8 ก.ค. เวลา 09:07 • ข่าวรอบโลก

📰 เมื่อผู้หญิงยืนแถวหน้า! อินเดียลั่นโควตา 35% ในงานรัฐ หวังเขย่าฐานเสียงเลือกตั้ง

🇮🇳 Nitish Kumar Announces 35% Reservation for Women in Bihar Government Jobs Ahead of Elections
📍 ในจังหวะที่การเมืองอินเดียกำลังร้อนแรง รัฐบาลภายใต้การนำของนายนิติช กุมาร (Nitish Kumar) แห่งรัฐพิหาร (Bihar) ได้ประกาศมติสุดเซอร์ไพรส์: สัดส่วน 35% ของงานและตำแหน่งในหน่วยงานราชการรัฐ จะสงวนไว้สำหรับ "ผู้หญิง" ที่มีสัญชาติพื้นเพจากพิหารโดยเฉพาะ
💬 แนวนโยบายนี้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนในการหวัง ชนะใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งหญิงในรัฐพิหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดของอินเดีย และมักมีการเลือกตั้งที่แข่งขันดุเดือด
🎯 🧩 เปลี่ยนเกมการเมือง: “35% สู่การครองใจผู้หญิง”
✅ การจัดสรรตำแหน่งงานภาครัฐ 35% สำหรับผู้หญิง ถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางนโยบายรัฐครั้งใหญ่ ซึ่งจะส่งผลทั้งระยะสั้นต่อเสียงโหวต และระยะยาวต่อโครงสร้างแรงงานรัฐ
💡 หากหญิงจากพิหารมีโอกาสเข้าถึงงานในหน่วยงานรัฐมากขึ้น จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเพศในพื้นที่ชนบท เพิ่มรายได้ครัวเรือน และส่งเสริมให้ผู้หญิงมีบทบาทในระบบราชการมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเร่งการพัฒนาในระดับชุมชน เพราะเมื่อ “ผู้หญิงมีงาน – ครอบครัวมีเสถียรภาพ – ระบบรัฐมีพลังขับเคลื่อน”
🚺 📌 อินเดียเคลื่อนไหว... ไทยต้องไม่หยุดคิด!
🌏 สำหรับประเทศไทย การเดินหมากเพิ่มสัดส่วนผู้หญิงในระบบราชการอาจดูไกลตัว แต่ในมิติของ “แรงบันดาลใจเชิงนโยบาย” ถือว่า มีประโยชน์ต่อการทบทวนและต่อยอดแนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในไทย
🇹🇭 ปัจจุบัน ไทยมีการผลักดันความเสมอภาคทางเพศในระดับหนึ่ง แต่ยังขาด “นโยบายเชิงปริมาณ” ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้าถึงตำแหน่งเชิงนโยบายในระบบรัฐอย่างเป็นระบบ หากมีแนวทางคล้ายพิหารเกิดขึ้นในไทย อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในหลายภาคส่วน เช่น การเพิ่มบทบาทของสตรีในท้องถิ่น เทศบาล อปท. รวมถึงในหน่วยงานระดับชาติ
📈 📊 Ripple Effect ถึงหุ้นไทย: หญิงขับเคลื่อนตลาด – หุ้นที่เกี่ยวข้องเริ่มสั่นไหว
🌸 เมื่อนโยบายรัฐในต่างประเทศมีการยกระดับสิทธิของผู้หญิงในตลาดแรงงานโดยเฉพาะ “งานราชการ” และ “การจ้างงานภาครัฐ” ย่อมมีแรงสะเทือนมาถึงหุ้นไทยในหลายกลุ่ม โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแรงงาน การศึกษา การสรรหาบุคลากร รวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงในระบบเศรษฐกิจโดยตรง เช่น สุขภาพ ความงาม หรือการทำงานจากที่บ้าน
✨ หุ้นที่อาจได้รับอานิสงส์เชิงบวกใน SET และ mai ได้แก่:
🔹 NRF (เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์) – เนื่องจากดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและผลิตภัณฑ์พืชที่ตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ที่เน้นสุขภาพ และมีความเชื่อมโยงกับผู้หญิงที่เข้าสู่ระบบแรงงานมากขึ้น
🔹 PORT (สหไทย เทอร์มินอล) – ให้บริการขนส่งน้ำมันและเคมีภัณฑ์ทางเรือ มีแนวโน้มเปิดรับแรงงานหญิงมากขึ้นในสายงานบริหารและโลจิสติกส์ ตามกระแสแรงงานหญิงที่เติบโตในอุตสาหกรรมพลังงานและขนส่งหนัก
🔹 PLANB (แพลน บี มีเดีย) – โฆษณาและสื่อดิจิทัลที่มุ่งเน้นกลุ่มผู้บริโภคหญิงโดยเฉพาะ โอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นหากผู้หญิงมีรายได้ประจำมากขึ้นจากการทำงานภาครัฐ
🔹 SPA (สยามเวลเนสกรุ๊ป) – กลุ่มบริการเพื่อสุขภาพและสปา การที่ผู้หญิงมีบทบาททางเศรษฐกิจมากขึ้นจะหนุนการใช้จ่ายด้านดูแลสุขภาพส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น
🔹 JMART (เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์) และ SABINA (ซาบีน่า) – เมื่อผู้หญิงมีรายได้มั่นคงขึ้น การจับจ่ายด้านสินค้าอุปโภคบริโภค และแฟชั่นก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตาม
🧠 ทั้งหมดนี้ยังเป็น “จุดตั้งต้น” ในการคิดต่อยอดสำหรับกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้น “Empower Women Economy” ซึ่งน่าจะเป็นธีมสำคัญระดับภูมิภาคในปี 2025–2026
🧒🏻 🔥 มากกว่านั้น! พิหารตั้ง Youth Commission พร้อมหนุนผู้พิการลุยสนามสอบราชการ
📌 รัฐบาลนิติชยังประกาศตั้งคณะกรรมการเยาวชน (Youth Commission) เพื่อส่งเสริมศักยภาพคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ พร้อมจัดงบสนับสนุนคนพิการที่สอบผ่านรอบแรกของ BPSC หรือ UPSC ถึง ₹50 แสน (ประมาณ 24 ล้านบาท) และเบี้ยเลี้ยงอีก ₹1 แสน
💡 แนวทางนี้มีนัยยะสำคัญมากต่อแนวคิด “รัฐสนับสนุนให้คนพิการเข้าสู่ระบบข้าราชการ” ซึ่งประเทศไทยอาจนำมาปรับใช้ได้ โดยเฉพาะการให้ทุนหรือเบี้ยเลี้ยงแก่คนพิการที่สอบผ่านรอบต้นในการบรรจุราชการ
🔍 หุ้นที่น่าจับตาในบริบทนี้ เช่น:
🔸 KISS (โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล) – กลุ่มสุขภาพความงามที่มีโปรเจกต์สนับสนุนผู้พิการด้านผิวหนังหรือการแพ้เครื่องสำอางในอดีต
🔸 AQUA (อควา คอร์เปอเรชั่น) – มีแผนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อและโอกาสงานสำหรับกลุ่มเปราะบาง
🔸 KEX (เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส) – บริษัทจัดส่งพัสดุที่เริ่มขยายช่องทางจ้างงานกลุ่มพิเศษ เช่น ผู้สูงวัยและผู้พิการในเขตเมือง
🚜 💧 สุดท้ายไม่ลืมเกษตรกร – แจกดีเซล Irrigate 3 รอบ รับเงินสูงสุด 18,000 บาทต่อราย
🟢 เกษตรกรในพิหารที่ประสบภัยแล้งจากฝนตกต่ำในเดือนกรกฎาคม 2025 จะได้รับเงินช่วยเหลือผ่าน “ดีเซลซับซิไดซ์” มูลค่า ₹100 crore (ประมาณ 440 ล้านบาท) เพื่อใช้สูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูก โดยได้รับค่าชดเชย ₹2,250 (ประมาณ 990 บาท) ต่อรอบการรดน้ำ และครอบคลุมถึง 8 ไร่
🌾 หากเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้งในไทยโดยเฉพาะภาคอีสาน หรือพื้นที่ที่พึ่งพาน้ำฝน เช่น จังหวัดศรีสะเกษ มหาสารคาม บุรีรัมย์ – นโยบายลักษณะนี้อาจกลายเป็นแนวทางให้รัฐบาลไทย “ปรับการอุดหนุนพลังงานแบบตรงจุด” แทนที่จะอุดหนุนราคาโดยรวม
📌 หุ้นเกษตรหรือพลังงานที่น่าสนใจ:
🌱 KWM (เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค) – ผู้ผลิตอุปกรณ์เกษตรอย่างใบผาล ใบเกลียวลำเลียง มีแนวโน้มเติบโตหากภาครัฐอัดฉีดเครื่องจักร
⛽ OR (ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก) และ BCP (บางจาก คอร์ปอเรชั่น) – ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากดีมานด์ดีเซลในภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น
🧑🏻‍🌾 TAKUNI (ทาคูนิ กรุ๊ป) – ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและงานบริการในภาคชนบท ก็อาจได้รับผลพ่วงบวกเช่นกัน
📣 คุณคิดว่าไทยควรใช้โมเดล “พิหาร” นี้กับแรงงานหญิง คนพิการ หรือเยาวชนบ้างไหม?
แล้วภาคเอกชนควรปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อรับมือกับแรงงานใหม่ที่อาจเปลี่ยนโฉมตลาดในไม่ช้า?
💬 แบ่งปันความคิดเห็นของคุณกับเราได้เลย เพื่อร่วมกันสร้างแนวคิดใหม่ๆ ให้การพัฒนาเศรษฐกิจไทยก้าวไกลอย่างยั่งยืนนะคะ 💡🇹🇭✨
🔍 Hashtags
#ประชาธิปไตยระอุ #IndiaPolitics #BiharReservation #สิทธิสตรี #Elections2025 #เพจวิเคราะห์โลกไม่หยุดนิ่ง
📰 Reference: Republic World

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา