15 ก.ค. เวลา 14:02 • ประวัติศาสตร์

👑 Eleanor of Aquitaine: ราชินีผู้กุมดาบในสงครามครูเสด

เมื่อเอ่ยถึงสงครามครูเสด ภาพที่ปรากฏในจินตนาการของคนส่วนใหญ่มักเป็นกองทัพอัศวินชาย ผู้สวมเกราะเงิน ถือดาบเงาวับ มุ่งหน้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อกอบกู้เยรูซาเล็ม...
แต่มี “เสียงหนึ่ง” ที่ถูกกลบเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์กระแสหลัก
เสียงของผู้หญิงที่ไม่ได้เพียงแค่ “ร่วมเดินทาง” — แต่ นำกองทัพไปพร้อมกับพระราชา
เสียงนั้น คือ เอเลนอร์แห่งอากีแตน (Eleanor of Aquitaine)
ราชินีผู้ทรงอำนาจที่สุดคนหนึ่งในยุโรปยุคกลาง
ภรรยาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส และภายหลังเป็นราชินีของเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ
แม่ของริชาร์ดใจสิงห์
และ... แม่ทัพหญิงผู้ร่วมเดินทางในสงครามครูเสดครั้งที่สอง
---
⚔ จุดเริ่มต้นของราชินีสงคราม
เอเลนอร์เกิดในปี ค.ศ. 1122 ในแคว้นอากีแตน ซึ่งเป็นหนึ่งในอาณาเขตที่มั่งคั่งและมีวัฒนธรรมรุ่งเรืองที่สุดในฝรั่งเศส เธอได้รับการศึกษาที่ดีเยี่ยม รู้หนังสือ พูดได้หลายภาษา และมีความรู้ทั้งด้านปรัชญา ดนตรี และการปกครอง
เมื่ออายุเพียง 15 ปี เธอได้สมรสกับหลุยส์ที่ 7 ซึ่งในเวลานั้นยังเป็นกษัตริย์หนุ่มอ่อนโลก ขณะที่เอเลนอร์เป็นสตรีเปี่ยมวิสัยทัศน์และกล้าหาญเกินหญิงในยุคเดียวกัน ความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตึงเครียดในเวลาต่อมา
แต่สิ่งที่ทำให้เอเลนอร์กลายเป็นสตรีในตำนาน ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งราชินี หากอยู่ที่...
การตัดสินใจร่วมเดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในสงครามครูเสดครั้งที่สอง (ค.ศ. 1147)
ไม่ใช่ในฐานะผู้ติดตามพระสวามี
แต่ในฐานะ “ผู้นำ” ที่มีทหารของตนเอง
พร้อมเครื่องแบบนักรบ
และธงสงครามที่ปักตราอากีแตนของเธอเอง
---
🛡 ราชินีกับสนามรบ: อำนาจของหญิงในหมู่ชาย
ในบันทึกของนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เช่น William of Tyre ได้กล่าวถึงเอเลนอร์ว่าเป็นหญิงที่ “กล้าหาญ ทะเยอทะยาน และทรงอิทธิพลเหนือขุนนางชายหลายคน” เธอได้ระดมทัพนักรบจากแคว้นอากีแตนของตน ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย และร่วมเดินทางข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังอาณาจักรไบแซนไทน์
แม้ในสนามรบจริง เอเลนอร์จะไม่ได้ถือดาบออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่เหมือนนักรบชาย แต่เธอกลับมีบทบาทในการ บริหารกองทัพ จัดเสบียง สร้างขวัญกำลังใจ และเจรจาทางการทูต กับผู้นำท้องถิ่นหลายแห่งที่กองทัพฝรั่งเศสต้องเดินทางผ่าน
เธอยังเป็น “แม่ทัพทางจิตวิญญาณ” ของเหล่านักรบจากอากีแตน ที่ต่างเชื่อมั่นในสัญลักษณ์ของราชินีผู้ไม่เคยกลัวต่ออันตราย
---
🔥 สงคราม ความตึงเครียด และรอยร้าวในราชวงศ์
อย่างไรก็ตาม สงครามครูเสดครั้งที่สองประสบความล้มเหลว โดยเฉพาะเมื่อกองทัพของหลุยส์พ่ายแพ้ที่ดามัสกัส ความล้มเหลวนี้นำไปสู่ความตึงเครียดรุนแรงระหว่างเอเลนอร์กับพระสวามี ซึ่งนำไปสู่การหย่าร้างในภายหลัง
แต่เอเลนอร์มิได้พ่ายแพ้
สองปีต่อมา เธอแต่งงานกับ เจ้าชายเฮนรีแห่งอองชู ซึ่งต่อมากลายเป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ และเธอกลายเป็นราชินีแห่งสองอาณาจักร — ฝรั่งเศสและอังกฤษ — ในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึง 10 ปี
---
👑 มรดกของหญิงผู้อยู่เหนือศตวรรษ
เอเลนอร์มีบุตรชายชื่อ ริชาร์ดใจสิงห์ ซึ่งเป็นผู้นำสงครามครูเสดครั้งที่สาม และยังคงได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอังกฤษ
นักประวัติศาสตร์หลายคนมองว่า
> “ถ้าไม่มีเอเลนอร์แห่งอากีแตน อาจไม่มีริชาร์ดใจสิงห์
ถ้าไม่มีสตรีผู้นี้ สงครามครูเสดอาจไม่มีสีสันของผู้หญิงเลย”
เธอเป็นนักการเมือง นักการทูต ผู้อุปถัมภ์ศิลปวัฒนธรรม และราชินีที่ดำรงอำนาจยาวนานกว่าผู้หญิงใดในยุโรปยุคกลาง
---
💬 บทสรุป: เสียงที่ถูกกลบ...กำลังกลับมา
เรื่องราวของเอเลนอร์เป็นตัวแทนของเสียงผู้หญิงที่เคยถูกปิดเงียบในสงครามที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ชายเป็นใหญ่ อย่างครูเสด แม้เธอจะไม่ใช่แม่ทัพในสนามรบโดยตรง แต่ก็เป็นผู้นำที่มีอำนาจไม่แพ้ใคร
> ในยุคที่เรากำลังรื้อฟื้นประวัติศาสตร์ใหม่ —
เอเลนอร์แห่งอากีแตน คือสัญลักษณ์ของ “ศรัทธา ความกล้า และอำนาจของสตรี”
ที่ฝังอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างจากโลหะของดาบนักรบ
โฆษณา