🎯 เกมปั่นตัวเลข $14 ล้านล้าน หรือดีลจริงสะเทือนโลก?
Trump Effect: Truth or Spin Behind the $14 Trillion Claim
📌 เปิดฉาก: เมื่ออดีตกลายเป็นปัจจุบันบนเว็บไซต์ของทรัมป์
เว็บไซต์ “Trump Effect” ที่ดำเนินการโดยทีมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าเขาสามารถดึงดูดการลงทุนในสหรัฐได้มากกว่า $14 ล้านล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2025 โดยมีการอ้างถึงโรงงานใหม่กว่า 70 แห่ง รวมถึง LEGO ในเวอร์จิเนีย ไมโครชิปในแอริโซนา และเบเกอรี่ในเท็กซัส
แต่ข้อมูลจาก Reuters เปิดโปงว่า ครึ่งหนึ่งของการลงทุนกว่า $2.6 ล้านล้านดอลลาร์ที่เว็บไซต์ระบุไว้นั้น เป็นโครงการที่เกิดขึ้นในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หรือเป็นเพียงการรีแพ็กเกจของแผนการลงทุนเดิมที่วางไว้ล่วงหน้า
🔎 วิเคราะห์สำหรับไทย: โลกการเมืองสหรัฐฯ ยังมีอิทธิพลต่อภาพลักษณ์นโยบายการลงทุนในประเทศเกิดใหม่ รวมถึงไทย การชิงเครดิตกันระหว่างรัฐบาลอาจสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลไทยต้องแสดงความชัดเจนและโปร่งใสกับข้อมูลการลงทุนและเศรษฐกิจมากขึ้น ไม่ใช่แค่ตัวเลขในแผนเท่านั้น
💡 ลงทุนจริงหรือแค่โชว์ตัวเลข? เหตุผลที่ควรคิดก่อนเชื่อ
แม้จะมีการประกาศตัวเลขการลงทุนมหาศาล แต่จากการตรวจสอบพบว่า:
🔸 หลายโครงการ เช่น Hyundai, Corning, LEGO, Chobani เริ่มดำเนินการตั้งแต่ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง
🔸 บริษัทอย่าง Merck, Johnson & Johnson เพียงแค่ขยายการลงทุนเดิม
🔸 บางโครงการได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลไบเดน เช่น CHIPS and Science Act
✨ การรีแพ็กเกจตัวเลขอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในวงกว้าง หากพบว่าข้อมูลไม่โปร่งใส ซึ่งประเทศไทยเองก็จำเป็นต้องตระหนักในแง่ของการสื่อสารเชิงนโยบาย เพื่อไม่ให้เกิดภาวะ “อัดฉีดตัวเลข” โดยไร้ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจจริง
📉 กระทบการลงทุนจริงหรือแค่สร้างภาพลวงตา? มุมมองจากนักวิเคราะห์
Mark Zandi นักเศรษฐศาสตร์จาก Moody’s Analytics ระบุว่า ตัวเลขเหล่านี้ยังไม่กระทบต่อการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่แท้จริง เพราะ “ปัจจัยพื้นฐานยังอ่อนตัวลง” และ นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์กลับทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด
🇹🇭 สำหรับไทย นโยบายภาษีที่เข้มข้นขึ้นของสหรัฐฯ อาจทำให้การส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าที่ใช้วัตถุดิบร่วมกับสหรัฐ มีต้นทุนสูงขึ้น
🎯 กระทบต่อหุ้นกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ และ โลจิสติกส์ ในไทย ได้แก่
🟢 HANA (ฮานา ไมโครอิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งส่งออกไปยังกลุ่มสหรัฐและเอเชีย
🟢 KCE (เคซีอี อีเลคโทรนิคส์) ผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์
🟢 SONIC (โซนิค อินเตอร์เฟรท) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ
🟢 SJWD (เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์) ซึ่งมีธุรกิจคลังสินค้าและขนส่งที่อาจได้ผลประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในเอเชีย
🏭 Ripple Effect ต่อไทย: การลงทุนด้าน AI และเทคโนโลยีในสหรัฐขยายตัวจริงหรือ?
การประกาศของบริษัทอย่าง Apple ที่จะลงทุน $500 พันล้านใน AI และ OpenAI/Softbank/Oracle ที่วางแผน $500 พันล้าน สำหรับศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ อาจฟังดูตื่นเต้น แต่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็น "งบประจำ" ที่บริษัทเหล่านี้น่าจะใช้จ่ายอยู่แล้ว
🇹🇭 แต่สิ่งที่ไทยควรจับตาไม่ใช่แค่ตัวเลข คือ โอกาสการขยายศูนย์ข้อมูลในเอเชียและระบบคลาวด์
🎯 หุ้นไทยที่เกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่:
🟣 INET (อินเทอร์เน็ตประเทศไทย) ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์
🟣 AIE (เอไอ เอนเนอร์จี) ที่มีศักยภาพในระบบพลังงานทางเลือกสำหรับเซิร์ฟเวอร์
🟣 BSM (บิวเดอสมาร์ท) ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างเบา อาจได้ประโยชน์หากมีโครงการก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย
🟣 GUNKUL (กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง) ผู้เชี่ยวชาญระบบไฟฟ้าและพลังงานทดแทน รับอานิสงส์จากการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์และโครงสร้างพื้นฐานพลังงานอัจฉริยะ
💬 สรุป: เมื่อความจริงกับภาพลวงตาเบลอเส้นแบ่ง
📌 ความพยายามของรัฐบาลในการ "แต่งภาพ" เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ต้องยึดหลักความจริงและโปร่งใส เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวเลขไม่สามารถแทนความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนได้
🇹🇭 สำหรับไทย ความพยายามในการดึงดูด FDI ต้องเน้นความชัดเจนของนโยบาย แสดงความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และสื่อสารอย่างจริงใจ เพื่อให้ไม่กลายเป็นแค่ "Trump Effect ฉบับจำลอง"
🗣️ แล้วคุณล่ะ คิดว่า “Trump Effect” เป็นนโยบายจริงหรือแค่เกมการตลาด?
คุณเชื่อในตัวเลขเหล่านี้หรือไม่?
มีบทเรียนอะไรที่ไทยควรนำมาปรับใช้บ้าง?
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณด้านล่างกันนะคะ 👇
📌 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#TrumpEffect #ลงทุนหรือปั้นตัวเลข #ศึกโลกเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลกปะทะการเมือง #BattleOfEconomies #SETimpact #หุ้นไทย #วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก #RippleEffect #ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ #SoftPowerเศรษฐกิจ #ข่าวลงทุนโลก #เพจวิเคราะห์เชิงลึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
