3 ก.ค. เวลา 08:59 • หนังสือ

ฮินาตะสโตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้จัดจำหน่ายความหวัง

ยามาโมโตะ โคชิ เขียน / มาลี ศรีวรกุล แปล
โปรยสำนักพิมพ์ไดฟุกุ/Daifuku :
“ผมตกลงที่จะเกษียณอายุก่อนกำหนดครับ” ชายวัย 40 กล่าวขึ้นกลางห้องประชุมที่มีแสงไฟสลัว
อาโอบะ คาซึนาริ เริ่มต้นชีวิตใหม่ในบริษัทกริ๊ปกรุ๊ป ด้วยหวังว่าจะปักธงความสำเร็จ แต่เกิดความท้าทายเมื่อเจ้านายใหม่ไม่ต้อนรับ ทั้งยังถูกส่งไปประจำการที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่กำลังอ่อนแสงโรยรา ณ เมืองซากะ ชายผู้มุ่งมั่นจะพลิกฟื้นซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ ชู ‘ผักกังโคะ’ ออร์แกนิกรสเลิศ ที่รับมาจากเกษตรกรในพื้นที่ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งได้อย่างไร
พบกับเรื่องราวอุ่นละไมที่ฉาบแสงแรงบันดาลใจใน “ฮินาตะสโตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้จัดจำหน่ายความหวัง” พร้อมแล้วที่จะทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง!
หลังอ่านจบอย่างเหน็ดเหนื่อย :
สิ่งน่าเสียดายที่สุดในเล่มนี้คือสำนวนการแปลไม่คงเส้นคงวา เหมือนไม่ได้รับการตรวจทานรอบสอง แปลมาอย่างไรพิมพ์ไปอย่างนั้น เราจึงได้อ่านตัวเอกของเรื่องแทนตัวเองว่า “ผม” ขณะบรรทัดต่อมากลายเป็น “เขา” สลับไปมาจนต้องย้อนอ่านให้แน่ใจ และสรุปได้ว่าสำนักพิมพ์เข็นงานรีบด่วนเกิน
ประโยคคำพูดแรกๆ ค่อนข้างแปลแข็ง หมายความว่าไม่สละสลวย อ่านแล้วกระด้าง ด้วยความเสียดายเส้นเรื่องที่ปูมาดี เราจึงกล้อมแกล้มอ่านต่อไป พบว่าเนื้อหาบรรลุจุดประสงค์ของหมวดหนังสือประโลมใจ เหมาะกับยุคสมัยที่คนทำงานวัย 40+ มักได้รับข้อเสนอให้เกษียณก่อนอายุเพื่อลดพนักงาน การปรับตัวต่อจากนั้นของตัวเอกอย่างอาโอบะก็น่าสนใจทีเดียว
อาโอบะยินยอมเกษียณอายุก่อนกำหนดเพราะรู้ว่าบริษัทตั้งใจบีบคนออกอยู่แล้ว ประกอบกับมีข้อเสนอจากบริษัทที่เพื่อนสนิททำงานด้วยให้เป็นผู้จัดการ คิดว่าจะอย่างไรก็มีทางไป แต่นึกไม่ถึงว่าบริษัทเพื่อนจะเปลี่ยนประธานคนใหม่ เปลี่ยนนโยบาย อาโอบะต้องไปฝึกงานในซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ห่างไกล ต้องไปเช่าห้องพักแยกจากครอบครัว (ภรรยาจอมจุ้นจ้านหนึ่งคน ลูกสาววัยขบถหนึ่งคน) อีกนัยหนึ่งคือบีบให้เขายอมแพ้ ลาออกจากบริษัทเอง
แต่อาโอบะไม่มีทางเลือกอื่นในวัยขนาดนี้ จำต้องเดินหน้าฝึกงานทุกอย่างตั้งแต่ทำความสะอาดห้องน้ำในซูเปอร์มาร์เก็ต เก็บงำความไม่พอใจไว้ข้างใน โอกาสจะได้งานยากแสนยาก แม้จะต้องใช้ชีวิตด้วยจักรยานเก่าๆ ถีบมาทำงานเป็นกะ อยู่กับซูเปอร์มาร์เก็ตเก่าโทรมซึ่งดูท่าใกล้ปิดตัวในเร็ววัน ขนาบข้างด้วยซูเปอร์ขนาดใหญ่ ผู้คนคึกคัก ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่เดินต่อ แต่อาโอบะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ความสนุกอยู่ที่การแก้ปัญหาของอาโอบะซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทอาหารมืออาชีพ เขาค่อยๆ ปรับเปลี่ยนแนวคิดขั้วตรงข้ามของผู้จัดการฮินาตะสโตร์ เปลี่ยนอาการต่อต้านของพนักงานวัยใกล้เกษียณในร้านให้หันมาร่วมมือร่วมใจลงแรง หาโอกาสใหม่ๆ หาช่องทางการตลาด หาสินค้าที่คู่แข่งไม่มี มองคู่ค้าที่ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่มองข้าม ผ่านทีละก้าวจากความไม่มั่นใจสู่ความตั้งใจ และทำให้ฮินาตะสโตร์ปักหลักได้ในที่สุด
เนื้อหาสอดแทรกการต่อสู้ทางความคิด การไม่ยอมแพ้ชะตา การหาช่องทางท่ามกลางความหวังริบหรี่ ต่อให้คนทั้งโลกบอกว่าคุณทำไม่ได้ ยอมแพ้ไปเสียเถอะ หากคุณบอกว่าไม่ยอม ใครจะบังคับข่มขู่คุณได้ อาโอบะทำให้คนอ่านอย่างเรามีพลัง สูงวัยไม่ใช่อุปสรรคในการคิดเพื่อต่อยอดอนาคต และเป็นอนาคตที่สังคมโดยรวมอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดอง
ครึ่งหลังของเล่มให้พื้นที่ผู้สูงอายุได้สร้างคุณค่าของชีวิต ลดช่องว่างระหว่างวัย เปิดการยอมรับนับถือระหว่างพ่อกับลูก สามีกับภรรยา คนในท้องถิ่นกับผู้ประกอบการ เราได้รู้จักพืชผักและการปรุงอาหารจากวัตถุดิบธรรมชาติในหลายรูปแบบ หลายจานเรียกน้ำย่อยในกระเพาะขณะอ่าน ถือว่าผู้เขียนประสบความสำเร็จเชียวล่ะ
เนื้อหาสามารถนำไปเป็นแรงบันดาลใจให้คนอ่านได้หลายเรื่อง แม้จะไม่ใช่คู่มือทางจิตวิทยาโดยตรง ทว่าแฝงสัจธรรมการครองชีวิตอย่างหลักแหลม เสียดายสำนวนการแปลช่วงแรกที่อาจจะทำให้นักอ่านหลายคนไม่ผ่านด่านจนถึงท้ายที่สุด
คะแนนเต็ม 10 ให้ 7 หักความเสียดายทั้งหลายแหล่ดังกล่าวมา เนื้อหาดีก็จริง แต่ถ้ามีคำว่า “เสียดาย” หลายสิ่ง จำต้องหักไปด้วยประการฉะนี้
โฆษณา