Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คิมหันต์วิษุวัต
•
ติดตาม
28 มิ.ย. เวลา 02:16 • นิยาย เรื่องสั้น
คนหนึ่งผมสั้น อีกคนหนึ่งนั้นผมยาว
ซู หยิน เหม่ย
เธออยู่อีกหมู่บ้าน เป็นนักเรียนคนหนึ่ง
ที่ผมยังเคยเห็นเงารางวาบแวบในยามเยาว์
ผมเจอเธอครั้งแรกเมื่อตอนที่ผมเข้าเรียน ม.1
ไม่ได้รู้จักอะไรมากมายนัก เพียงแต่รู้แค่ชื่อ
เห็นเธอตั้งแต่สมัยที่เป็นเด็กหญิง ม.ต้น ยังไว้ผมสั้น
นับแต่วันนั้น...
เราเป็นเพื่อนกันมาก็สิบกว่าปีแล้ว
จำได้ว่าครั้งนั้นเธอและเพื่อนๆ ชอบ D2B มาก
พอ F4 ไต้หวันเริ่มเข้ามา...
พวกเธอและเพื่อนๆ ก็ชอบ F4
และนั่นเป็นสาเหตุหรือแรงใจ
ที่ทำให้เพื่อนของผมเรียนภาษาจีน
และผมก็เช่นกัน...
เธอเรียนภาษาจีนคนละโรงเรียนกับผม
พวกเราเรียนสายศิลป์-จีนเหมือนกัน
ต่างกันแค่ว่าตำราของเธอออกจะยากกว่าตำราของผม
ทางโรงเรียนของเธอสอนเขียนตัวเต็ม
ส่วนทางโรงเรียนของผมสอนเขียนตัวย่อ
จำได้ตอน ม.ต้น มีการแลกของขวัญกัน
ผมเคยได้ของขวัญของซูหยินเหม่ยด้วย
แต่ตอนนั้นผมเรียกเธอว่า มล
แต่จริงๆ เธอก็ชื่อ มล นั่นแหละครับ
ของขวัญที่แลกกันในห้องที่ผมได้ครั้งนั้น
เป็นแก้วคริสตัลที่น่ารักใบหนึ่ง
ตอนเรียน ม.ปลาย
มีปีหนึ่งที่เราเคยนั่งรถรับส่งนักเรียนคันเดียวกัน
ผมไม่ค่อยพูดอะไรมากมายนัก
สรุปแล้ว...ในรถผมพูดกับซูหยินเหม่ยเยอะสุด
ตอนมีเบอร์ของเธอ ผมเคยโทรไปคุยด้วย
เพื่อนผมยังเคยร้องเพลงให้ผมฟัง
แต่มันก็นานมาแล้ว
พักหลังรู้สึกว่าเธอได้เข้าเรียนที่ ม.ช.
เรียนในสาขาภาษาจีนต่อ
จบออกมาก็ทำงานเกี่ยวกับภาษาที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่
เพื่อนคนนี้พูดจีนคล่อง
เท่าที่รู้ ภาษาอื่นเธอก็เก่งพอตัว
เมื่อไม่นานมานี้รู้สึกว่าเธอจะไปสอบอะไรสักอย่าง
ยังชวนผมตอนที่เล่น Facebook อยู่เลย
ซูหยินเหม่ยเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สามารถพูดด้วยได้โดยที่ไม่รู้สึกอาย
แซวเล่นได้
และถ้าโมโหสุดๆ อย่างมากก็ต่อยที่หัวไหล่
ซึ่งมันไม่ทำให้รู้สึกเจ็บอะไรเลย
เมื่อปีแล้วเธอยังมาแปะลิงค์ไว้ที่ Timeline ของผม
แปะเพลง ตี้อีสือเจียน ของเอฟโฟว์ (เพลง เวลาแรก)
บอกผมถึงวันคืนที่พวกเราตัดสินใจเรียนภาษาจีน
ปีก่อนโน้น เธอยังแปะรูปยุนอา
ปีก่อนนี้ ก็ยังแปะรูปคิมแทยอน
ไว้ที่ไทม์ไลน์ของผม
เธอเห็นว่าผมชอบ ก็เลยแปะให้
ผมไม่ค่อยได้คุยกับเธอมาก
ยิ่งไม่ค่อยได้เจอหลังจากที่จบ ม.ปลาย
มาคิดถึงตอนนั่งรถเดือน (รถรับส่งนักเรียน) ตอนนั้น
เห็นหน้ากันเกือบทุกวัน (เว้นวันหยุด)
พักหลังๆ ห่างกันไป
แต่ก็ไม่ได้ห่างหาย
ผมเคยโพสต์รูปทุ่งนา
เธอยังมาแสดงความคิดเห็นเลยว่า...
"เห็นแล้วคิดถึงบ้าน"
มีเรื่องราวหลากหลายที่เข้ามาในชีวิต
และผมก็ลืมมันไปบ้างแล้ว
เพื่อนที่เข้ามาในแต่ละช่วงของชีวิต
พอมองย้อนไปจริงๆ จะมีคนสำคัญกับเราจริงๆ เพียงไม่กี่คน
พอเราอยู่ห่างไกลกันสุดฟ้าแบบนี้แล้ว
ผมกลับนึกถึงเรื่องของเธอขึ้นมาได้ ทั้งๆ ที่ผมก็ลืมไปแล้ว
บางเรื่องก็เหมือนจะจำได้ แต่ก็นึกไม่ออก
ผมยังดีใจที่เขายังเรียกผมว่าเต้าหมิงซื่อ
เรียกโดยที่ผมไม่รู้สึกอาย
พอเธอไปไกลขนาดนั้นแล้ว
คงไม่มีใครมาเรียกผมเช่นนี้อีก
เธอเคยมีฝันที่เหมือนกันกับผม
เคยมีเป้าหมายที่คล้ายๆ กัน
หลังจากนั้นความฝันก็จะค่อยๆ ต่างกันออกไป
แต่ที่เรายังเหมือนกันก็คือเรายังมีฝัน
การสูญเสียคนที่เคยมีฝันร่วมกัน
ทำเอาผมรู้สึกเศร้าไปหลายวัน
ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาในตอนแรกที่ทราบข่าว
ผมไม่ได้ไปงานของเธอ
แต่ผมก็ยังอยากเห็นเธอเหมือนดังวันวาน
เหมือนวันคืนผ่านที่ล่วงเลยมาแล้วเหล่านั้น
อยากให้เรื่องหยุดอยู่แค่ว่า...
เราห่างกันไป
และคิดถึงกันเพียงบางครั้งก็พอ
แต่ทุกคนยังต้องอยู่กับความฝันของตน
และดำเนินชีวิตไปด้วยความหวัง
ทุกครั้งที่ผมคิดถึงฝันของตัวเอง
ผมก็คิดถึงซูหยินเหม่ยด้วย
คิดถึงมากกว่าที่แล้วๆ มา
แต่ก่อน...ผมไม่กล้าไปเขียนเรื่องนี้ที่ไหน
นอกจากที่ Bloggang
ตอนนั้น...ผมไม่อยากให้ใครรู้
เท่าๆ กับที่ผมอยากเขียนให้ใครสักคนรู้
เพื่อนเก่าไม่ได้เดินเคียงข้างเราตลอดไป
แต่อบอุ่นใจทุกครั้ง เมื่อยามที่คิดถึง
ผมทำได้แค่เพียงขอบคุณ
ขอบคุณที่เธอดีกับผมเสมอมา
และต้องกล่าวคำขอโทษ
ในสิ่งที่ผมเคยล่วงเกินเธอไป
แม้วันนี้เธอจะอยู่ไกลแสนไกล
แต่เมื่อผมหวนคิดไปถึงวันนั้น
เธอก็ยังอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ
ตอนนี้เธอคงไปอยู่ยังดาวดวงใดดวงหนึ่ง
ดวงที่ลอยอยู่บนเวิ้งฟ้าอันไกลแสนไกล
ในยามค่ำคืนที่จะมาถึง
ผมเชื่อว่าผม... จะมองเธอได้จากที่นั่น... เสมอ
...
เต้าหมิงซื่อตัวปลอมเมื่อสิบปีก่อน
ที่ยังนั่งเขียนบล็อกในเวลาของปี 2557
สุวิมล
เธออาจอยู่อีกฟากของโลกอีกแห่ง
เป็นใครไม่รู้ที่ผมไม่อาจรู้จัก
แต่ในความทรงจำของโลกใบนี้
ยามแรกที่ผมเห็นเธอ ทรงผมนั้นก็เป็นทรงผมสั้นอยู่ดี
ถ้ายังนับเวลานั้น
เราเป็นเพื่อนกันมาเกือบยี่สิบปีแล้ว
ภาพที่เธอถือหนังสือเพลง รูปถ่าย D2B ของที่ระลึกของนักร้องที่เธอชื่นชอบ
ภาพเธอร่วมวงร้องเพลงของ F4 ไต้หวันกับเพื่อนๆ
ภาพเธอถือรูปของนักร้องหน้าตาดีที่เธอชอบ
ยังคงเป็นแรงใจในวันวาน
ที่ทำให้เธอเลือกเส้นทางเรียนที่ยังมีภาษาจีนอยู่ในนั้น
แม้มันจะเป็นเส้นทางสายเก่าที่แทบจะเลือนรางไปแล้ว
เราเรียนภาษาจีนกันคนละโรงเรียน
แต่มีอยู่ปีหนึ่งที่เรานั่งรถโดยสารคันเดียวกัน
มล
ก็ ซูหยินเหม่ย นั่นแหละ
ไม่ต่างกัน
ของขวัญที่แลกกันโดยการจับสลากในยามเรียน ม.ต้น
ผมได้แก้วคริสตัลสวยใบหนึ่งเป็นทรงครึ่งวงกลม
ในนั้นมีน้ำ มีประกายระยิบระยับ
มีตุ๊กตาตัวเล็กที่ยิ้มอย่างแสนสุข
ยามปีนั้นที่นั่งรถโดยสารคันเดียวกัน
ผมใฝ่ฝันที่จะเห็นใบหน้าของแพงที่ผมแอบชอบอยู่เสมอ
หากแต่ในทุกๆ วัน ผมกลับเห็นหน้าสุวิมล
เธอผู้เคยร้องไห้ยามได้ข่าวการป่วยของพี่บิ๊ก D2B
เธอผู้คลั่งไคล้ Jerry F4 อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
ยังเป็นเธอที่นั่งเป็นเพื่อนผม
ไม่ว่าจะคุยบ้างหรือไม่คุยบ้าง
เงียบบ้างหรือไม่เงียบบ้าง...
ก็ตาม
ผมมีเบอร์ของเธอ
และยังเคยบ้าบอถึงขั้นโทรไป
เธอร้องเพลงให้ผมฟัง
“จะไปยืนบนฟ้า คว้าเอาดาวดวงนั้น
ตราบใดที่ชีวิตฉันยังมีลมหายใจ”
ผมก็เลียนแบบเธอบ้าง
โทรไปร้องเพลงให้เธอฟังโดยชวนไอ้กรกุนร้องด้วย
ไอ้กรกุนไม่ยอมร้อง
เธอได้ศึกษาต่อสาขาวิชาที่ปรารถนา
ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง
และในยามเศร้าของดึกดื่นตอนผมเรียนปีหนึ่ง
ยามที่ผมอิงอาศัยบ้านคนอื่นอยู่
มีเพียงผีกลางดึกที่คอยหลอกหลอนอยู่เป็นเพื่อน
ผมก็ยังเคยโทรไปหามลในช่วงนั้น
พร่ำพรรณนาถึงความคิดถึงที่มีต่อแพงให้เพื่อนฟัง
มันช่างเป็นเรื่องราวที่บ้าสิ้นดี
แต่มลก็ยังฟัง
จวบจนผมเรียนไม่จบปีหนึ่งครั้งแรก
มาหาเรียนต่อปีหนึ่งครั้งที่สอง
จวบจนจบมหาวิทยาลัย
แม้ไม่ได้ติดต่อกันนานโข
เธอก็ยังปรากฏตัวทาง Facebook ชวนผมไปสอบอะไรสักอย่าง
อะไรสักอย่างที่ยามเราเติบโต เรากำลังจะแสวงหามันเพื่อความก้าวหน้าในชีวิต
ยามเธอโมโห เธอเคยต่อยผมแรงๆ แบบที่ผมไม่เคยเจ็บ
ยามผมโง่ เธอฟังสิ่งเหล่านั้นโดยไม่วิพากย์แบบเงียบๆ
ยามผมเซ่อซ่าและไร้เพื่อน เธอยังเป็นเพื่อนของผม
...ดังเดิม
คราวที่เธอมาแปะ Link เพลงบน Timeline ผมคราวนั้น
อดปลื้มอกปลื้มใจเสียมิได้
เธอแปะเพลง “เวลาแรก” ของ F4
บอกว่านั่นคือเหตุผลที่เราเลือกเรียนภาษา
คล้ายกับว่านั่นเป็นเส้นทางสายเดียวกัน
แปะรูปยุนอา รูปแทยอน ไว้บนไทม์ไลน์ของผม
เพราะเธอรู้ว่าผมชอบ
ยามผมโพสต์รูปทุ่งนา
เธอเคยมาคอมเมนต์ว่า “คิดถึงบ้าน”
เรามาจากท้องถิ่นที่เดียวกัน
เธอยังคงรับรู้เรื่องราวเก่านั้นมิเสื่อมคลาย
เธอจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน
ไม่มีคำอำลาอันใดบอกแก่เพื่อนสนิทหรือคนใกล้ตัวของเธอ
ผมจำวันนั้นได้ว่ามันหวิว
หลังจากได้รับข่าว ผมเพิ่งค่อยๆ รับรู้ว่านั่นคือความจริง
ผมยังคงคิดอยู่อย่างเดิม
อยากให้ผมห่างเธอไป
ไม่ว่าอยู่แห่งหนไหน
ขอเพียงแค่คิดถึงกันก็พอ
ไม่ว่าอยู่หนแห่งไหน
ขอเพียงเห็นรูปเธอไปเที่ยวโน่นนี่กับเพื่อนสนิทของเธอ
ผมอยู่ห่างๆ อยู่ดูในรัศมีขอบเขตที่ผมพึงใจเงียบๆ
ผมยังรู้สึกขอบคุณเธอ
ผู้เป็นทั้งสุวิมล
ผู้เป็นทั้งซูหยินเหม่ย
ผู้เป็นเพื่อนผมเสมอมา
โดยความรู้สึกตั้งแต่แรกของเราไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
ขอบคุณในความไม่ถือสา
ขอบคุณในยามล้าและการมาถึงของเธอ
ผมกำลังฟังเพลง “เวลาแรก” อีกครั้ง
ในวันที่ไหลผ่านกระแสกาลเวลาไปอีกหนหนึ่ง
วันวาน ที่ถูกวันนี้ พรุ่งนี้ แทนที่
ความรู้สึกที่ดียังคงอยู่
ต่อให้เราต้องแยกกันไป
มิตรภาพจะมาถึงใน ‘เวลาแรก’ ที่ต้องการ
...
ฮัวผิงเล่ยตัวจริง
ที่นั่งเขียนถึงคุณซู ในปี 2566
ความรัก
เรื่องเล่า
เรื่องสั้น
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
หนึ่งถ้อยบุปผา
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย