11 ก.ค. เวลา 04:25 • การศึกษา
ซามาร์แคนด์

จักรวรรดิในเงา: อิหร่าน เอเชียกลาง และการสืบทอดอำนาจในภูมิภาคหลังจักรวรรดิ

เอเชียกลางและอิหร่านเป็นสองภูมิภาคที่มีสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งซึ่งฝังรากมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคโบราณ ความสัมพันธ์ระหว่างสองภูมิภาคนี้มิได้จำกัดอยู่เพียงพรมแดนทางภูมิศาสตร์ หากแต่สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจที่โยงใยกันอย่างแนบแน่น
ความสัมพันธ์นี้สามารถทำความเข้าใจผ่านกรอบแนวคิด “historical institutionalism” ซึ่งเน้นการวิเคราะห์ความต่อเนื่องของโครงสร้างที่ตกทอดจากอดีตสู่ปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมรดกของจักรวรรดิเปอร์เซีย และอิทธิพลของเส้นทางสายไหม ซึ่งทำหน้าที่เป็น “connective tissue” ของอารยธรรมยูเรเซีย (Frankopan, 2015)
ในบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ เอเชียกลางประกอบด้วยห้าประเทศ ได้แก่ คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถาน ขณะที่อิหร่านตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของภูมิภาคดังกล่าว นอกจากจะมีพรมแดนทางกายภาพเชื่อมต่อกันแล้ว ยังมีมรดกร่วมที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ศาสนา ภาษา และระบบอำนาจอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการแพร่กระจายของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ในบางส่วนของทาจิกิสถานและอุซเบกิสถาน และการใช้ภาษาเปอร์เซีย (หรือทาจิก) เป็นภาษาหลักของชีวิตทางวัฒนธรรมในภูมิภาค ทั้งนี้ อิทธิพลของอิหร่านในเอเชียกลางยังดำรงอยู่ในรูปแบบของ “soft power” (Nye, 2004) ผ่านการส่งออกวัฒนธรรม ภาพยนตร์ วรรณกรรม และสถาปัตยกรรม
การพิจารณาความสัมพันธ์ในบริบทเศรษฐกิจควรใช้กรอบแนวคิด complex interdependence (Keohane & Nye, 1977) ซึ่งช่วยอธิบายว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐในปัจจุบันไม่สามารถจำกัดเพียงด้านการเมืองหรือการทหารอีกต่อไป แต่ต้องพิจารณาความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีด้วย
ในกรณีของเอเชียกลางและอิหร่าน ความเชื่อมโยงดังกล่าวปรากฏชัดเจนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางรถไฟอิหร่าน–เติร์กเมนิสถาน–คาซัคสถาน (North–South Corridor) ที่มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมการค้าจากอ่าวเปอร์เซียไปยังเอเชียกลางและรัสเซีย ตลอดจนโครงการท่าเรือชาห์บาฮาร์ของอิหร่านที่ได้รับการสนับสนุนจากอินเดีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการปรับสมดุลอำนาจกับจีนในโครงการ Belt and Road Initiative (Banik & Prasad, 2021)
ในขณะที่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจดูเหมือนมีศักยภาพสูง แต่ข้อจำกัดที่สำคัญคือการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านจากสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อเศรษฐกิจของอิหร่านเองเท่านั้น หากแต่ยังทำให้ความร่วมมือในภูมิภาคถูกจำกัดด้วยข้อกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ การเปรียบเทียบกับภูมิภาคตะวันออกกลางเผยให้เห็นว่า เอเชียกลางมีลักษณะของ “post-imperial buffer zone” ซึ่งแตกต่างจากตะวันออกกลางที่มีความแตกแยกทางศาสนาและเชื้อชาติรุนแรงกว่า (Roy, 2007)
ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับกลุ่มประเทศตะวันออกกลางมักถูกกำหนดด้วยปัจจัยของสงครามตัวแทน (proxy wars) ความสัมพันธ์กับเอเชียกลางกลับเน้นหนักไปที่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองที่อิงกับผลประโยชน์ร่วมมากกว่าอุดมการณ์
อีกกรอบการวิเคราะห์ที่สามารถใช้เสริมความเข้าใจ คือแนวคิด “regionalism” และ “inter-regionalism” ซึ่งอธิบายการก่อตัวของกลุ่มความร่วมมือระหว่างภูมิภาค เช่น Shanghai Cooperation Organisation (SCO) ที่มีอิหร่านเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการในปี 2023 และเอเชียกลางทุกประเทศก็เป็นสมาชิกเต็มของกลุ่มนี้เช่นกัน ความร่วมมือภายใต้ SCO ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการสร้างระบบพหุภาคีในยูเรเซียที่ไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตกโดยตรง
ทั้งยังสะท้อนการเปลี่ยนสมการอำนาจโลก (global power reconfiguration) ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากยุค unipolarity สู่ multipolarity อย่างชัดเจน
ในด้านความมั่นคง เอเชียกลางและอิหร่านต่างเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ทั้งในมิติของการก่อการร้ายข้ามชาติ กลุ่มหัวรุนแรงศาสนา อาชญากรรมข้ามพรมแดน และผลกระทบจากรัฐล้มเหลวในอัฟกานิสถาน การเปรียบเทียบกับเอเชียตะวันออกจะเห็นได้ว่า แม้ภูมิภาคหลังจะมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และเทคโนโลยีชั้นสูง แต่กลับขาดโครงสร้างความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคงอย่างเป็นระบบ
ซึ่งต่างจากเอเชียกลางและอิหร่านที่แม้จะมีข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความขัดแย้งภายใน แต่กลับมีแนวโน้มสร้างความร่วมมือแบบสถาบันมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา (Callahan, 2018)
ท้ายที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างเอเชียกลางกับอิหร่านควรถูกมองว่าเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการสร้าง “ภูมิภาคเชิงวัฒนธรรม” (cultural region-building) ที่มีรากฐานมาจากอดีต และกำลังปรับเปลี่ยนในบริบทโลกาภิวัตน์ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ ความสามารถของทั้งสองภูมิภาคในการเปลี่ยนความเป็นอดีตให้กลายเป็นทุนทางภูมิยุทธศาสตร์ในอนาคต จะเป็นปัจจัยชี้วัดความมั่นคงและความยั่งยืนของยูเรเซียในระยะยาว
---
บรรณานุกรม
Frankopan, P. (2015). The Silk Roads: A New History of the World. Bloomsbury Publishing.
Nye, J. (2004). Soft Power: The Means to Success in World Politics. Public Affairs.
Keohane, R. O., & Nye, J. S. (1977). Power and Interdependence: World Politics in Transition. Little, Brown.
Roy, O. (2007). The New Central Asia: The Creation of Nations. I.B. Tauris.
Banik, D., & Prasad, R. (2021). India’s Strategic Interests in Chabahar: Balancing China’s Belt and Road. Asia Policy, 16(3), 94–110.
Callahan, W. A. (2018). China Dreams: 20 Visions of the Future. Oxford University Press.
.
โฆษณา