Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
3 ก.ค. เวลา 14:54 • ความคิดเห็น
🧠 ฟังเก่งหรือแค่รอพูด?
เมื่อการฟังกลายเป็น "ศิลปะที่หายาก" ในโลกแห่งการสื่อสาร
ฟังด้วยหู หรือฟังด้วยใจ? และเราฟังเพื่ออะไร?
ในยุคที่ใครๆ ก็อยากพูด อยากแชร์ อยากแสดงความเห็น "การฟัง" กลับเป็นทักษะที่หาได้ยากขึ้นทุกที แม้หลายคนจะเชื่อว่าตนเองเป็นนักฟังที่ดี แต่ความจริงอาจตรงกันข้าม — เพราะสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวัน อาจเป็นแค่การ "รอคิวพูด" ไม่ใช่การฟังอย่างแท้จริง
* การฟังคือหนึ่งใน Soft Skill ที่เปลี่ยนเป็น "Power Skill" ได้อย่างทรงพลัง หากเราฟังด้วยความตั้งใจจริง
* การฟังไม่ใช่เพียงเพื่อแสดงความสุภาพหรือรักษามารยาท แต่คือเครื่องมือในการสร้างความเข้าใจ ละลายความขัดแย้ง และเปิดประตูไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นทั้งในชีวิตส่วนตัวและในองค์กร
บทความนี้ไม่เพียงแต่ชวนคุณกลับมาทบทวนการฟังของตัวเอง แต่จะเปิดโปง 5 อาการเรื้อรังของ "นักฟังที่ยังฟังไม่เป็น" ที่กำลังทำลายความไว้วางใจ บั่นทอนความสัมพันธ์ และปิดโอกาสแห่งความร่วมมือ โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
====
🎯 อาการที่ 1: "ฟังเพื่อจะตอบ ไม่ใช่เพื่อจะเข้าใจ"
ขณะที่เขากำลังพูด...คุณกำลังวางกลยุทธ์ตอบโต้ในหัวอยู่หรือเปล่า?
นี่คืออาการที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในคนที่มีทักษะการพูดดี ความฉลาดทางความคิดสูง เรามัก "ตั้งรับ" อยู่เงียบๆ เพื่อหา "ช่องโต้กลับ" มากกว่าจะเปิดใจฟังประเด็นให้ครบ ถ้าคุณกำลังคิดว่า "เขาพูดผิดตรงนี้นะ เดี๋ยวต้องแย้ง" — คุณอาจกำลังปิดประตูแห่งความเข้าใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มเปิด
Stephen R. Covey เคยกล่าวไว้ว่า: "Seek first to understand, then to be understood" — ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ เริ่มจากการฟังให้เข้าใจ ไม่ใช่การพูดให้ชนะ เพราะการเข้าใจคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่การแสดงว่าใครถูกกว่าใคร
====
👓 อาการที่ 2: “ฟังผ่านตัวกรอง (Filter) ของตัวเอง"
ทุกคนมี "แว่นอคติ" ที่สวมไว้โดยไม่รู้ตัว บางครั้งสิ่งที่เราได้ยินถูกปรับแต่งในหัวโดยอัตโนมัติ
"คำพูดที่ไม่ตรงใจมักถูกมองข้าม หรือบิดเบือนให้เข้ากับสิ่งที่เราอยากเชื่อ"
สิ่งนี้ไม่เพียงทำลายความเข้าใจ แต่ยังบั่นทอนความสัมพันธ์ เพราะคู่สนทนาจะสัมผัสได้ทันทีว่า "เขาไม่ได้ฟังเรา...เขากำลังฟังภาพจำของเขาเอง" การรับฟังด้วยใจที่เปิด ไม่ด่วนตัดสิน คือการให้เกียรติผู้อื่นและฝึกตนเองไปพร้อมกัน
ลองสังเกตตัวเองง่ายๆ ว่า เมื่อมีใครพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับความเชื่อของเรา เรามักจะฟังต่ออย่างใคร่ครวญ หรือเริ่มรู้สึกขัดใจแล้วเตรียมหยุดฟังทันที? คำถามนี้จะเปิดเผยว่าเราใช้ “ตัวกรองแห่งอคติของเรา?" ในการรับฟังมากแค่ไหน?
====
✂️ อาการที่ 3: "รีบด่วนสรุป คิดว่าเข้าใจแล้ว"
อาการนี้พบใน "คนเก่ง" จำนวนมาก เพราะเมื่อเราประมวลผลเร็ว เรามัก "ข้ามขั้น" คิดว่าเข้าใจแล้ว จึงพูดแทรก สรุปแทน หรือปิดบทสนทนาเร็วเกินไป
แต่ความเร็วไม่ได้การันตีความเข้าใจที่แท้จริง ความอดทนที่จะฟังจนจบต่างหากคือสิ่งที่แสดงถึงวุฒิภาวะ และให้เกียรติผู้พูดอย่างแท้จริง
หลายครั้งความเข้าใจลึกซึ้งจะถูกเปิดเผยในตอนท้ายของประโยค ไม่ใช่ต้นเรื่อง การฟังให้จบจึงไม่ใช่แค่ความสุภาพ แต่คือ "การเปิดพื้นที่" ให้ความคิดอีกฝ่ายได้เติบโตอย่างเต็มที่ โดยไม่มีการขัดจังหวะมาบีบแนวคิดให้แคบลงก่อนเวลาอันควร
====
🤐 อาการที่ 4: "พูดเก่งจนลืมเงียบ"
หลายคนเข้าใจผิดว่า "การพูดช่วยแก้ปัญหา" เสมอ — โดยเฉพาะผู้นำและที่ปรึกษา แต่ในหลายสถานการณ์ ผู้พูดไม่ได้ต้องการคำตอบ...เขาแค่ต้องการคนที่ฟังด้วยใจ
จงอย่าประเมินค่าความเงียบต่ำเกินไป — บางครั้งการพยักหน้าเบาๆ และปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ ก็อาจเปิดเผยสิ่งที่ลึกที่สุดในใจของอีกฝ่ายได้
ผู้นำที่แท้จริงรู้ว่าคำตอบไม่ได้อยู่ที่การพูดเสมอไป บางครั้งอยู่ในช่วงเวลาเงียบที่เรายอมฟัง ไม่ตัดสิน ไม่เร่งสรุป และไม่รีบยัดคำแนะนำสำเร็จรูปเข้าไปก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้สึกว่าเขาได้รับการเข้าใจอย่างแท้จริง
====
❤️ อาการที่ 5: "ประเมินความสำเร็จด้วยเจตนา ไม่ใช่ผลลัพธ์"
เรามักคิดว่า "ฉันตั้งใจฟังแล้ว" ก็คือเพียงพอ แต่การฟังที่ดีไม่ได้วัดจาก "เรารู้สึกยังไง?" แต่ต้องวัดจากว่า "เขารู้สึกอย่างไรหลังจากพูดจบ?" — ถ้าเขาไม่รู้สึกว่าได้รับการฟังและเข้าใจ การฟังนั้นก็ล้มเหลวโดยสมบูรณ์
เจตนาดีไม่ใช่ข้อยกเว้น ความสำเร็จของการฟังวัดจากผลลัพธ์ในใจของผู้พูด ถ้าอีกฝ่ายยังรู้สึกว่าถูกตัดสิน รู้สึกไม่มีค่า หรือรู้สึกไม่ได้รับการยอมรับ — นั่นหมายถึงการฟังล้มเหลว แม้เราจะตั้งใจฟังอย่างจริงจังแค่ไหนก็ตาม
การฟังจึงเป็นเหมือนกระจกสะท้อนว่า เราเคารพและให้คุณค่ากับอีกฝ่ายแค่ไหน มากกว่าจะเป็นแค่ทักษะทางเทคนิคหรือมารยาทพื้นฐาน
====
💡"การฟังคือความกล้าหาญ ไม่ใช่เทคนิค"
การฟังไม่ใช่แค่ทักษะการสื่อสาร แต่มันคือการวางอีโก้ เปิดพื้นที่ให้คนตรงหน้าได้มีตัวตนอย่างเต็มที่ โดยไม่มีคำตัดสิน ไม่มีข้อแทรก ไม่มีแผนโต้กลับ
เพราะในโลกที่ทุกคนแย่งกันพูด...คนที่ฟังอย่างแท้จริงคือผู้มีพลังเงียบที่ทรงอิทธิพลที่สุดในห้อง
ผู้นำที่ฟังอย่างแท้จริงจะสามารถเชื่อมต่อกับทีม สร้างความปลอดภัยทางใจ และเปิดพื้นที่ให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง การฟังคือจุดเริ่มต้นของความไว้วางใจ และความไว้วางใจคือฐานรากของทุกความสำเร็จในความสัมพันธ์
====
หมายเหตุ - “ที่พูดมาทั้งหมด ผู้เขียนก็ยังทำได้บ้างไม่ได้บ้างนะครับ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่จำเป็น"
====
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#DeepListening
#EmpathyInLeadership
#ฟังให้เข้าใจไม่ใช่แค่ได้ยิน
วัฒนธรรมองค์กร
ผู้นำ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย