1 ก.ค. เวลา 05:15 • ข่าวรอบโลก

📰 U.S. News จัดอันดับบริษัทเอกชนที่คนอยากทำงานด้วยที่สุดปี 2025-2026

U.S. News Unveils 2025-2026 Best Private Companies to Work For
🌟 เมื่อการทำงานไม่ใช่แค่เรื่องเงินเดือน แต่คือชีวิตที่ดีในทุกมิติ
U.S. News & World Report ประกาศผลการจัดอันดับ “บริษัทเอกชนที่น่าทำงานด้วยที่สุดประจำปี 2025-2026” ครอบคลุม 277 บริษัทชั้นนำจากทั้งหมด 1,094 บริษัทที่ผ่านเกณฑ์ทั่วสหรัฐฯ โดยต้องมีพนักงานอย่างน้อย 5,000 คน และรายได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
📊 การจัดอันดับนี้อิงจาก 6 ปัจจัยหลัก ได้แก่
💰 ค่าตอบแทนและสวัสดิการ
🕰️ ความสมดุลระหว่างงานกับชีวิต
🏢 ความมั่นคงของงานและองค์กร
😌 ความสะดวกสบายทั้งร่างกายและจิตใจ
🤝 ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและได้รับการยอมรับ
📈 โอกาสเติบโตและพัฒนาทางวิชาชีพ
ผลการจัดอันดับครอบคลุมทั้งธุรกิจการเงิน การผลิต เกษตร อสังหา ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภค โดยอาศัยข้อมูลจาก Glassdoor, Revelio Labs และฐานข้อมูล Good Jobs First
🎯 ตัวอย่างบริษัทเอกชนชั้นนำที่ติดอันดับในปี 2025–2026
📌 Herbalife Ltd.
บริษัทโภชนาการระดับโลก ได้รับการจัดอันดับในกลุ่ม Consumer Products และ West Region โดยเน้นทั้งความมั่นคงขององค์กร วัฒนธรรมการทำงานที่สนับสนุนพนักงาน และการพัฒนาด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์
📌 NVIDIA และ Adobe
2 บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก โดดเด่นด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง ความยืดหยุ่นในการทำงาน และนโยบายสนับสนุนพนักงานทั้งในด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์
📌 General Mills
ผู้นำด้านสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีชื่อเสียงมายาวนาน โดดเด่นในด้านการสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว และการดูแลพนักงานอย่างครอบคลุม
💡 สัญญาณสำคัญจากรายชื่อบริษัทเหล่านี้
การที่องค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรม—ไม่ว่าจะเป็นโภชนาการ เทคโนโลยี หรือสินค้าอุปโภคบริโภค—ติดอันดับบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุด สะท้อนว่า คุณภาพชีวิตของพนักงานไม่ใช่แค่สิ่งดีงาม แต่กลายเป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่จับต้องได้ แล้วในยุคปัจจุบัน
✨ ความหลากหลายนี้ชี้ให้เห็นว่า "Best Company" ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทไฮเทคเสมอไป แต่คือองค์กรที่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมให้พนักงานรู้สึกมั่นคง เติบโต และมีคุณค่าในสิ่งที่ทำ
🎯 มุมมองต่อคนทำงานยุคใหม่: ไม่ใช่แค่ “งานดี” แต่ต้อง “ชีวิตดี”
Carly Chase รองประธานฝ่ายอาชีพของ U.S. News ให้ความเห็นว่า “นิยามของคำว่า ‘บริษัทที่ดีที่สุด’ เปลี่ยนไปตามช่วงชีวิตของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่ยุค AI หรือมืออาชีพที่เน้นงานที่มีความหมาย”
นี่คือสัญญาณชัดเจนว่าพนักงานทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับ สภาพแวดล้อมในการทำงาน ความยั่งยืนขององค์กร และการเติบโตระยะยาว มากกว่าชื่อเสียงของแบรนด์เพียงอย่างเดียว
📌 ผลกระทบในประเทศไทย: ความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในตลาดแรงงานไทย
🇹🇭 การเปิดเผยรายชื่อนี้อาจเป็นแรงกระตุ้นให้องค์กรในไทย โดยเฉพาะในภาคเอกชนขนาดใหญ่ หันมาให้ความสำคัญกับ “คุณภาพชีวิตพนักงาน” มากขึ้น เช่นการจัดการเวลา การเปิดโอกาสให้เรียนรู้ข้ามสายงาน และการมีสวัสดิการจิตวิทยาในที่ทำงาน
📈 นอกจากนี้ยังอาจเร่งให้เกิดการแข่งขันเพื่อแย่งชิง “Talent” ระดับบน โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี การเงิน และสุขภาพ ส่งผลให้บริษัทไทยหลายแห่งต้องปรับตัว ไม่เพียงเพื่อดึงคนเก่ง แต่เพื่อรักษาคนเก่งให้อยู่ต่อ
💡 Ripple Effect ต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET และ mai)
หุ้นที่อาจได้รับผลกระทบทางบวกและลบมีดังนี้:
🔵 กลุ่มเทคโนโลยีและไอที
เช่น
🟩 BJC (เบอร์ลี่ ยุคเกอร์) – มีธุรกิจด้านค้าปลีกที่ต้องการแรงงานคุณภาพสูง
🟩 BE8 (เบริล 8 พลัส) – ที่ปรึกษาเทคโนโลยี หากปรับวัฒนธรรมการทำงานให้ใกล้เคียงมาตรฐานโลก อาจดึงดูด talent ได้
🟩 ITEL (อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม) – ธุรกิจโครงข่ายและดิจิทัล ต้องแข่งขันสูงกับองค์กรต่างชาติที่มีวัฒนธรรมการทำงานยืดหยุ่นกว่า
🟠 หากบริษัทในกลุ่มนี้ไม่ปรับวัฒนธรรมให้สอดรับกับคนรุ่นใหม่ อาจสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ให้กับบริษัทต่างชาติ
🔵 กลุ่มการเงิน ประกันและฟินเทค
เช่น
🟩 KKP (ธนาคารเกียรตินาคินภัทร) และ
🟩 TLI (ไทยประกันชีวิต) – อาจได้แรงบันดาลใจจากการจัดอันดับนี้ในการพัฒนาองค์กรเชิงคุณค่ามากขึ้น
🟩 SCAP (ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969) – ฟินเทคสินเชื่อที่มีศักยภาพในการยกระดับองค์กรให้เป็นจุดหมายของคนทำงานรุ่นใหม่
🔵 กลุ่มโรงพยาบาลและสุขภาพ
เช่น
🟩 BDMS (กรุงเทพดุสิตเวชการ) และ
🟩 PR9 (โรงพยาบาลพระรามเก้า) – หากสามารถออกแบบระบบทำงานที่ลดความเหนื่อยล้าของบุคลากรได้ จะเป็นจุดขายที่สำคัญต่อทั้งแรงงานและนักลงทุน
🔵 กลุ่มอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์
🟩 SCG (ปูนซิเมนต์ไทย) และ
🟩 WICE (ไวส์ โลจิสติกส์) – หากสามารถสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย สวัสดิการ และการเติบโตในอาชีพ อาจดึงดูดแรงงานฝีมือที่ขาดแคลนในอุตสาหกรรมได้
🧠 การคิดต่อยอด: ถ้าไทยจะมี “Best Companies to Work For” ของตัวเอง
ทำไมประเทศไทยถึงยังไม่มีการจัดอันดับลักษณะนี้อย่างเป็นทางการ? ถ้ามีการจัดโดยองค์กรอิสระหรือภาครัฐเอง เช่น กระทรวงแรงงาน หรือ ก.ล.ต. ก็จะสร้างแรงจูงใจเชิงบวกให้ภาคเอกชนพัฒนาอย่างยั่งยืน
✅ การมีมาตรฐานเรื่อง “คุณภาพชีวิตในที่ทำงาน” อาจช่วยให้ไทยดึงดูดคนเก่งจากภูมิภาคอื่น
✅ SME ไทยที่มีศักยภาพในการบริหารทรัพยากรบุคคลแบบสากล จะได้รับการส่งเสริมและเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น
✅ นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติจะสามารถประเมินความเสี่ยงในการลงทุนระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น
📣 คุณล่ะ คิดว่าองค์กรในไทยควรเริ่มต้นจัดอันดับบริษัทน่าทำงานที่สุดไหม?
💬 แสดงความคิดเห็นของคุณว่า “ปัจจัยไหน” ที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุดในการเลือกบริษัทที่จะร่วมงานด้วย?
และอยากให้บริษัทไทยเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในยุคที่มนุษย์กับ AI ต้องทำงานร่วมกันมากขึ้น?
🧭 แสดงความคิดเห็นได้เลย แล้วมาร่วมขับเคลื่อนวงการแรงงานไทยให้ดียิ่งขึ้นไปด้วยกันค่ะ!
📌 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#BestCompaniesToWorkFor #USNews #แรงงานโลก #เศรษฐกิจแรงงาน #จัดอันดับบริษัท #WorkplaceRevolution #SoftPowerองค์กร #StockAtlasวิเคราะห์หุ้น
📚 Reference:
StreetInsider – U.S. News & World Report Unveils the 2025-2026 Best Companies to Work For: Private Companies

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา