เมื่อวาน เวลา 13:30 • สุขภาพ

"ยาออกกำลังกาย" มีจริง นักวิทย์ Harvard ถอดรหัสยีนต้านอัลไซเมอร์

ผมเชื่อว่าเราทุกคนรู้ดีว่าการออกกำลังกายเปรียบเสมือน "ยาวิเศษ" ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสมองมหาศาล แต่สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว การจะลุกไปเดินหรือวิ่งเหยาะๆ อาจเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย นี่คือจุดที่ทำให้งานวิจัยชิ้นล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำอย่าง Nature Neuroscience กลายเป็นที่น่าจับตามอง เพราะนักวิจัยกำลังพยายามถอดรหัสประโยชน์ของการออกกำลังกายให้ออกมาในรูปแบบที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน บางทีอาจเป็นในรูปแบบของ "ยา" สักเม็ดในอนาคต
ก่อนจะไปถึงเรื่อง "ยาออกกำลังกาย" ผมอยากชวนคุยถึงความมหัศจรรย์ของการออกกำลังกายกับสมองกันก่อนครับ มีงานวิจัยมากมายที่ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยาน สามารถช่วยชะลอความเสื่อมของสมองในผู้ป่วยอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมได้จริง
บทความวิจัยที่ผมอ่านเจอได้อ้างอิงถึงการศึกษาในปี 2022 ที่พบข้อมูลน่าสนใจมากครับ
การเดินประมาณ 4,000 ก้าวต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง 25% และหากเดินได้ถึง 10,000 ก้าวต่อวัน ความเสี่ยงจะลดลงมากถึง 50%
ตัวเลขเหล่านี้มันแสดงให้เห็นว่าแค่การขยับตัวอย่างสม่ำเสมอก็ส่งผลดีต่อสมองของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จำนวนมากต้องเผชิญกับภาวะร่างกายที่เปราะบาง หรือมีปัญหาการเคลื่อนไหว ทำให้การออกกำลังกายให้ได้ถึงระดับที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง นี่จึงเป็นที่มาของภารกิจสำคัญของทีมวิจัยที่นำโดย ดร. คริสติอาเนอ วรานน์ (Christiane Wrann) จาก Harvard Medical School ที่ต้องการหาหนทางเลียนแบบประโยชน์เหล่านั้นโดยไม่ต้องพึ่งพาการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว
แล้วนักวิจัยทำได้อย่างไร? พวกเขาไม่ได้เริ่มจากการผสมสารเคมีในห้องแล็บเพื่อสร้างยามหัศจรรย์ขึ้นมาทันทีครับ แต่เริ่มจากการตั้งคำถามพื้นฐานที่สุดว่า "การออกกำลังกายทำอะไรกับเซลล์สมองของเรากันแน่?" ถือเป้นคำถามที่สำคัญ
ทีมวิจัยได้ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำที่เรียกว่า Single-nucleus RNA sequencing ซึ่งถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ มันเหมือนกับเรามีเครื่องมือที่สามารถซูมเข้าไปในสมองและแอบฟังการทำงานของเซลล์สมองทีละเซลล์ได้เลยว่าเซลล์ไหนกำลังพูดคุยอะไรกันผ่าน "ยีน" ที่เปิดใช้งานอยู่
พวกเขาได้ทำการทดลองในหนู โดยแบ่งเป็นกลุ่มหนูปกติและกลุ่มหนูที่เป็นอัลไซเมอร์ จากนั้นให้หนูบางส่วนได้ออกกำลังกายด้วยการวิ่งบนวงล้อ ก่อนจะนำตัวอย่างเนื้อเยื่อสมองในส่วนที่เรียกว่า ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการความทรงจำและการเรียนรู้ของสมอง และเป็นส่วนที่ถูกทำลายในช่วงแรกๆ ของโรคอัลไซเมอร์ มาวิเคราะห์
และแล้ว... พวกเขาก็เจอพระเอกของเรื่องครับ
นักวิจัยค้นพบยีนตัวหนึ่งที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า ATPPIF1 ซึ่งเป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญในเซลล์ และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อสมองของเรา พวกเขาพบว่า
✍️ ในสมองของหนูที่เป็นอัลไซเมอร์ การทำงานของยีน ATPPIF1 นี้จะลดลง
✍️ แต่เมื่อหนูอัลไซเมอร์ได้ออกกำลังกาย การทำงานของยีน ATPPIF1 กลับฟื้นตัวขึ้นมา
ยีนตัวนี้ทำหน้าที่สำคัญในการช่วยสร้างเซลล์ประสาทใหม่ (กระบวนการที่เรียกว่า Neuroplasticity) ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้และความจำ นอกจากนี้ยังช่วยให้เซลล์ประสาทแข็งแรงพอที่จะต้านทานต่อสิ่งกระตุ้นที่เป็นอันตราย และช่วยสร้างจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท (Synapses) ให้ทำงานได้ดีขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ ยีน ATPPIF1 ที่ถูกปลุกให้ตื่นโดยการออกกำลังกาย คือกุญแจสำคัญที่ช่วยปกป้องและฟื้นฟูสมองนั่นเอง
การค้นพบยีน ATPPIF1 ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่มากครับ เพราะมันเปลี่ยนจากคำถามที่ว่า "ออกกำลังกายดีอย่างไร" ไปสู่คำถามที่ว่า "เราจะกระตุ้นยีนตัวนี้ได้อย่างไรโดยไม่ต้องออกกำลังกาย" นี่คือเป้าหมายต่อไปของทีมวิจัย คือการหาวิธีพัฒนายาหรือใช้เทคนิคยีนบำบัด (Gene therapy) เพื่อเข้าไปเปิดสวิตช์การทำงานของยีน ATPPIF1 ในผู้ป่วยโดยตรง
แน่นอนว่าเส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล และ ดร. วรานน์ ก็ย้ำชัดว่านี่ยังไม่ใช่ยาสำหรับรักษาอัลไซเมอร์ให้หายขาด แต่เป็นความหวังในการชะลอการลุกลามของโรค และเลื่อนเวลาที่อาการจะแสดงออกไปให้นานที่สุด ซึ่งแค่นี้ก็ถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยและครอบครัวแล้วครับ
เมื่อมองมาที่ประเทศไทยของเรา เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2573 ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมมากถึง 1.1 ล้านคน การค้นพบนี้จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นความหวังที่อาจจะมาถึงพวกเราโดยตรงในสักวัน การมีแนวทางการรักษาใหม่ๆ ที่อาจช่วยลดภาระของผู้ป่วยและผู้ดูแลในอนาคตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง
ในฐานะเภสัชกร ผมมองว่าการเดินทางจากห้องทดลองสู่ร้านยาต้องใช้เวลาและความรอบคอบอย่างสูง แต่การค้นพบกลไกระดับโมเลกุลที่เชื่อมโยงการออกกำลังกายเข้ากับสุขภาพสมองได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ ถือเป็นการเปิดประตูบานใหม่ที่น่าตื่นเต้นบานหนึ่งในวงการแพทย์
แม้ว่า "ยาออกกำลังกาย" อาจยังเป็นเรื่องของอนาคต แต่เรื่องราวนี้ได้มอบบทเรียนสำคัญให้เราในวันนี้ นั่นคือพลังของการออกกำลังกายนั้นมีอยู่จริงและพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ สำหรับใครที่ยังสามารถขยับร่างกายได้ การลุกขึ้นมาเดินวันละนิดวันละหน่อย ก็เปรียบเสมือนการลงทุนเพื่อสุขภาพสมองที่คุ้มค่าที่สุดแล้วครับ
แหล่งอ้างอิง:
1. Lamb, A. (2025, June 29). An exercise drug? Harnessing the cognitive benefits of a workout for Alzheimer's patients with mobility issues. Medical Xpress.
2. da Rocha, J. F., et al. (2025). Protective exercise responses in the dentate gyrus of Alzheimer's disease mouse model revealed with single-nucleus RNA-sequencing. Nature Neuroscience. DOI: 10.1038/s41593-025-01971-w
3. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2565). สถานการณ์ภาวะสมองเสื่อมในประเทศไทย.
โฆษณา