16 ก.ค. เวลา 09:28 • ข่าวรอบโลก

คดี “เจฟฟรีย์ เอปสไตน์” ยังตามหลอกหลอน “ทรัมป์”

สั่นคลอนถึงกลุ่มผู้ภักดีตัวเขา MAGA
กลุ่ม MAGA กำลังเดือดดาลมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว สมาชิกซึ่งโดยปกติจะภักดีต่อประธานาธิบดีทรัมป์อย่างมาก กำลังวิพากษ์วิจารณ์เขาเนื่องจากแถลงการณ์ของเอฟบีไอและกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับ “คดีของเจฟฟรีย์ เอปสไตน์” นักการเงินซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาววัยรุ่นและตายในคุกเมื่อหกปีก่อน
“ทรัมป์” ซึ่งเป็นเพื่อนกับเอปสไตน์มาหลายปี เริ่มอาศัยเรื่องนี้เป็น “เครื่องมือทางการเมือง” จากทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าเอปสไตน์เก็บ “รายชื่อลูกค้า” ที่ใช้บริการเด็กสาววัยรุ่นในสังกัดของเขา ทรัมป์อ้างว่ามีรายชื่อของนักการเมืองฝ่ายพรรคเดโมแครต และทรัมป์สัญญาว่าจะเปิดโปงเรื่องนี้หลังจากกลับเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
แต่ตอนนี้ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขากลับบอกว่าไม่มี ไม่รู้ๆๆ “รายชื่อลูกค้าอะไร” และนั่นทำให้ชื่อเสียงของทรัมป์ในหมู่ผู้สนับสนุนที่ภักดีที่สุดของเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงอย่างไม่คาดคิด
ภาพถ่ายเมื่อปี 2000 เจฟฟรีย์ เอปสไตน์ (ลำดับที่ 2 จากขวา) เครดิตภาพ: Davidoff Studios Photography/ARCHIVE PHOTOS
7 กรกฎาคม 2025 เอฟบีไอและกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้เผยแพร่บันทึกข้อความเกี่ยวกับคดีของเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ นักการเงินชาวอเมริกันผู้มั่งคั่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และตายในคุกเมื่อปี 2019 FBI และกระทรวงยุติธรรมระบุว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่ามี “รายชื่อลูกค้า” ของบุคคลที่แอบอ้างใช้แบล็กเมล์ และการเสียชีวิตของนักการเงินรายนี้เป็นการฆ่าตัวตาย ไม่ใช่การฆาตกรรม [1]
ข่าวนี้อาจดูเหมือนเป็นข่าวธรรมดา แต่มันได้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนในค่าย MAGA ซึ่งมักจะภักดีต่อทรัมป์
คนในหน้าสื่อของ MAGA ได้แก่ “ทักเกอร์ คาร์ลสัน” พิธีกรรายการโทรทัศน์ “สตีฟ แบนนอน” อดีตที่ปรึกษาของทรัมป์ “ส.ส. มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน” และ “ลอร่า ลูเมอร์” นักเคลื่อนไหวฝ่ายขวา ต่างกล่าวหารัฐบาลทรัมป์ว่าพยายามปกปิดข้อมูลจากคดีของเอปสไตน์ [2][3][4][5]
แม้แต่ “เควิน สเปซีย์” นักแสดง ซึ่งชื่อของเขาถูกกล่าวถึงว่าอยู่ในรายชื่อของเอปสไตน์เมื่อปีก่อน ก็ยังเรียกร้องให้เปิดเผยต่อสาธารณะ [6][7]
เครดิตภาพ: WSJ
ปฏิกิริยาจากกลุ่ม MAGA ไม่เพียงแต่รุนแรงเท่านั้น แต่ยังไม่จบลงง่ายๆ อีกด้วย โดยคำวิจารณ์รัฐบาลทรัมป์ยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว สาเหตุนี้เป็นเพราะทรัมป์และผู้สนับสนุนได้สร้างทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับคดีของเอปสไตน์ขึ้นมา โดยอ้างอิงจากคำให้การจริงที่ว่าเอปสไตน์ไม่เพียงแต่ใช้บริการทางเพศเด็กสาววัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังเสนอบริการเหล่านี้ให้กับเหล่าเพื่อนของเขาที่เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมและมีอำนาจทางการเมืองอีกด้วย
เขาถูกกล่าวหาว่าเพิ่มเหล่าเพื่อนเหล่านี้เข้าไปใน “รายชื่อลูกค้า” ซึ่งท้ายที่สุดก็รวมถึงสมาชิกหลายคนของนักการเมืองฝ่ายเสรีนิยม และใช้แบล็กเมล์พวกเขา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกสั่งเก็บในคุก
1
“นี่ไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิดเดียวที่ทรัมป์นำมาใช้เพื่อหาประโยชน์ทางการเมือง แต่.. ดังที่รอยร้าวใน MAGA แสดงให้เห็น มันเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่สำคัญที่สุด ทำไมน่ะเหรอ?” คอลัมนิสต์ของ NYT ชี้ให้เห็นว่าทฤษฎีนี้มันชัดเจนว่าผิดศีลธรรม (การทารุณกรรมเด็กเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้) และแสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจอย่างลึกซึ้งต่อสถาบันทางการเมือง (ชนชั้นนำทำความชั่วได้โดยไม่ต้องถูกลงโทษ?)
“เรื่องราวของเอปสไตน์เป็นองค์ประกอบสำคัญของคดี กลุ่ม MAGA ที่กำลังฟ้องร้องชนชั้นปกครองของอเมริกา… หากคุณเชื่อว่าชนชั้นนำสามารถล่วงละเมิดผู้เยาว์ได้ แน่นอนว่าพวกเขาก็สามารถสร้าง ‘พล็อตเรื่องแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซีย’ (RussiaGate) ได้ คนที่ทำได้ก็สามารถทำได้ทุกอย่าง” เดวิด เฟรนช์ คอลัมนิสต์ของ NYT เขียนในบทความ [8]
ทรัมป์กลับเป็นฝ่ายสนับสนุนทฤษฎีสมคบคิดของเอปสไตน์ซึ่งพวกเขาสนิทกัน และสังเกตเห็นว่าทั้งคู่สนใจ “ผู้หญิงสวย” เหมือนกัน ทรัมป์และเอปสไตน์รู้จักกันมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1980 เป็นอย่างน้อย โดยเคยไปงานปาร์ตี้และนั่งเครื่องบินเจ็ตของเอปสไตน์ด้วยกัน [9]
แต่พวกเขากลับทะเลาะกันในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เกี่ยวกับข้อตกลงอสังหาริมทรัพย์ในปาล์มบีช หลังจากที่เอปสไตน์ถูกกล่าวหาว่ามีสัมพันธ์กับเด็กสาววัยรุ่น ทรัมป์อ้างว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขาเลย แม้ว่าพยานปากเอกในข้อกล่าวหาเอปสไตน์จะอ้างว่าเธอพบเขาที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกของทรัมป์ก็ตาม [10]
ทรัมป์สามารถโน้มน้าวผู้สนับสนุนของเขาให้เชื่อว่าตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมของเอปสไตน์ แต่ผู้นำพรรคเดโมแครตอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น ทันทีหลังจากเอปสไตน์ตายในคุก เขาก็เริ่มบอกเป็นนัยว่าครอบครัวของ “ฮิลลารี คลินตัน” คู่แข่งทางการเมืองของเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เครดิตภาพ: AP / Getty Images
ทรัมป์ได้รับความช่วยเหลือในการเผยแพร่ข่าวลือเหล่านี้โดยกลุ่มคนที่ตอนนี้มีตำแหน่งในรัฐบาลชุดที่สองของเขา ในปี 2023 “แคช พาเทล” (ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการเอฟบีไอ) สมัยเป็นผู้บริหารบริษัททรัมป์ คอร์ป กล่าวว่ารายชื่อลูกค้าเอปสไตน์อยู่ในมือของเอฟบีไอ ต่อมาในปี 2024 “แดน บองจิโน” (ปัจจุบันเป็นรองผู้อำนวยการเอฟบีไอ) เป็นนักวิจารณ์บอกว่ารายชื่อลูกค้านี้จะ “เขย่าพรรคเดโมแครต”
และเมื่อกุมภาพันธ์ 2025 หลังจากที่ทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอีกครั้ง อัยการสูงสุด “แพม บอนดี” เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเผยแพร่ “รายชื่อลูกค้าเอปสไตน์” เธอตอบว่าขณะนี้มันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ (ต่อมาบอนดีกล่าวว่าเธอหมายถึงเอกสารคดีเอปสไตน์โดยทั่วไป ไม่ใช่ “รายชื่อลูกค้า” เจาะจงแต่อย่างใด)
ด้วยเหตุนี้แถลงการณ์ร่วมของเอฟบีไอและกระทรวงยุติธรรมที่ระบุว่าบุคคลที่อยู่ใน “บัญชีรายชื่อลูกค้าเอปสไตน์” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเขา และไม่มีการปรากฏบัญชีรายชื่อดังกล่าวเลย ทำให้ผู้สนับสนุนทรัมป์โกรธแค้นอย่างมาก เชื้อถูกเติมเข้าไปในกองไฟด้วยวิดีโอจากกล้องวงจรปิดในคุก ซึ่งเผยแพร่เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครเข้าไปในห้องขังของเอปสไตน์ก่อนที่เขาจะตาย
แต่แล้วก็มีคนตาดีสังเกตเห็น “เสี้ยวนาทีที่หายไป” ในวิดีโอจากกล้องในคุก ซึ่งก่อให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดใหม่ๆ แม้ว่าบอนดีจะระบุว่าเป็นเพราะลักษณะเฉพาะทางเทคนิคของระบบเฝ้าระวังเรือนจำ นั่นคือต้องรีบูตทุกคืน ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งนาที มีรายงานว่าวิดีโอดังกล่าวทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทระหว่าง “บอนดี” อัยการสูงสุด และ “บองจิโน” รองผู้อำนวยการเอฟบีไอซึ่งถูกบีบให้ลาออก [11][12][13]
แพม บอนดี (ซ้าย) อัยการสูงสุดสหรัฐฯ กับ แดน บองจิโน (ขวา) รองผู้อำนวยการเอฟบีไอ เครดิตภาพ: Illustrated by Thomas Levinson/The Daily Beast/Getty Images
ทรัมป์เองก็อยู่พยายามอยู่ห่างจากเรื่องอื้อฉาวนี้เกือบสัปดาห์ แต่เมื่อ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เขากลับเขียนโพสต์ยาวเหยียดเพื่อยกย่องบอนดี เรียกร้องให้ทุกคนลืมเรื่องเอปสไตน์ และจู่ๆ ก็อ้างว่าเอกสารสำคัญในคดีของเขาถูกกุขึ้นโดยผู้นำพรรคเดโมแครต [14]
คำอธิบายนี้ไม่เพียงแต่ถูกมองว่าน่าอึดอัดใจจากนักข่าวเท่านั้น (โอบามากุเอกสารในคดีเอปสไตน์ขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายทรัมป์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างพรรคเดโมแครตกลับไม่ยอมเผยแพร่?) โจนาธาน ไชต์ คอลัมนิสต์ของดิแอตแลนติกตั้งคำถาม แต่ยังถูกมองว่าเป็นความอึดอัดใจจากผู้สนับสนุนทรัมป์หลายคนด้วย [15]
สื่ออเมริกันรายงานว่านี่อาจเป็นปฏิกิริยาเชิงลบที่รุนแรงที่สุดจากกลุ่มผู้ภักดีต่อทรัมป์ตลอดระยะเวลาที่เหลือในตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะมีผลกระทบระยะยาวหรือไม่ นักยุทธศาสตร์การเมืองของพรรครีพับลิกันเชื่อว่าทำเนียบขาวจะต้องเปลี่ยนแนวทางในการพิจารณาคดีเอปสไตน์และเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมและให้ความเห็นว่า “บอนดีให้คำมั่นสัญญาเกินจริงแต่ทำไม่ได้”
หนึ่งในคนสำคัญให้สัมภาษณ์กับเดอะฮิลล์นั่นคือ “ลารา ทรัมป์” ลูกสะใภ้ของทรัมป์ยืนยันเมื่อ 14 กรกฎาคม 2025 ว่าทำเนียบขาวพร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีเอปสไตน์ “ฉันคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ฉันรู้ว่ามันสำคัญกับประธานาธิบดี เขากำลังเสียใจ และเขาต้องการแก้ไขมัน” [16]
แพม บอนดี (ซ้าย) อัยการสูงสุดสหรัฐฯ เครดิตภาพ: Pool via AP
เรียบเรียงโดย Right Style
16th Jul 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: AP/EPA/Getty images>
โฆษณา