15 ก.ค. เวลา 01:08 • ประวัติศาสตร์

AS EP19 “ผู่อี๋” แมวเก้าชีวิต จากจักรพรรดิสู่สามัญชน

ถ้าให้พูดถึงบุคคลในประวัติศาสตร์จีนที่มีชีวิตพลิกผันมากที่สุดคนหนึ่ง ชื่อของ “ผู่อี๋” คงเป็นหนึ่งในชื่อที่ทุกคนนึกถึง
เขาเป็นทั้ง “จักรพรรดิองค์สุดท้าย” ของจีน
เป็น “หุ่นเชิดของญี่ปุ่น”
เป็น “นักโทษของโซเวียต”
เป็น “สามัญชนในยุคจีนคอมมิวนิสต์”
…และคือ “แมวเก้าชีวิต” ที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าชีวิตในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
👑 ชีวิตที่เริ่มต้นจาก “ยอดพีระมิด”
ผู่อี๋เกิดเมื่อปี 1906 ในสมัยราชวงศ์ชิง — ราชวงศ์ของชาวแมนจูที่ปกครองแผ่นดินจีนมาอย่างยาวนาน ตอนอายุเพียง 2 ขวบ เขาถูกอุ้มเข้าสู่พระราชวังต้องห้ามเพื่อขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่
ในสายตาของคนจีนยุคนั้น เขาคือ “โอรสสวรรค์”
แต่ในความเป็นจริง เด็กชายวัยเตาะแตะคนนี้แทบไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงในหน้าประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่
อีกเพียง 4 ปีต่อมา ราชวงศ์ชิงก็ล่มสลาย
การปฏิวัติซินไฮ่ในปี 1911 ทำให้ผู่อี๋ต้อง “สละราชบัลลังก์” ขณะอายุเพียง 6 ขวบ
🏯 จากจักรพรรดิ…สู่ผู้อยู่อาศัยในพระราชวังต้องห้าม
แม้ราชวงศ์จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่รัฐบาลใหม่ยินยอมให้ผู่อี๋และครอบครัวอาศัยอยู่ในพระราชวังต้องห้ามต่อไปได้
เขาใช้ชีวิตตามปกติในฐานะอดีตจักรพรรดิ มีข้าราชบริพารห้อมล้อมดูแล เพียงแต่ถูกจำกัดเสรีภาพบางส่วนเท่านั้น
ชีวิตของเขาในวังเต็มไปด้วยความเหงา ความโดดเดี่ยว และความรู้สึกสับสน
แม้จะถูกเรียกว่า “จักรพรรดิ” แต่ก็ไม่มีอำนาจอะไรเหลืออยู่เลย
🇯🇵 จากอดีตจักรพรรดิ…สู่หุ่นเชิดของญี่ปุ่น
ในช่วงทศวรรษ 1930 ญี่ปุ่นเริ่มรุกรานจีน และต้องการจัดตั้งรัฐหุ่นเชิดในแมนจูเรีย
พวกเขา “ชุบชีวิตจักรพรรดิ” ขึ้นมาใหม่ ด้วยการตั้งรัฐแมนจูกัว (Manchukuo) และแต่งตั้งผู่อี๋เป็นจักรพรรดิอีกครั้ง
แต่ตำแหน่งนี้ก็เป็นเพียง “หน้าฉาก” ที่ถูกตั้งขึ้นมาเท่านั้น
เพราะอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือของนายพลญี่ปุ่น
ผู่อี๋เองก็รู้ว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิด แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น
การกลับมาเป็นจักรพรรดิอีกครั้ง…ไม่ได้นำมาซึ่งอำนาจ
แต่เป็นเพียงภาพลวงตาที่ซ่อนความโดดเดี่ยวและความรู้สึกไร้ค่าอยู่ลึกๆ ภายในจิตใจของผู่อี๋
🪖 จากจักรพรรดิหุ่นเชิด…สู่ “นักโทษสงคราม”
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงคราม
ผู่อี๋พยายามหนีไปญี่ปุ่น แต่ถูกโซเวียตจับตัวได้ก่อน
เขาถูกส่งไปเป็น “นักโทษพิเศษ” ในค่ายของสหภาพโซเวียตนานหลายปี
ก่อนที่รัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ของเหมาเจ๋อตงจะร้องขอให้นำตัวเขากลับไปเพื่อ “ฟื้นฟูความคิด”
🚪 จากนักโทษ…สู่พลเมืองสามัญ
ผู่อี๋ถูกส่งเข้าค่ายปรับทัศนคติอยู่นานหลายปี
และเมื่อเขา “เปลี่ยนผ่านทางความคิด” ได้ในสายตาของพรรคฯ แล้วก็ได้รับอิสรภาพ
เขากลายเป็นคนธรรมดา ทำงานเป็นพนักงานสวนพฤกษศาสตร์ในปักกิ่ง
ไม่มีข้าราชบริพาร ไม่มีพระราชวัง ไม่มีมงกุฎ
เหลือเพียงคนแก่คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
ในประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยยกเขาขึ้นเป็นเทพเจ้า และต่อมาก็โค่นล้มเขาลงจากบัลลังก์อย่างไร้เยื่อใยและความปรานีใดๆ
🕊️ ผู่อี๋ในบั้นปลาย
เขาเสียชีวิตในปี 1967 ด้วยโรคมะเร็ง
ก่อนตาย เขาได้เขียนอัตชีวประวัติชื่อ “From Emperor to Citizen”
เล่าเรื่องราวชีวิตของตนจากจักรพรรดิเด็ก สู่นักโทษ และสุดท้ายกลายมาเป็นสามัญชน
แม้ชื่อของผู่อี๋จะหายไปจากการเมือง
แต่ชีวิตของเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของ “การเปลี่ยนผ่านยุคสมัย” ของจีนอย่างแท้จริง
🐾 “แมวเก้าชีวิต” ที่ชื่อว่า “ผู่อี๋”
ชีวิตของผู่อี๋สะท้อนให้เห็นความผันผวนของอำนาจ
จาก “ผู้ปกครองแผ่นดิน” สู่ “ผู้ถูกลืม”
จาก “จักรพรรดิที่คนทั้งแผ่นดินเคารพบูชา”
สู่ “ชายชราที่ต้องเข้าแถวซื้อข้าวกลางวันเหมือนคนทั่วไป”
ไม่ว่าชีวิตคนเราจะขึ้นสูงแค่ไหน หรือตกต่ำเพียงใด…
“ทุกชีวิตต่างมีจังหวะของมันเอง” ✨
และนั่นคือเรื่องราวของแมวเก้าชีวิต…
ที่มีชื่อว่า “ผู่อี๋”
✳️ เนื้อหาข้างต้น มาจากการศึกษาค้นคว้าและหาข้อมูลอย่างต่อเนื่องตามความชอบความสนใจของตนเอง ประกอบกับการวิเคราะห์และความคิดเห็นส่วนตัว อาจมีข้อมูลบางอย่างคาดเคลื่อนหรือไม่ตรงกับข้อมูลชุดอื่น ๆ จะรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่งหากผู้อ่านมีการค้นคว้าเพิ่มเติมและนำข้อมูลที่ได้มาแลกเปลี่ยนความรู้กัน
🥰 ทุกท่านสามารถสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ของเพจ ASIAstic! ได้ ผ่านช่องทางธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 105-8-84401-9 หรือสแกนคิวอาร์โค้ดด้านล่าง 👇
แอดมินขอขอบคุณทุกการสนับสนุนครับ🙏❤️
‼️ สุดท้ายนี้ขอฝากทุกคนกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังให้กัน แล้วพบกันใหม่ในโพสต์หน้า ขอบคุณครับ:)🙏🙏🙏
โฆษณา