7 ก.ค. เวลา 11:22 • ข่าวรอบโลก

🌀 ยุโรปติดกับระหว่าง จีน "สี จิ้นผิง" และอเมริกาภายใต้ "ทรัมป์"

🇪🇺 How Europe Got Stuck Between Xi’s China and Trump’s America
🌍 เมื่อ 'ยุโรป' กลายเป็นสนามประลองทางเศรษฐกิจของ 2 ขั้วอำนาจ
เดิมทีหลายฝ่ายคาดหวังว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะเปิดโอกาสให้ “ยุโรป” สร้างพันธมิตรเศรษฐกิจใหม่ได้ โดยเฉพาะกับจีนในฐานะแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในความเป็นจริง กลับกลายเป็นว่ายุโรปต้องรับแรงบีบจากทั้ง 2 ฝั่ง — สหรัฐฯ ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มุ่งตั้งกำแพงภาษี และจีนของสี จิ้นผิง ที่ใช้กลยุทธ์พึ่งพิงและควบคุม
✴️ ผลกระทบที่ไทยควรจับตา: ไทยอยู่ใน Supply Chain ที่โยงกับทั้งยุโรปและจีนโดยตรง หากยุโรปต้องปรับกลยุทธ์การค้า อาจเกิด Ripple Effect กับอุตสาหกรรมส่งออกของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Rare Earth, EV, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และพลังงานสะอาด
🔥 ดาบ 2 คมของจีน: คู่ค้าใหญ่ แต่ก็เป็นคู่แข่งสำคัญ
แม้ยุโรปยังคงพึ่งพาจีนในฐานะแหล่งวัตถุดิบและตลาดส่งออก โดยเฉพาะในภาคยานยนต์และเทคโนโลยี แต่ความไม่สมดุลในด้านการค้าเริ่มกดดันหนักขึ้น Cheap Products อย่าง Shein และ Temu ท่วมตลาดยุโรป ขณะเดียวกันรัฐจีนยังอุ้มอุตสาหกรรมในประเทศแบบสุดตัว ทำให้ผู้ประกอบการยุโรปตกที่นั่งลำบาก
📌 หุ้นไทยที่มีความเกี่ยวข้อง:
🌱 NER (นอร์ทอีส รับเบอร์) และ TRUBB (ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป) — หากจีนเร่งส่งออกสินค้าราคาถูก จะกดดันตลาดยางพาราและสินค้าแปรรูป
🔋 EA (พลังงานบริสุทธิ์) และ HTECH (แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่) อาจเผชิญแรงกดดันจากคู่แข่งจีนที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐ ทั้งด้านต้นทุน เทคโนโลยี และการรุกคืบตลาดส่งออก
🚗 AH (อาปิโก ไฮเทค) และ SAT (สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี) — ที่ส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ไปยุโรป อาจต้องเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาษีนำเข้า
💥 ทรัมป์กับนโยบายภาษี: ยุโรปโดนลูกหลงเต็มๆ
แม้จะเป็นพันธมิตรเก่าแก่ แต่ยุโรปกำลังเจรจาอย่างเข้มข้นกับคณะบริหารของทรัมป์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเหมาเข่ง 10% ที่กำลังจะบังคับใช้กับสินค้าทั้งบล็อก หากการเจรจาล้มเหลว อุตสาหกรรมส่งออกหลักของยุโรป เช่น รถยนต์ เครื่องจักร และเคมีภัณฑ์ จะได้รับผลกระทบทันที — และไทยเองก็อยู่ในห่วงโซ่อุปทานนี้ด้วย
📌 หุ้นไทยที่ควรจับตา:
⚙️ KCE (เคซีอี อีเลคโทรนิคส์) และ HANA (ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส) — ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกไปยุโรป อาจต้องเผชิญคำสั่งซื้อลดลง
🚚 SJWD (เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์) และ PSL (พรีเชียส ชิพปิ้ง) — หากยุโรปต้องเปลี่ยนเส้นทางการค้า อาจเกิดดีมานด์ใหม่ด้านโลจิสติกส์ระหว่างเอเชีย-ยุโรป
🧲 สงคราม Rare Earth: เมื่อจีนถือไพ่ใบสำคัญ
จีนควบคุมการส่งออกแม่เหล็ก Rare Earth ซึ่งจำเป็นต่อ EV โดรน และอาวุธ จนทำให้ยุโรปต้องดิ้นรนขอความร่วมมือในการเข้าถึงแร่เหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า “จีนไม่ได้เล่นแค่เกมการค้า แต่เล่นเกมภูมิรัฐศาสตร์ด้วย”
📌 หุ้นไทยที่อาจได้แรงกระเพื่อม:
🔬 SVI (เอสวีไอ) และ KWM (เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค) — หากไทยหันมาผลักดันการผลิตหรือแปรรูป Rare Earth ด้วยตนเอง บริษัทเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาจกลายเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในเวทีโลก
🔌 GUNKUL (กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง) และ BGRIM (บี.กริม เพาเวอร์) — หากอุตสาหกรรม EV และพลังงานสะอาดต้องพึ่ง Rare Earth มากขึ้น ผู้ผลิตระบบไฟฟ้าจะมีบทบาทสูงขึ้นเช่นกัน
🌐 อนาคตของยุโรป: เดินหน้าสร้างกลุ่มการค้าใหม่ ห่างไกลจีน-สหรัฐฯ
ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้ง 2 ขั้ว ผู้นำยุโรปพยายามสร้างเครือข่ายการค้าใหม่กับกลุ่มประเทศ CPTPP เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม และออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นแนวทาง “เอาตัวรอด” โดยไม่ต้องเลือกข้างเต็มตัว
📌 โอกาสของไทยในเวทีใหม่นี้:
📦 ไทยอาจขยับบทบาทในฐานะฐานการผลิตสำรอง โดยเฉพาะในภาคยานยนต์และเกษตรแปรรูป หากยุโรปมองหา Partner ที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดจากจีนหรือสหรัฐฯ
📈 หุ้นที่มีศักยภาพสูงในบริบทนี้ ได้แก่:
🥦 APURE (อกริเพียว โฮลดิ้งส์) และ STA (ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี) — อาหารและสินค้าเกษตรที่เน้นส่งออก
🏭 TRC (ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น) และ PROEN (โปรเอ็น คอร์ป) — ผู้รับเหมาและผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หากมีการย้ายฐานการผลิตมาไทย
🗣️ คุณคิดว่าไทยควรวางตำแหน่งตนเองอย่างไรในเกมการค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็วเช่นนี้?
ไทยควร “เลือกข้าง” หรือ “หาจุดยืนกลาง”?
💬 ร่วมแชร์ความคิดเห็นของคุณด้านล่าง — เราอยากได้ยินมุมมองจากคุณค่ะ!
📢 Hashtags:
#BattleOfEconomies #ศึกโลกเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก #EUvsChina #ทรัมป์คัมแบ็ค #RareEarthGeopolitics #TradeWar2025 #หุ้นไทย #SETtoday #StockAtlasInsight #WorldScope

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา