12 ก.ค. เวลา 03:55 • การตลาด

คอนเทนต์ล้น คนดูเลือกได้ แล้วครีเอเตอร์จะอยู่รอดได้ยังไง?

สรุป Session Creator Trends 2026 ในงาน Creative Talk Conference 2025 ที่ได้คุณเอ็ม ขจร เจียรนัยพานิชย์ Executive Editor, RAiNMaker, ผู้จัดงาน iCreator Conference และคุณปู สุวิตา จรัญวงศ์ CEO & Co-founder of Tellscore Co., Ltd. มาแชร์ Insight ให้ฟังในงาน
ปัจจุบัน Creator ได้กลายเป็นส่วนนึงของภาคธุรกิจไปแล้ว หลาย ๆ แบรนด์เติบโตมาด้วยการใช้ Creator นำ
ข้อมูลที่น่าสนใจจาก Creator Report 2025 ที่เก็บรวบรวมข้อมูลครีเอเตอร์จากทุกภาคส่วนในประเทศไทย ในปี 2024 แสดงให้เห็นว่า
จำนวนครีเอเตอร์ไทยในปี 2024 พบว่า Tiktok มีสัดส่วนครีเอเตอร์ที่ใกล้เคียงกับ Facebook มาก ๆ
รวมถึงทุกแพลตฟอร์มมีจำนวนครีเอเตอร์ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งสื่อให้เห็นว่า ไม่มีแพลตฟอร์มไหนเป็น Winner take all (Facebook 31%, Tiktok 27%, Instagram 25%, Youtube 17%)
หมวดหมู่คอนเทนต์ที่ครีเอเตอร์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยนิยมทำ คือ Lifestyle, Beauty & Fashion, Travel
และหมวดที่มาแรงมาก ๆ ได้แก่
1.หมวดแม่และเด็ก
2. หมวดสัตว์เลี้ยง (เติบโตโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา แต่คนทำน้อย)
3.หมวดนักกีฬา
4. หมวดผู้สูงอายุ
5. หมวด Commedian
แนวโน้มหมวดคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ
หมวดไลฟ์สไตล์ กับบันเทิงยังเป็น Top ตลอดกาลในไทย และคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์สามารถลงแพลตฟอร์มไหนก็ได้ เพราะคนดูใกล้เคียงกัน แต่หากเป็นบันเทิง Youtube คือแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งมาก ๆ สำหรับด้านนี้
หมวด Beauty หลายคนจะรู้ว่าการลง IG คือ อันดับ 1 ตลอดกาล แตปัจจุบัน Tiktok engagement ได้แซงหน้า Instagram ไปแล้ว
หมวดรถยนต์ เหมาะกับ Facebook และ Youtube มากที่สุด
เทรนด์คอนเทนต์ช่วงที่ผ่านมา บอกอะไรเกี่ยวกับ "พฤติกรรมคนดู" ได้บ้าง?
1.Scam Alert: คนอยากรู้ “ความจริง” มากขึ้น เช่น คุณหนุ่มกรรชัย หรือช่อง DOM ที่เป็นการให้ข้อมูลเรื่องกลโกง แต่ก็ยังได้ความสนุก ไม่จริงจังเกินไป
2.Joy Feed: คนอยาก “คลายเครียด” เช่น ช่อง forgiForfun ของคุณเฟิร์น ที่เวลาเจ้าของร้องไห้ เจ้าแมวก็มาป่วน ทำให้คนดูรู้สึก “อบอุ่นหัวใจ” แบบไม่รู้ตัว
3.In Search for Equality: โลกที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ ทำให้คนเริ่มสนใจคอนเทนต์ที่แสดงออกถึงความเท่าเทียม เช่น ช่องครูสุรเบล ที่สอนวิทยาศาสตร์ให้เด็กประถมแบบเข้าใจง่าย และเข้าถึงได้
4.In Search for Income: คนมองหารายได้เสริมในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง เช่น ช่อง Nack Siwakorn ที่มีการสอนมองหารายได้เสริมได้ด้วยตนเอง
5.Entrepreneur Life: คนมองหา “ความสำเร็จ” เช่น ช่องคุณซุง สตาวิน ที่ทำคอนเทนต์โชว์ Behind the scenes ของการทำธุรกิจ
ข้อมูลที่เก็บสถิติจาก Creator ว่าทำ Content ประเภทไหนกันบ้าง เผยให้เห็นว่า
82.7% ของ Creator ทำคลิปสั้นจนกลายเป็น norm บางอย่างไปแล้ว ซึ่งเกิดจากคนดูต้องการเสพคลิปสั้น ส่วนในมุม Creator ทำคลิปสั้น 1 ครั้ง ก็สามารถลงได้ทุกแพลตฟอร์ม เพราะวิธีการเสพเหมือนกันหมด
การไลฟ์เติบโตขึ้นมา 14.1% เช่น ช่อง 9arm ที่แสดงให้เห็นว่า คนชอบดูไลฟ์ เพราะได้มีส่วนร่วมกับครีเอเตอร์
โดยสมัยก่อนการไลฟ์ไม่สามารถหาเงินได้ แต่ปัจจุบัน สามารถสร้างรายได้ได้หลากหลายแบบ จากทั้งแฟนคลับ และแพลตฟอร์ม เช่น มีคนโดเนทมาให้ กดหัวใจ หรือแม้กระทั่งยอด View เป็นต้น
สิ่งที่เกิดขึ้นจากแนวโน้มที่ผ่านมาในฝั่งธุรกิจ
ลด Cost แต่ไม่ลดคุณภาพ: แบรนด์บอก Creator ว่าให้ช่วยลด Cost แต่ไม่ต้องการลดคุณภาพ สะท้อนว่าแบรนด์กำลังรัดเข็มขัด และ Creator ต้องปรับตัว
Hyperlocal HyperNiche: การทำคอนเทนต์เจาะลึกลงไปในกลุ่มที่เล็กมาก ๆ ไม่ใช่แค่การทำตามหมวดแต่ลงลึกไปถึงพฤติกรรมเฉพาะทาง ทำให้เข้าถึงคนบางกลุ่มได้มากขึ้น
Insights, Data & Analyze it for me: ปกติครีเอเตอร์จะมีการแคปข้อมูลหลังบ้านส่งให้แบรนด์ แต่สิ่งที่เริ่มเปลี่ยนไปคือ แบรนด์มีความต้องการให้ Creator วิเคราะห์ข้อมูลให้มากขึ้น
Unlock Gen Z: แบรนด์ต้องการทราบพฤติกรรม Gen Z ที่กำลังเป็นกลุ่มผู้บริโภคในอนาคต
Quick win: การสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การไลฟ์ที่สร้างยอดขายได้ทันที
Platform wars: จีน อเมริกาที่ทะเลาะกัน ทำให้เกิดความคลุมเครือว่า Platform ของฝั่งไหนจะชนะ แบรนด์จึงเริ่มเปิดเว็บไซต์ของตนเองกันมากขึ้น
Attention Battle: การแย่ง Engagement คนดูกัน จนอาจเกิดการเริ่มผิดกติกากัน เช่น การให้สินค้าที่ไม่ผ่าน อย. กับลูกค้า การทำคอนเทนต์โปรโมท Digital Asset ที่หลอกลวงคนดู เว็บพนัน
CreatorPreneur: ครีเอเตอร์มองหากติกาที่ได้รับการยอมรับเป็นอาชีพอย่างเป็นทางการ ให้เหมือนกับการเป็นสื่อมวลชนทั่วไป
AI ส่งผลต่อการทำงานของ Creator อย่างไร?
แม้ก่อนหน้าทั้ง Creator และคนดู จะค่อนข้าง Anti AI แต่ปัจจุบันคนเริ่มยอมรับคอนเทนต์จาก AI กันมากขึ้น
รวมถึง ครีเอเตอร์ก็มีการนำ AI เข้ามาใช้ ตัวอย่างเช่น ช่องของคุณสุทธิชัย หยุ่น ก็มีการนำนักข่าว AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์และรายงานข่าวผ่านไลฟ์สด
คุณเอ็มเล่าให้ฟังว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมามีการเก็บสถิตที่แสดงให้เห็นว่า ช่องยูทูปที่มีคนติดตาม (Subscribe) มากที่สุดในโลก 30 ช่อง มี 2 ช่องที่เป็นคอนเทนต์จาก AI 100%
แปลว่าคอนเทนต์จาก AI อาจจะกลายเป็นสิ่งปกติใหม่ที่คนให้ความสนใจหรือไม่
เราอาจจะค้านว่า AI จะมาแทนที่คนได้ยังไง แต่คุณเอ็มก็เชื่อว่ามันก็จะเหมือนแอนิเมชั่นที่ ในช่วงที่ Toy Story เข้ามาแรก ๆ คนวาดการ์ตูนด้วยมือก็แอนตี้คนสร้างแอนิเมชั่น แต่สุดท้ายคนก็เริ่มยอมรับกันมากขึ้น
คุณเอ็มเคยลองโยนคลิปยาวที่สัมภาษณ์คุณเฌอปรางเข้าไปใน Capcut AI ตัว Beta เวอร์ชั่นล่าสุด มันช่วยวิเคราะห์ให้เลยว่า ควรทำเป็นคลิปสั้นกี่คลิป อ่านภาษาไทยออก วิเคราะห์หัวข้อ ทำซับ และเอาหน้าคุณเฌปรางมาอยู่ตรงกลาง และสามารถทำคลิปสั้นถึง 30 คลิป ได้ภายในเวลาไม่นาน
ดังนั้น AI สามารถเป็นได้ทั้งประโยชน์และโทษในเวลาเดียวกัน
ข้อดีในการมาของ AI
การเพิ่มขึ้นของ Content Productivity และ Case Study ใหม่ ๆ ของการใช้ AI
Tele health การแพทย์จะเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลมากขึ้น
AI Legal Service คนเข้าถึงความรู้พื้นฐานด้านกฎหมายได้ง่ายยิ่งขึ้น
การนำ AI เข้ามาใช้ในภาคการเงิน เช่น Robo-trading
แต่มีข้อน่ากังวลของ AI คือ
การกำกับดูแล AI ตามไม่ทัน ทำให้เราเห็นคอนเทนต์ที่ส่งผลเสีย โกง และหลอกหลวง ถูกเผยแพร่ออกมามากมายผ่าน Social Media ซึ่งเป็นสนามเดียวกันกับ Content Creator ที่สุจริต จนอาจส่งผลให้ Creator ที่ดีเหล่านั้น หาเงินได้ยากขึ้น
ข้อมูลจาก Statista แสดงให้เห็นว่า ขนาดของ Influencer marketing ในระดับโลกมีมูลค่าถึงหลัก 1 ล้านล้านบาท และสิ่งที่น่าสนใจคือ การเติบโตของมูลค่าตลาดในปี 2025 ก้าวกระโดดขึ้นมาจากปี 2024 มาก ๆ
แล้วครีเอเตอร์จะปรับตัวอย่างไรในยุคที่ครีเอเตอร์ล้นตลาด?
สมัยก่อน รายได้ 95% ของ Creator มาจากแบรนด์ แต่ปัจจุบัน มี Creator น้อยมากที่ยังรับรายได้จากแบรนด์ 100% Creator หลายคนมีการทำ Merchandise ทำอีเวนต์ของตนเอง รวมไปถึงการรับรายได้ผ่านแพลตฟอร์ม ทำให้สามารถอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งแบรนด์
ตัวอย่างเช่น ช่องรับทราบ รายได้ส่วนใหญ่ประมาณ 60 - 70 % มาจากการขาย Merchandise หรือช่อง Peanut butter ที่ทำคอนเทนต์แบบ Exclusive คนเริ่มจ่ายเงิน 30 - 50 บาท เพื่อ Subscription คอนเทนต์เหล่านั้นกลายเป็นเรื่องปกติ และช่อง Farose ที่มีการจัดอีเวนต์ เป็นรายได้อีกทาง เพิ่มจากช่องทางอื่น
โดยมีงานวิจัยนึงบอกว่าครีเอเตอร์ที่ทำคอนเทนต์เก่งแล้วมาทำสินค้า จะได้เปรียบกว่าคนทำสินค้าเก่งแล้วค่อยมาเป็นครีเอเตอร์ทีหลัง
ธุรกิจเองก็เริ่มเข้ามาหาครีเอเตอร์ เช่น การ Collaboration กัน
รวมไปถึงแบรนด์ก็เริ่มผันตัวเองมาเป็นครีเอเตอร์ เช่น น้องหมีเนย
หรือแม้กระทั่ง การที่ธุรกิจมีการสร้างทีมครีเอเตอร์ของตัวเองเป็นกองทัพในบริษัทถึง 30 กว่าคน
Megatrends ที่จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมครีเอเตอร์
AI Revolution: การปฏิวัติของปัญญาประดิษฐ์
Disinformation: ความถูกต้องและเป็นธรรมของข้อมูล
Platform Policies and Digital Regulations: การกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล
Creators as MainStream Media: ครีเอเตอร์ในฐานะสื่อกระแสหลัก
The Rise of Virtual World: การเติบโตของโลกเสมือน
Values of Well-being: ค่านิยมแห่งความเป็นอยู่ที่ดี
The Inclusivity Movement: ความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วม
Forces of Sustainability: แรงขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืน
ฉากทัศน์ที่อาจเกิดขึ้นสำหรับวงการ Creator ในประเทศไทย
1) การสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดสู่ความสำเร็จระดับโลก: ครีเอเตอร์เติบโต แบรนด์สนับสนุน
2) ไทยสร้างไทยในอุตสาหกรรมครีเอเตอร์: สภาพแวดล้อมดี คนให้ความร่วมมือกัน
3) การเติบโตบนเส้นทางที่ไม่มั่นคง: มีคอนเทนต์ที่หลอกลวงผู้คนมากมาย กลโกงไซเบอร์
4) วิกฤติความน่าเชื่อถือในวงการคอนเทนต์ไทย: คอนเทนต์ไม่มีความน่าเชื่อถือ บิดเบือนความจริง เช่น คอนเทนต์จาก AI
5) ซากปรักหักพังในอุตสาหกรรมคอนเทนต์: คอนเทนต์ขาดความน่าเชื่อถือ และการกำกับดูแลอย่างจริงจัง
สุดท้ายแล้ว วงการครีเอเตอร์ยังสามารถเติบโตได้อีก สำหรับคนเป็นครีเอเตอร์ อาจจะมองเห็นว่า ตลาดเป็น Red Ocean แต่ก็ยังมีช่องทางอยู่เสมอ ความชัดเจนในตัวตนและความมีเสน่ห์ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการรู้ว่าทำคอนเทนต์แบบไหนไปได้ดี ไปได้ไกล Niche market ต่าง ๆ และการนำ AI เข้ามาช่วยก็สามารถทำได้เช่นกัน เพื่อก้าวต่อไปได้ในอนาคต
โฆษณา