9 ก.ค. เวลา 09:35 • ข่าวรอบโลก

💥 ศึกเดือด "ทรัมป์-มัสก์" สะเทือนโลกการเงิน สูญกว่า 3.5 ล้านล้าน!

⚡ Shocking True Cost of Elon Musk’s Donald Trump Row Revealed
ในวันที่ "พันธมิตรทางการเมือง" กลายเป็น "ศัตรูตัวฉกาจ" โลกได้เห็นศึกสายฟ้าฟาดระหว่างผู้นำสหรัฐฯ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก อีลอน มัสก์ ที่จากมิตรภาพกลายเป็นความร้าวลึก จนส่งผลสะเทือนทั้งตลาดหุ้น เทคโนโลยี และการเมืองระดับโลก
📉 จากการเปิดเผยของ Axios ความขัดแย้งนี้ส่งผลให้ราคาหุ้น Tesla ดิ่งลงกว่า 14% ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของ อีลอน มัสก์ หายวับไปราว 20,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 728,000 ล้านบาท) และยังสร้างความสูญเสียให้กับนักลงทุนกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.5 ล้านล้านบาท)
🚗 มูลเหตุแห่งศึก: เมื่อ “รถยนต์ไฟฟ้า” ถูกลดบทบาทในนโยบายรัฐ
จุดแตกหักอยู่ที่ร่างกฎหมายที่ทรัมป์ผลักดัน ซึ่งถูกเรียกว่า “Big Beautiful Bill” ที่ลดการสนับสนุนภาครัฐต่อพลังงานสะอาดและรถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง — ผลลัพธ์คือ Tesla และ SpaceX ที่มีสัญญารัฐบาลสหรัฐฯ อยู่มาก ต้องเผชิญความไม่แน่นอนสูงขึ้น
💬 มัสก์ออกมาทวีตผ่าน X ว่า:
“สมาชิกสภาทุกคนที่หาเสียงว่าต้องการลดรายจ่ายของรัฐ แต่กลับโหวตรับร่างกฎหมายที่เพิ่มหนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ควรละอายใจ!”
ขณะที่ทรัมป์โต้กลับอย่างเผ็ดร้อน โดยดูแคลนความคิดของมัสก์ในการตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า “ไร้สาระ” พร้อมเหน็บอีกว่า
“มัสก์ดูเหมือนรถไฟตกรางในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา”
🛰️ วิกฤตศรัทธาสะเทือนไปถึง SpaceX – เสี่ยงสะดุดงานภาครัฐ
แม้ SpaceX จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอวกาศ แต่ความตึงเครียดระหว่าง "มัสก์" กับ "ทรัมป์" อาจสะเทือนสัญญาจ้างงานจากรัฐ เช่น NASA หรือโครงการดาวเทียมกลาโหม ทำให้นักลงทุนเริ่ม “ขายก่อนพัง” อย่างเช่นกรณีของ Ivana Delevska ผู้บริหาร Spear Invest ที่ตัดสินใจขายหุ้น Tesla ออกจากพอร์ตทันที
🇹🇭 ผลกระทบที่ไทยไม่ควรมองข้าม: เมื่อตลาดทุนโลกสั่นสะเทือน
แม้ความขัดแย้งจะเกิดในสหรัฐฯ แต่การสั่นไหวของ Tesla และความไม่แน่นอนในนโยบายพลังงานสะอาด ส่งแรงกระเพื่อมมาถึงไทยโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับ:
🔹 EV และ พลังงานทดแทน
🔹 การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์
🔹 หุ้นที่มีพันธมิตร-ลูกค้ารายใหญ่ในสหรัฐฯ
🔎 วิเคราะห์ Ripple Effect ต่อหุ้นไทยแบบเจาะลึก
📍 EA (พลังงานบริสุทธิ์) – ธุรกิจ EV และโรงไฟฟ้า พึ่งพาภาครัฐสูง หากแนวโน้มโลกหันกลับไปใช้น้ำมัน อาจเจอแรงกดดันจากนักลงทุนสถาบัน
📍 GPSC (โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) – บริษัทในกลุ่มปตท.ที่ลงทุนด้านพลังงานสะอาด การเปลี่ยนท่าทีรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำให้โครงการพลังงานหมุนเวียนสะดุดในระดับสากล
📍 STA (ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี) และ STGT (ศรีตรังโกลฟส์) – ผู้ผลิตถุงมือยางและยางพารา มีฐานลูกค้าใหญ่ในสหรัฐฯ หากเศรษฐกิจชะลอเพราะตลาดทุนผันผวน อาจถูกลดออเดอร์
📍 HANA (ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์) – ธุรกิจผลิตชิปอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกไปยัง Tesla และบริษัทเทคฯ ใหญ่ในอเมริกา การขายหุ้น Tesla จากนักลงทุนรายใหญ่อาจกระทบต่อ Demand Chain
📍 DELTA (เดลต้า อีเลคโทรนิคส์) – ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ EV และพลังงานสะอาด ได้รับแรงกดดันทางจิตวิทยาหนักจากข่าวนี้ หุ้นอาจเหวี่ยงแม้ยังมีปัจจัยพื้นฐานดี
📍 BCPG (บีซีพีจี) – กลุ่มพลังงานทดแทนที่เคยอิงกระแสนโยบายสิ่งแวดล้อมจากฝั่งสหรัฐฯ และ EU หากโมเมนตัมนโยบายสะอาดสะดุด ผลกำไรระยะยาวอาจโดนทบทวนใหม่
📍 SVT (ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี) – มีตู้ขายสินค้าอัตโนมัติที่วางแผนใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในอนาคต หากเทรนด์พลังงานสะอาดผันผวนอาจต้องปรับแผนลงทุนใหม่
🧠 มุมต่อยอด: ถ้าสหรัฐฯ ตัดงบสนับสนุนพลังงานสะอาดจริง โลกจะหันกลับไปใช้น้ำมันอีกหรือไม่?
นี่อาจเป็นโอกาสของกลุ่ม พลังงานฟอสซิล ที่เคยถูกมองข้าม เช่น PTTEP (ปตท.สผ.) หรือ BANPU (บ้านปู) ที่ยังถือครองเหมืองถ่านหินและแหล่งก๊าซธรรมชาติอยู่ทั่วโลก รวมถึงไทยเองก็อาจต้องปรับนโยบายสนับสนุน EV ใหม่ ไม่ให้พึ่งพาการส่งออกหรือความร่วมมือจากอเมริกาเพียงฝ่ายเดียว
✍️ ความคิดเห็นของคุณสำคัญ!
คุณคิดว่าศึก "ทรัมป์-มัสก์" จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม EV หรือจะกลายเป็นเพียงแค่ “สงครามอารมณ์” ของ 2 อภิมหาอำนาจ?
📣 แสดงความคิดเห็นของคุณด้านล่าง — เราอยากฟังทุกมุมมองขอบคุณนะคะ!
🔖 Hashtags:
#BattleOfEconomies #ศึกโลกเศรษฐกิจ #TrumpMuskClash #EVMarketRisk #พลังงานสะอาด #SoftPowerVsHardPower #หุ้นโลกสั่นสะเทือน #หุ้นไทยรับแรงสะเทือน #SETImpact #ลงทุนอย่างเข้าใจโลก #วิเคราะห์การเมืองเศรษฐกิจ #ExpressUK
📰 Reference: Express UK

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา