7 ก.ค. เวลา 10:09 • ข่าวรอบโลก

🌐 ไทยยื่นข้อเสนอสุดท้าย หวังสหรัฐฯ ไม่ฟันภาษี 36%

🇺🇸 Thailand Submits Final Trade Proposal to U.S. Amid Looming 36% Tariff Threat
📌 เดิมพันส่งออก 5.5 ล้านล้านบาทกับเส้นตาย 9 ก.ค. 2568
ประเทศไทยยื่นข้อเสนอปรับปรุงล่าสุดให้สหรัฐฯ แล้ว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง "พิชัย ชุณหวชิร" เปิดเผยว่า ไทยได้ตอบสนองต่อจุดที่สหรัฐฯ สนใจเป็นพิเศษ และยังอาจมีการปรับเพิ่มในอนาคตหากจำเป็น ก่อนที่เส้นตายวันที่ 9 ก.ค. 2568 จะมาถึง ซึ่งหากไม่สามารถตกลงกันได้ สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยจาก 10% เป็น 36%
🇹🇭 สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย คิดเป็น 18.3% หรือกว่า 54.96 พันล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา และมีตัวเลขขาดดุลการค้า 45.6 พันล้านดอลลาร์
🔍 มุมมองเชิงสร้างสรรค์:
นี่ไม่ใช่แค่ดีลการค้า แต่คือการวัดพลังต่อรองของไทยในเวทีโลก เมื่อการส่งออกเผชิญ “กำแพงภาษี” ไทยอาจต้องหันกลับมาสร้าง “ภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจ” ภายในประเทศให้เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศ การยกระดับนวัตกรรม หรือการขยายพันธมิตรใหม่ในภูมิภาค
⚙️ กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรง:
📦 สินค้าหลักที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และผลิตภัณฑ์ยาง — ซึ่งมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากต้นทุนภาษีที่สูงขึ้น
📉 หากดีลไม่สำเร็จ ผลกระทบระยะสั้นอาจฉุดการเติบโตเศรษฐกิจไทยให้เหลือเพียง 1% ตามคาดการณ์ของรัฐมนตรีพิชัย ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินภาพรวมไว้ที่ 2.3% เท่านั้น
🛢️ ประเด็นพลังงานที่แทรกอยู่ในเงาเศรษฐกิจโลก
แม้ภาพรวมจะมืดมน แต่ไทยยังมีดีลพลังงานมูลค่ามหาศาลเป็นตัวประคองความสัมพันธ์ เช่น การที่กลุ่ม PTT ลงนามสัญญานำเข้า LNG จากโครงการของ Glenfarne ในอลาสก้า — ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยตรง
✈️ ข้อตกลงนี้สะท้อนว่าแม้จะมีแรงเสียดทานทางการค้า แต่พลังงานยังเป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เชื่อมสัมพันธ์สองประเทศได้ในระยะยาว
📈 💥 Ripple Effect ต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET และ mai):
🎯 กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง:
🔻 ADVICE (แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท) และ BIG (บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น) – จำหน่ายสินค้าไอที คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์มือถือ มีความเสี่ยงที่ราคาสินค้าจะสูงขึ้น หากต้นทุนภาษีจากฝั่งผู้ผลิตพุ่ง ทำให้ยอดขายในประเทศชะลอตัว
🔻 AH (อาปิโก ไฮเทค) – ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ อาจถูกบีบด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากประเทศคู่แข่ง
🔻 AS (แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์) – ลงทุนในบริการดิจิทัลและไอที อาจได้รับผลกระทบหากภาพรวมภาคเทคโนโลยีไทยชะลอตัวจากตลาดส่งออกหลัก
🎯 กลุ่มที่อาจได้อานิสงส์ทางอ้อม:
🟢 ADVANC (แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) – หากต้นทุนเทคโนโลยีนำเข้าเพิ่มขึ้นและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนา R&D ภายในประเทศ ผู้เล่นที่มีศักยภาพและงบลงทุนสูงอย่าง ADVANC จะยิ่งโดดเด่น
🟢 กลุ่มค้าปลีกในประเทศ เช่น CPAXT (ซีพี แอ็กซ์ตร้า), HMPRO (โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์), DOHOME (ดูโฮม) – อาจได้แรงหนุนจากกระแส "สนับสนุนสินค้าไทย" หากประชาชนลดการบริโภคสินค้านำเข้า
💬 คำถามเชิงกลยุทธ์:
• หากไทยเจรจาไม่สำเร็จ การพึ่งพาสหรัฐฯ จะกลายเป็นจุดอ่อนระยะยาวหรือไม่?
• ไทยควรหันไปเร่งเปิดตลาดกับใครแทน? อินเดีย? ตะวันออกกลาง?
• หรือถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนจาก “การผลิตเพื่อนำออก” เป็น “การสร้างภายในให้แกร่ง” อย่างแท้จริง?
🧠 บทสรุปเชิงลึก:
ภัยคุกคามจากภาษีสหรัฐฯ คือ “การทดสอบนโยบายเศรษฐกิจไทย” ว่าเราจะปรับตัวได้เร็วพอหรือไม่ ในยุคที่ไม่มีตลาดไหนปลอดภัยตลอดไป การลงทุนในนวัตกรรม ความสามารถด้านเทคโนโลยี และการบริหารความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ — คือคำตอบที่ทุกภาคธุรกิจต้องหาทางรอดของตัวเอง
💬 คุณคิดเห็นอย่างไรกับแนวทางรับมือของไทยในสถานการณ์นี้?
คุณคิดว่าหุ้นกลุ่มใดจะปรับตัวได้ดีที่สุด?
แสดงความคิดเห็นเพื่อร่วมวิเคราะห์ไปด้วยกันนะคะ 🌏📊
🔖 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#ศึกโลกเศรษฐกิจ #TradeWar #ThaiExports #USATariffs #PichaiChunhavajira #36PercentTariff #GlobalSupplyChain #เศรษฐกิจไทย #ส่งออก #หุ้นไทย #SET100 #BattleOfEconomies #WorldTradeTensions #Geoeconomics #เศรษฐกิจโลกระอุ #SETImpact #maiStocks
📚 Reference:
The Business Standard – Thailand has submitted latest trade proposal to United States: finance minister

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา