1 ก.ค. เวลา 04:56 • ข่าวรอบโลก

🏴󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿“ครบปี…แต่เก้าอี้สั่น” นายกฯ สตาร์เมอร์เผชิญศึกในพรรค-ศรัทธาประชาชนร่วง

Starmer Faces Revolt as His First Year Falters
🎯 จากชัยชนะถล่มทลาย สู่แรงสั่นสะเทือนในรัฐบาลแรงงาน
Keir Starmer ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2024 ด้วยชัยชนะที่แทบไม่มีใครโต้แย้ง — แต่เพียง 1 ปีให้หลัง เสียงเชียร์กลับกลายเป็นเสียงกังขาจากทั้งประชาชนและสมาชิกพรรคแรงงานของเขาเอง
⛔ ปัญหาหลักในขณะนี้คือ การปฏิรูประบบสวัสดิการ โดยเฉพาะแผนการตัดเบี้ยคนพิการที่อาจกระทบต่อประชาชนกว่า 3.2 ล้านคนภายในปี 2030
📉 แม้จะยอมถอยและแก้ไขร่างกฎหมาย แต่ความเสียหายทางการเมืองได้เกิดขึ้นแล้ว ความเชื่อมั่นของสาธารณชนถดถอย ขณะที่คะแนนนิยมของ Starmer เริ่มเข้าใกล้ระดับของ Liz Truss ในช่วงก่อนลาออก
⚠️ การเมืองในสหราชอาณาจักรผันผวน – พรรครีฟอร์มมาแรง
ขณะที่พรรคอนุรักษนิยมยังฟื้นตัวไม่ทันจากความพ่ายแพ้ พรรค Reform UK ของ Nigel Farage กลับก้าวขึ้นมาทะลุโพลในบางพื้นที่ กดดันทั้ง Labour และ Conservative อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองอังกฤษยุคใหม่
💥 นี่อาจเป็นสัญญาณของการสลายตัวของระบบพรรคใหญ่ 2 พรรคที่ครองการเมืองมายาวนานกว่า 100 ปี
🇹🇭 ผลกระทบต่อประเทศไทยและนักลงทุนไทย
🇬🇧 หากรัฐบาล Starmer ยังคงเผชิญแรงกดดันภายในและต้องถอยจากนโยบายสำคัญซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจทำให้โครงการความร่วมมือระหว่างไทย–สหราชอาณาจักรในอนาคต เช่น ข้อตกลงการค้า เทคโนโลยีสะอาด หรือระบบสาธารณสุข ถูกชะลอออกไป หรือขาดเสถียรภาพในการดำเนินการต่อเนื่อง
🔹 โอกาสของภาคธุรกิจไทยในการเข้าร่วมวงจรซัพพลายเชนของอังกฤษ โดยเฉพาะในด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี อาจชะลอตัวลงหากการเมืองอังกฤษยังไร้ทิศทาง
📊 วิเคราะห์ Ripple Effect ต่อหุ้นไทยใน SET และ mai
✨ กลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบโดยอ้อมจากการผันผวนทางการเมืองและนโยบายของอังกฤษ ได้แก่:
🔵 กลุ่มสุขภาพและเวชภัณฑ์
STGT (ศรีตรังโกลฟส์) และ MINT (ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล): หากรัฐบาลอังกฤษต้องหาทางประหยัดงบและหันไปเน้นการจัดซื้อจากประเทศต้นทุนต่ำ ไทยอาจเป็นเป้าหมายในการส่งออกเวชภัณฑ์ราคาประหยัด
BDMS (กรุงเทพดุสิตเวชการ): มีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หากแรงงานและระบบสุขภาพในอังกฤษตึงตัว
🔵 กลุ่มส่งออกอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์
TVO (น้ำมันพืชไทย), CPF (เจริญโภคภัณฑ์อาหาร): หากเงินปอนด์ผันผวน อาจกระทบคำสั่งซื้อจากอังกฤษ
ASIAN (เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น): มีโอกาสปรับตัวตาม demand ใหม่จากยุโรป หากการเปลี่ยนนโยบายของอังกฤษทำให้ห่วงโซ่อุปทานต้องโยกย้าย
🔵 กลุ่มพลังงานและเทคโนโลยีสะอาด
GPSC (โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) และ BCPG (บีซีพีจี): หากอังกฤษเร่งลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจเปิดโอกาสให้บริษัทพลังงานหมุนเวียนจากไทยเข้าไปมีบทบาท
🔵 กลุ่มโลจิสติกส์และการค้าระหว่างประเทศ
SJWD (เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์): อาจได้รับผลบวกจากการจัดโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ของยุโรป
PSL (พรีเชียส ชิพปิ้ง): ราคาค่าระวางเรืออาจผันผวน หากอังกฤษเปลี่ยนพฤติกรรมการนำเข้า
🧠 ข้อคิดเชิงลึกจากบทเรียนของ Starmer
🌪️ ความท้าทายของผู้นำไม่ได้อยู่ที่ “จำนวนเสียงในสภา” แต่อยู่ที่ “ความสามารถในการบริหารความเห็นต่าง” และ “การตัดสินใจท่ามกลางวิกฤตที่ทับซ้อนหลายมิติ”
📌 สำหรับนักลงทุนไทย — บทเรียนจาก Starmer คือ การวางกลยุทธ์ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีอะไรแน่นอน และการประเมินนโยบายต่างประเทศที่มีผลต่อห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ
💬 คุณคิดว่าแนวโน้มของ Starmer จะฟื้นตัวได้หรือไม่?
และหุ้นไทยกลุ่มใดที่ควรจับตาเป็นพิเศษจากสถานการณ์นี้?
ร่วมแสดงความเห็นของคุณด้านล่างเลยค่ะ!
🔖 Hashtags:
#ศึกโลกเศรษฐกิจ #BattleOfEconomies #StarmerCrisis #WelfareUturn #LabourUK #การเมืองอังกฤษ #เศรษฐกิจโลก #หุ้นไทย #StockRippleEffect #WorldScope
📰 Reference:
ClickOrlando – Starmer faces down a revolt over welfare reform after a troubled first year in office

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา