9 ก.ค. เวลา 09:52 • ข่าวรอบโลก

🇺🇸💥 สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าไทย 36% อุตสาหกรรมไทยเสี่ยงสูญ 9 แสนล้าน

U.S. Tariff Shock: Thai Exporters Face 900 Billion Baht Threat
📌 ศึกภาษีรอบใหม่ ที่เปิดฉากจากฝั่งสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคส่งออก เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยเป็น 36% มีผลตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2568 ท่ามกลางความไม่ชัดเจนของท่าทีตอบรับจากฝั่งไทย แม้จะได้ยื่นข้อเสนอเจรจารอบใหม่ไปแล้วก็ตาม
🌐 ศึกการแข่งขันระดับภูมิภาค: ไทยเสียเปรียบเพื่อนบ้าน
🔸 เวียดนาม: 20%
🔸 มาเลเซีย: 25%
🔸 อินโดนีเซีย: 32%
📉 ทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่มีภาษีนำเข้าสูงที่สุดในกลุ่มอาเซียนทันที ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดอเมริกา
🚨 เสี่ยงสูญรายได้ 800–900 พันล้านบาท: ภาคอุตสาหกรรมใดโดนก่อน?
คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ มากเป็นพิเศษ ได้แก่:
🎯 อาหารแปรรูปและเกษตร
🎯 ชิ้นส่วนยานยนต์และรถยนต์
🎯 อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
🎯 สิ่งทอ เครื่องประดับ
🎯 เหล็กและอลูมิเนียม
ส.อ.ท. เตรียมประชุมฉุกเฉินกับ 47 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 11 คลัสเตอร์ภาคธุรกิจ เพื่อประเมินความเสียหายรายกลุ่ม และจัดทำข้อเสนอเร่งด่วนเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กกร.)
📊 Ripple Effect ต่อตลาดหุ้นไทย: หุ้นไหนกระเทือน?
หุ้นใน SET และ mai หลายกลุ่มเสี่ยงได้รับผลกระทบโดยตรงและทางอ้อม ดังนี้:
🔴 กลุ่มอาหารแปรรูปและเกษตร
– 🌾 TFMAMA (ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์): มีรายได้ส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปตลาดสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
– 🐾 AAI (เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล): ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง ส่งออกในรูปแบบ OEM ไปยังหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ
– 🧃 SAPPE (เซ็ปเป้): เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ขยายฐานไปยังสหรัฐฯ
🔴 กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน
– 🚗 SAT (สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี): ส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังอเมริกา
– 🧩 AH (อาปิโก ไฮเทค): เป็น Supplier หลักของรถยนต์หลายค่ายในสหรัฐฯ
– 🛞 TRU (ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์): มีสายส่งออกส่วนประกอบโครงสร้างรถ
🔴 กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
– 💻 KCE (เคซีอี อีเลคโทรนิคส์): ผลิต PCB ใช้ในสินค้าที่จำหน่ายในอเมริกา
– 🔌 HANA (ฮานา ไมโครอิเล็กทรอนิกส์): มีฐานลูกค้าใหญ่ในสหรัฐ
– 🔋 DELTA (เดลต้า อิเลคโทรนิคส์): แม้ฐานการผลิตกระจาย แต่รายได้สหรัฐฯ ยังมีนัยยะ
🔴 กลุ่มเหล็กและอลูมิเนียม
– 🏗️ 2S (2 เอส เมทัล): แปรรูปและจำหน่ายเหล็กรูปพรรณ เสี่ยงจากต้นทุนเหล็กนำเข้าสูงขึ้นตามมาตรการภาษี
– 🧱 SAM (สามัคคีผลิตภัณฑ์คอนกรีต): ใช้เหล็กและอลูมิเนียมจากหลายแหล่ง รวมถึงสหรัฐฯ
🔴 กลุ่มสิ่งทอและเครื่องประดับ
– 👕 AFC (เอเซียไฟเบอร์): ผลิตไนล่อนเม็ดและเส้นด้ายสำหรับสิ่งทอ เชื่อมโยงอุตสาหกรรมส่งออกเสื้อผ้า
– 💎 PDJ (แพรนด้า จิวเวลรี่): ส่งออกเครื่องประดับไปยังตลาดสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
🧠 วิเคราะห์เชิงลึก: โจทย์ใหม่ของภาคส่งออกไทย
📍 แม้จะมีความพยายามของไทยในการยื่นข้อเสนอใหม่ที่ขอลดภาษีเหลือ 0% สำหรับ “หลาย 1,000 รายการสินค้า” แต่ผลลัพธ์ยังไม่แน่นอน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงเชิงระบบ (Systemic Risk) ของการพึ่งพาตลาดหลักรายเดียวอย่างสหรัฐฯ
📍 แรงกดดันครั้งนี้อาจเร่งให้ไทยต้อง เร่ง Diversify ตลาดส่งออก สู่กลุ่ม BRICS, ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ CLMV มากขึ้น พร้อมปรับ Value Chain ใหม่ ให้พึ่งพาสหรัฐฯ น้อยลง
📍 สำหรับนักลงทุนไทย ข้อมูลนี้ไม่ใช่แค่สัญญาณลบ แต่เป็นโอกาสในการมองหาอุตสาหกรรมที่ Resilient เช่น เทคโนโลยีในประเทศ สุขภาพ พลังงานสะอาด หรือโลจิสติกส์ภายในภูมิภาค
🗣️ แล้วคุณล่ะ? มองอนาคตการค้าระหว่างไทย–สหรัฐฯ อย่างไร?
ท่ามกลางความไม่แน่นอนเช่นนี้ คุณคิดว่าไทยควรตั้งรับหรือรุกกลับเชิงกลยุทธ์อย่างไร?
ภาครัฐควรเร่งเจรจาหรือหันไปหาตลาดใหม่?
แล้วคุณถือหุ้นในกลุ่มเสี่ยงอยู่หรือไม่?
👇 แชร์มุมมองของคุณในคอมเมนต์นี้นะคะ — เพราะเสียงของคุณสำคัญต่ออนาคตการค้าของไทย!
🧠 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง
#ศึกโลกเศรษฐกิจ #สงครามภาษี #สหรัฐไทย #การส่งออก #FTA #เศรษฐกิจโลก #หุ้นไทย #TradeWar #BattleOfEconomies #PattayaMail #WorldScope
🔗 Reference
Pattaya Mail – Thai industries warn U.S. tariff hike could slash exports by 800–900 billion baht

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา