8 ก.ค. เวลา 09:21 • ข่าวรอบโลก

🇰🇪 เคนยาเดือด! ประท้วงลุกลามทั้งประเทศ ดับแล้ว 11 ศพ จับกุมเกิน 500 ราย

Kenya Erupts in Anti-Government Protests: 11 Dead, Over 500 Detained
🧭 บทนำ: ไฟโหมจากอดีต สะท้อนแรงสั่นสะเทือนในปัจจุบัน
เหตุประท้วงครั้งใหญ่ทั่วเคนยาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2025 กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก เมื่อมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย และถูกจับกุมกว่า 567 ราย โดยมีต้นตอมาจากการรำลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ “Saba Saba” เมื่อ 35 ปีก่อน ทว่าความคับข้องใจที่แท้จริงกลับฝังลึกยิ่งกว่าความทรงจำ นั่นคือ ปัญหาคอร์รัปชัน ความรุนแรงของตำรวจ และภาวะค่าครองชีพพุ่งสูงต่อเนื่อง
📌 การใช้แก๊สน้ำตา-ปืนฉีดน้ำ รวมถึงเหตุบุกสลายองค์กรสิทธิมนุษยชน สะท้อนถึงระดับความตึงเครียดที่รัฐบาลต้องการควบคุม แม้จะถอยร่างกฎหมายภาษีแล้วก็ตาม แต่แรงต้านยังพุ่งไม่หยุด
🌍 วิเคราะห์ผลกระทบเชิงภูมิรัฐศาสตร์
📉 เหตุการณ์นี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ประเทศในภูมิภาค Sub-Saharan Africa กำลังเข้าสู่ภาวะ “รัฐเปราะบาง” อีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลใช้ความรุนแรงตอบโต้เสียงประชาชน การปราบปรามโดยอ้างความมั่นคงอาจยิ่งสร้างความไม่เชื่อมั่นในระยะยาว ทั้งในมิติการลงทุนระหว่างประเทศและความร่วมมือพหุภาคี
✈️ สำหรับอาเซียน รวมถึง ไทย นี่อาจเป็นจังหวะที่ควรติดตามการย้ายฐานการผลิตของบริษัทตะวันตกที่เดิมเคยตั้งโรงงานหรือมี Supply Chain ในแอฟริกา ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจเร่งการหาทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยกว่า — และ “ไทย” ควรเตรียมพร้อมเป็นหนึ่งในปลายทาง
📦 ผลกระทบต่อหุ้นไทย: ระเบิดเวลาทางอ้อมจากเคนยา
แม้ไทยกับเคนยาจะไม่มีการค้าขนาดใหญ่โดยตรง แต่ “Ripple Effect” ครั้งนี้กลับโยงเข้าหาหุ้นไทยได้อย่างน่าสนใจหลายมิติ ดังนี้ค่ะ
🔺 WICE (ไวส์ โลจิสติกส์) และ 🔺 SJWD (เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์)
ธุรกิจโลจิสติกส์มีโอกาสได้รับอานิสงส์จากการ “เบนทิศ” ของ Supply Chain ที่เคยพึ่งพาแอฟริกา หากภูมิภาคนี้ถูกมองว่าไม่ปลอดภัย ไทยอาจกลายเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าใหม่ โดยเฉพาะสินค้าจากยุโรป-จีนที่จะวิ่งผ่านไทยมากขึ้น
🔻 TOP (ไทยออยล์) และ 🔻 BCP (บางจาก คอร์ปอเรชั่น)
ความไม่สงบใน Sub-Saharan Africa ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ส่งออกน้ำมัน อาจทำให้ต้นทุนน้ำมันโลกผันผวน หากเหตุการณ์ลามไปยังพื้นที่อย่างไนจีเรียที่เป็นผู้ผลิตหลัก ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นจะกระทบต้นทุนกลั่น และกดดันกำไร
🔺 SPRC (สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง) และ 🔺 IVL (อินโดรามา เวนเจอร์ส)
การขาดแคลน Feedstock จากแอฟริกา หรือการชะงักของเส้นทางเดินเรือ อาจทำให้เกิดความต้องการผลิตในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ส่งผลให้ผู้เล่นอย่าง SPRC และ IVL มีโอกาสกลับมาโดดเด่นในเวทีโลก
🔻 DELTA (เดลต้า อีเลคโทรนิคส์) และ 🔻 HANA (ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์)
หากเหตุการณ์รุนแรงกระทบระบบโครงข่ายในแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ของเทคโนโลยี การส่งออกอุปกรณ์ไฟฟ้า-ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทยอาจชะงัก โดยเฉพาะดีลที่เชื่อมกับโครงการขยายโครงสร้างพื้นฐานของจีนในเคนยา
🔺 KWM (เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค)
แม้จะดูไกลตัว แต่การที่แอฟริกาผันผวนทางการเมือง อาจทำให้ตลาดสินค้าเกษตรต้องการ “ความมั่นคงในการผลิต” มากขึ้น และไทยที่มีเทคโนโลยีด้านอุปกรณ์เกษตรที่พร้อมอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ผลิตใบผาล-ใบเกลียว อาจได้โอกาสส่งออกเพิ่มแบบไม่คาดคิด
💡 บทเรียนเชิงสร้างสรรค์: จากไฟในเคนยาสู่แสงในไทย
🔥 เหตุการณ์ในเคนยาไม่ใช่แค่ข่าวไกลตัว แต่มันสะท้อนถึงพลังของคนรุ่นใหม่ทั่วโลก ที่กำลังลุกขึ้นเรียกร้อง "ความโปร่งใส ความยุติธรรมและชีวิตที่ดีกว่า" หากไทยยังไม่เร่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เสียงของประชาชน และปลดล็อกโครงสร้างอำนาจแบบเก่า ไทยอาจพบวิกฤตคล้ายกันในอนาคต
💬 มิติด้านการลงทุน ควรเร่งศึกษาพฤติกรรมของนักลงทุนที่กำลัง Shift จากภูมิภาคหนึ่งไปสู่อีกภูมิภาคหนึ่ง เช่น จาก Sub-Saharan สู่ ASEAN เพื่อเตรียม Infrastructure และนโยบายรองรับได้อย่างรวดเร็ว
📊 นัยยะต่อ SET และ mai คือโอกาสที่จะทำให้ไทย “แปลงความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์” ให้เป็น “มูลค่าทางเศรษฐกิจ” ผ่านการเป็นทางเลือกใหม่ของฐานผลิตและส่งออก
🗣️ แล้วคุณล่ะ คิดว่าไทยควรฉวยโอกาสจากความปั่นป่วนใน Sub-Saharan นี้อย่างไร?
คุณมองว่าเราควรปรับกลยุทธ์โลจิสติกส์ หรือเร่งเจาะตลาดที่เคนยาเคยครองไว้ดี?
แชร์มุมมองของคุณได้เลยด้านล่างนี้นะคะ 👇✨
🔖 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง
#ประชาธิปไตยระอุ #KenyaProtests #SabaSaba2025 #สิทธิมนุษยชน #CostOfLivingCrisis #GlobalUnrest #StockImpact #SETnews #DemocracyInTension #StockAtlas
📚 Reference: LatestLY (CNN Source)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา