15 ก.ค. เวลา 09:14 • ข่าวรอบโลก

🚨 สหรัฐฯ เปิดศึก AI ระดับชาติ! Pentagon เซ็นสัญญา 8 พันล้านกับ xAI ของ Musk และบริษัทยักษ์ใหญ่

Pentagon inks $200M deals with Musk’s xAI and AI rivals to fuel national security
🌐 บนเวทีสงครามยุคใหม่ เทคโนโลยีคืออาวุธ
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (Pentagon) ประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ลงนามใน “สัญญาพันธมิตร AI แนวหน้า” กับ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการปัญญาประดิษฐ์ ได้แก่
🔹 xAI (ของ Elon Musk)
🔹 OpenAI
🔹 Google
🔹 Anthropic
แต่ละบริษัทจะได้รับวงเงินสูงสุดถึง 200 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนา “Agentic AI Workflows” ระบบเอไอที่สามารถตัดสินใจและปฏิบัติการได้ด้วยตนเอง เพื่อสนับสนุนภารกิจทางทหารที่ซับซ้อน ครอบคลุมตั้งแต่การวิเคราะห์ข่าวกรอง จนถึงการบริหารทรัพยากรด้านความมั่นคง
💥 เบื้องหลังความร่วมมือ...ดราม่าไม่จบ!
xAI เพิ่งถูกกระแสวิจารณ์อย่างหนัก หลัง Grok แชตบ็อตของบริษัทแสดงข้อความเหยียดเชื้อชาติ สนับสนุนแนวคิดนาซีและแสดงทัศนคติต่อต้านชาวยิว จนต้องออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณะ
แม้จะมีแรงกดดันจากหลายฝ่าย แต่ Pentagon ยังคงเดินหน้าจับมือกับ xAI โดยให้เหตุผลว่า “ศักยภาพด้าน AI ขั้นสูงของสหรัฐฯ ต้องถูกนำมาใช้เพื่อความมั่นคงระดับชาติ”
🤖 เมื่อ “อำนาจ” ต้องเดินจับมือกับ “อัจฉริยะที่ไม่ถูกใจ”
แม้ Elon Musk กับประธานาธิบดี Trump จะขัดแย้งกันในที่สาธารณะจนถึงขั้นฟาดฟันผ่านโซเชียลมีเดีย แต่สุดท้าย Pentagon ก็ยังเลือก xAI มาเป็นหนึ่งในผู้รับสัญญา เพราะในสนามสงคราม AI ความล้ำหน้าและทรัพยากรเชิงเทคโนโลยีสำคัญกว่าความรู้สึกส่วนตัวของผู้นำ
xAI ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีเทคโนโลยีระดับ “Frontier AI” จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างระบบ โมเดลปัญญาประดิษฐ์ หรือบุคลากรระดับโลก และยังเป็น "ตัวเลือกใหม่" ที่ไม่ผูกขาดอยู่แค่ OpenAI หรือ Google ทำให้รัฐมองว่า หากต้องการรักษาความมั่นคงในยุคข้อมูล รัฐต้องเลือก “พันธมิตรที่มีอาวุธดีที่สุด” แม้จะไม่ชอบหน้ากันก็ตาม
ภายใต้เงื่อนไขของสงครามเทคโนโลยีกับจีน การปล่อยให้ “Musk อยู่ฝ่ายตรงข้าม” คือความเสี่ยงระดับชาติ ดังนั้น สหรัฐฯ จึงยอมร่วมมือกับคนที่เคยปะทะกับประธานาธิบดี เพียงเพราะไม่อยากปล่อยเขาให้เป็นอาวุธในมือของประเทศคู่แข่ง
🧠 เมื่อสงครามเปลี่ยนรูป… AI จึงกลายเป็นกุญแจหลัก
นี่ไม่ใช่แค่การลงทุนเชิงเทคโนโลยี แต่คือการ “ยกระดับสมองของกองทัพ” ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคข้อมูลเป็นอาวุธ ด้วยระบบ AI ที่สามารถเรียนรู้จากสนามรบ วิเคราะห์สถานการณ์ และปฏิบัติภารกิจร่วมกับมนุษย์ได้แบบเรียลไทม์
เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังถูกนำไปใช้ในทั้งการวางแผนปฏิบัติการ ควบคุมโดรน คัดกรองข้อมูลลับจำนวนมหาศาล ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับ “สงครามไซเบอร์”
🇹🇭 แล้วไทยล่ะ? กระทบหรือได้โอกาส?
📌 โอกาสเกิดแนวร่วมด้านความมั่นคงใหม่ในเอเชีย — เมื่อสหรัฐฯ เร่งสร้าง “พันธมิตร AI ด้านกลาโหม” ไทยอาจถูกดึงเข้าสู่ห่วงโซ่ความร่วมมือ โดยเฉพาะในส่วนของความมั่นคงไซเบอร์และการสื่อสาร
📌 แนวโน้มการควบคุมเทคโนโลยีเข้มข้นขึ้น — หากสงคราม AI ขยายตัว ไทยอาจต้องวางมาตรการควบคุมการนำเข้า-ส่งออกเทคโนโลยีด้าน AI และเซ็นเซอร์ โดยเฉพาะจากบริษัทที่อยู่ในข่ายความเสี่ยง
📌 อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยมีโอกาสเชื่อมต่อ — หากหน่วยงานความมั่นคงไทยเร่งพัฒนาเทคโนโลยีร่วม ไทยอาจกลายเป็นผู้พัฒนาโมดูลเฉพาะทางหรือซอฟต์แวร์เสริมสำหรับ AI ด้านการป้องกันประเทศ
💹 หุ้นไทยตัวไหนบ้างที่ได้ประโยชน์จากดีล AI นี้?
ในมุมของตลาดทุนไทย ดีลนี้อาจดูไกลตัว แต่หากมองแบบ "Ripple Effect" กลับมีโอกาสสะเทือนถึงหุ้นใน SET ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยี ระบบป้องกัน ข้อมูล และความมั่นคงในรูปแบบต่างๆ ได้แก่:
🔵 SECURE (เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว) — ดำเนินธุรกิจโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ครบวงจร มีโอกาสรับดีมานด์พุ่งหากรัฐไทยเร่งลงทุนความมั่นคงดิจิทัล
🟣 AIT (แอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี) — ที่เชี่ยวชาญระบบเครือข่ายและสื่อสารของหน่วยงานรัฐ หากกระแส AI สำหรับการป้องกันแพร่เข้ามาในไทย มีสิทธิเข้าร่วมโครงการพัฒนาระบบเครือข่าย-สื่อสารอัจฉริยะ
🟢 ITEL (อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม) ให้บริการโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ดาต้าเซ็นเตอร์ และ Cloud โดยมีความเชื่อมโยงกับภาครัฐ จึงมีศักยภาพรองรับการขยายระบบ AI เพื่อความมั่นคงในอนาคต
🔴 BBIK (บลูบิค กรุ๊ป) ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลและ AI Analytics โดยมีศักยภาพในการร่วมวางกลยุทธ์หรือสร้าง Use Case ด้านความมั่นคงหากรัฐเร่งขับเคลื่อนโครงการ AI ระยะยาวในประเทศ
🟡 INSET (อินฟราเซท) — ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ หากไทยต้องขยายความจุเพื่อรองรับระบบ AI รัฐบาลอาจหันมาสนับสนุนโครงการร่วมทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ภายในประเทศ
🛡️ เมื่อ AI ไม่ใช่ของเล่น...แต่คือยุทธศาสตร์ชาติ
การเซ็นสัญญาครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ “AI กลายเป็นอำนาจอธิปไตย” ประเภทใหม่ของแต่ละประเทศ
สำหรับไทย การตื่นตัวในเรื่องนี้ต้องเริ่มจากการเข้าใจว่า “อธิปไตยทางไซเบอร์” และ “เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์” ไม่ใช่เรื่องของโลกไซไฟอีกต่อไป แต่คือความจำเป็นที่หากไม่ขยับตอนนี้ อาจไม่มีโอกาสอีกเลย
💬 คุณคิดว่าไทยควรมีบทบาทแบบไหนในสนาม AI เพื่อความมั่นคงระดับโลก?
ควรพัฒนาระบบเอง หรือสร้างพันธมิตรกับชาติใด?
แชร์ความคิดเห็นของคุณไว้ด้านล่างได้เลยค่ะ
🎯 Hashtags:
#AIWarfare #xAI #PentagonContracts #MuskVsTrump #FrontierTech #GrokControversy #GlobalDefenseRace #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #หุ้นกลุ่มไอที #StockAtlas #ขุมกำลังโลกเดือด #GlobMaps

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา