanz) ฟอร์โดว์ (Fordow) และ อีสฟาฮาน (Isfahan) ด้วย ระเบิดทะลวงบังเกอร์ GBU-57 ซึ่งหนักถึง 30,000 ปอนด์ ผ่านเครื่องบินล่องหน B-2 Spirit ที่สามารถเจาะทะลวงเป้าหมายใต้ดินได้ลึกหลายสิบเมตร
💬 ทรัมป์ประกาศผ่าน Truth Social ว่า “นี่คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ อิสราเอลและโลก” พร้อมเตือนว่าอิหร่านต้อง “เลือกทางสันติหรือหายนะ”
🌍 ด้านอิหร่านยืนยันว่า “ไม่มีการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี” และระบบตรวจจับรังสีของรัฐยังทำงานเป็นปกติ
🚀 เป้าหมายทั้ง 3 จุด: โจมตีแบบพุ่งเป้า
🔴 นาทานซ์ (Natanz)
→ ศูนย์หลักของการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในอิหร่าน เคยถูกอิสราเอลโจมตีมาแล้วก่อนหน้านี้ เครื่องหมุนเหวี่ยง (centrifuges) หลายร้อยตัวถูกทำลาย และถูกสหรัฐฯ โจมตีซ้ำเพื่อตัดโอกาสการฟื้นตัว
🔴 ฟอร์โดว์ (Fordow)
→ ตั้งอยู่ใต้ภูเขาใกล้เมืองกูม (Qom) ถูกกล่าวหาว่าสร้างละเมิดมติสหประชาชาติ ทรัมป์ระบุว่าใช้ “payload เต็ม” ถล่มที่นี่ พร้อมโพสต์ว่า “Fordow is gone”
🔴 อีสฟาฮาน (Isfahan)
→ มีทั้งโรงงานวิจัยจีนและห้องทดลองในพื้นที่ ถูกโจมตีเพื่อบั่นทอนโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์โดยรวม
✈️ อาวุธและอากาศยานที่ใช้ในการโจมตี
💣 GBU-57 Massive Ordnance Penetrator (MOP)
→ ระเบิดทะลวงบังเกอร์น้ำหนัก 30,000 ปอนด์ (13.6 ตัน) สามารถเจาะทะลุชั้นดินและคอนกรีตได้หลายเมตร ก่อนระเบิดใต้พื้นผิว
🛩️ B-2 Spirit Stealth Bomber
→ เครื่องบินล่องหนระยะไกล บินได้กว่า 9,600 กิโลเมตรโดยไม่ต้องเติมน้ำมัน และบรรทุกระเบิด GBU-57 ได้ 2 ลูก ใช้ในการหลบหลีกระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่าน
📉 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในไทย
⚠️ ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ–อิหร่าน และการเข้าร่วมโดยตรงของทรัมป์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะหากเกิดการตอบโต้จากอิหร่าน เช่น ปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันหลักของโลก
🛢️ ต้นทุนพลังงานในไทยจะได้รับผลกระทบทันที โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ใช้น้ำมันเป็นต้นทุนหลัก หรือขนส่งเป็นหัวใจ เช่น สายการบิน ขนส่งทางบก และผลิตภัณฑ์พลาสติก
📊 หุ้นไทยที่อาจได้รับผลกระทบ (อัปเดตล่าสุด)
🟥 กลุ่มขนส่ง-โลจิสติกส์
→ หุ้นอย่าง AAV (แอร์เอเชีย), WICE (ไวส์ โลจิสติกส์), III (ทริพเพิลไอ โลจิสติกส์) อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันที่พุ่งขึ้น กระทบกำไรขั้นต้นทันที หากยังไม่มีการทำประกันความเสี่ยงน้ำมัน (hedging)
🟡 กลุ่มปิโตรเคมี-บรรจุภัณฑ์
→ ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากวิกฤตการณ์ตะวันออกกลาง ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ใช้ “วัตถุดิบปิโตรเคมี” เป็นหัวใจหลักของการผลิต เช่น SCGP (เอสซีจี แพคเกจจิ้ง) ที่ใช้เม็ดพลาสติกและบรรจุภัณฑ์หลายชนิด รวมถึง AJ (เอเจ แอดวานซ์) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตแผ่นฟิล์ม BOPP, BOPET, BOPA และ CPP สำหรับใช้แปรรูปเป็นซองบรรจุอาหาร ฉนวนความร้อน และผิวเคลือบวัสดุต่างๆ
🟢 กลุ่มพลังงาน
→ PTTEP (ปตท.สผ.), BANPU (บ้านปู), BCP (บางจาก) จะได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันโลกที่ดีดตัว โดยเฉพาะหุ้นที่มีรายได้จาก upstream และการส่งออก
🟦 กลุ่มทองคำ–สินทรัพย์ปลอดภัย
→ เมื่อสงครามสหรัฐฯ–อิหร่านปะทุ นักลงทุนมักหันหาหุ้นปลอดภัย เช่น MTC (เมืองไทย แคปปิตอล) ที่ปล่อยสินเชื่อโฉนด-ทะเบียนรถ ซึ่งมีรายได้สม่ำเสมอในภาวะเสี่ยง และ YGG (อิ๊กดราซิล กรุ๊ป) ผู้พัฒนาเกม-กราฟิก ที่ไม่พึ่งพาต้นทุนน้ำมัน อาจถูกมองว่า “ปลอดภัยเชิงจิตวิทยา” ท่ามกลางพายุสงครามและราคาน้ำมันที่แกว่งแรง
🔍 มุมมองภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มเติม
📌 การโจมตีของสหรัฐฯ ครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการแทรกแซงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล–อิหร่านเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการกลับมาใช้นโยบาย “ความเหนือกว่าทางทหาร” ของทรัมป์ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด America First ในอดีต
📌 การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลต่อราคาทองคำ พลังงาน และความมั่นคงในภูมิภาค ASEAN หากเกิดการปะทะลุกลาม โดยเฉพาะกรณีที่จีนและรัสเซียออกมาตอบโต้
📌 ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกย่อมสะท้อนมายังไทยผ่านตลาดเงิน ตลาดทุน และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศโดยตรง
💬 คุณคิดว่าการโจมตีของทรัมป์ครั้งนี้เป็นการยับยั้งสงครามนิวเคลียร์ หรือเป็นชนวนที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระดับโลก?
📣 แสดงความคิดเห็นของคุณด้านล่าง — และอย่าลืมกดแชร์บทความนี้เพื่อกระตุ้นการตระหนักรู้ด้านภูมิรัฐศาสตร์ในวงกว้างด้วยนะคะ!
📌 Hashtags
#เวทีมหาอำนาจ #SuperpowerStage #TrumpStrikesIran #B2Bomber #นิวเคลียร์อิหร่าน #Geopolitics #WorldScope
📎 Reference: Hindustan Times

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา