18 ก.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ

เภสัชกรเผย สัญญาณจาก "เท้า" ที่ห้ามเมิน ถ้าไม่อยากป่วยหนักโดยไม่รู้ตัว

หลายคนอาจคิดว่าเท้ามีหน้าที่แค่พาเราเดินไปไหนมาไหน แต่ความจริงแล้วสุขภาพเท้ามีความเชื่อมโยงกับสุขภาพโดยรวมอย่างน่าทึ่ง อาการเจ็บปวดหรือความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ที่เท้า อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงอย่างโรคอ้วน เบาหวาน หรือแม้แต่โรคหัวใจได้เลยทีเดียว
ดังที่ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า "Happy feet, healthy life" หรือ "เมื่อเท้ามีความสุข ชีวิตก็มีสุขภาพดี" บทความนี้ ผมจะพาทุกท่านมาถอดรหัสสัญญาณต่างๆ ที่เท้าพยายามจะบอกเรา โดยอิงจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เราดูแล รากฐานของชีวิตให้แข็งแรงและพร้อมพาเราก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุขครับ
ก่อนจะไปถึงโรคภัยไข้เจ็บ เรามาเริ่มกันที่การดูแลขั้นพื้นฐานที่ทุกคนทำได้กันก่อนดีกว่าครับ
หนังแข็งที่ส้นเท้า (Callus) ควรเอาออกหรือไม่?
หลายคนอาจรู้สึกรำคาญใจกับหนังแข็งๆ ด้านๆ บริเวณส้นเท้าหรือฝ่าเท้า และพยายามจะขูด แซะ หรือโกนมันออกไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว หนังแข็งเหล่านี้เปรียบเสมือน "ชุดเกราะ" ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องผิวหนังชั้นในจากการเสียดสีครับ การกำจัดมันออกไปอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดบาดแผลและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายๆ
คำแนะนำของผมคือ หากรู้สึกว่ามันหนาจนเกินไป ให้ใช้วิธีที่นุ่มนวลขึ้น โดยการแช่เท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือ ประมาณ 20 นาทีเพื่อให้ผิวนุ่มลง แล้วค่อยๆ ใช้หินขัดเท้าขัดออกเบาๆ แค่บางส่วนก็เพียงพอแล้วครับ สิ่งสำคัญคือการป้องกันไม่ให้มันเกิดซ้ำด้วยการเลือกรองเท้าที่พอดีและทาครีมให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ
แล้วใส่ถุงเท้านอน ดีหรือไม่?
เท้าของเราทำงานหนักมาทั้งวัน การปล่อยให้เท้าได้ "หายใจ" อย่างอิสระในตอนกลางคืนจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ การใส่ถุงเท้านอนอาจทำให้เท้าอับชื้นและกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อราได้ง่าย แต่ในระหว่างวัน การเลือกใส่ถุงเท้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ถุงเท้าผ้าฝ้าย จะช่วยซับเหงื่อและลดความอับชื้นได้ครับ
สวยอย่างปลอดภัย ข้อควรระวังเมื่อไปร้านทำเล็บ
การทำเล็บเท้าหรือเพ้นท์เล็บสวยๆ เป็นการผ่อนคลายที่สาวๆ หลายคนชื่นชอบ แต่ความสวยงามก็ต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยนะครับ
ความสะอาดคือหัวใจ ควรเลือกร้านที่ได้มาตรฐาน สามารถสังเกตเห็นกระบวนการทำความสะอาดได้ชัดเจน เช่น มีการเปลี่ยนน้ำในอ่างแช่เท้าทุกครั้ง ทำความสะอาดอ่างอย่างดี และที่สำคัญที่สุดคืออุปกรณ์ทุกชิ้นต้องผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว
กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคปลายประสาทอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บเท้าที่ร้านครับ เพราะคนกลุ่มนี้อาจมีความรู้สึกรับสัมผัสที่เท้าลดลง ทำให้เมื่อเกิดแผลเล็กๆ อาจไม่รู้สึกเจ็บ แต่แผลนั้นสามารถลุกลามจนติดเชื้อรุนแรงได้ง่าย
"สปาปลา" อันตรายกว่าที่คิด การทำสปาโดยให้ปลาตอดกินหนังที่ตายแล้วออกไปอาจดูน่าสนุก แต่ในทางการแพทย์ถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากครับ เราไม่สามารถฆ่าเชื้อในอ่างที่มีปลาอยู่ได้เลย และปากของปลาอาจสร้างรอยถลอกหรือแผลเล็กๆ ที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นประตูสู่การติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้อย่างง่ายดาย
เชื้อราชอบความอับชื้น และเท้าของเราก็เป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อราชื่นชอบเป็นพิเศษ
เชื้อราที่ผิวหนัง หากคุณมีอาการคัน แสบร้อน หรือผิวหนังลอกเป็นขุยๆ โดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้า นั่นอาจเป็นสัญญาณของเชื้อราที่ผิวหนัง หรือที่เรียกกันว่า "ฮ่องกงฟุต" นั่นเองครับ เราสามารถติดเชื้อนี้ได้ง่ายๆ จากการเดินเท้าเปล่าในที่สาธารณะที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำรวม หรือสระว่ายน้ำ การป้องกันคือการใส่รองเท้าแตะเสมอในบริเวณดังกล่าว หากเป็นแล้ว สามารถใช้ยาทาต้านเชื้อราที่หาซื้อได้ตามร้านยาทั่วไป แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรครับ
เชื้อราที่เล็บปัญหานี้จะจัดการได้ยากกว่าครับ สัญญาณคือเล็บจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาล เล็บจะหนาขึ้น เปราะ และแตกง่าย หากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลต่อการเดินและจำกัดการทำกิจกรรมต่างๆ ได้
การรักษาเชื้อราที่เล็บอาจใช้เวลานานหลายเดือน และมักจะต้องพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็นยารับประทานหรือยาทาเฉพาะที่ ยารับประทานบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงต่อตับได้ จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
เล็บขบและโรคเกาต์
บางครั้งความเจ็บปวดก็ไม่ได้มาจากภายนอก แต่เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกายเราเอง
เล็บขบมักเกิดกับนิ้วโป้งเท้า สาเหตุอาจมาจากการใส่รองเท้าที่บีบหน้าเท้าเกินไป การตัดเล็บที่สั้นและโค้งเข้ามุมมากเกินไป หรือเกิดจากอุบัติเหตุ
วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือการใส่รองเท้าที่ขนาดพอดีและตัดเล็บเท้าในแนวตรง เหลือมุมเล็บไว้นิดหน่อย หากเริ่มรู้สึกว่ากำลังจะเป็นเล็บขบ ให้ลองแช่เท้าในน้ำอุ่นประมาณ 20 นาที แล้วใช้ไหมขัดฟันที่สะอาดค่อยๆ สอดเข้าไปใต้ขอบเล็บและงัดขึ้นเบาๆ ทำแบบนี้ทุกวันประมาณ 1 สัปดาห์อาจช่วยได้ แต่ถ้าเจ็บปวดมากจนสัมผัสไม่ได้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีครับ
โรคเกาต์ (Gout) เป็นภาวะข้ออักเสบที่ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณข้อต่ออย่างฉับพลัน ซึ่งมักจะเกิดที่ข้อนิ้วโป้งเท้าเป็นที่แรก สาเหตุเกิดจากร่างกายมีกรดยูริก (Uric acid) สะสมในเลือดสูงเกินไป จนตกผลึกเป็นรูปเข็มแหลมๆ ทิ่มแทงตามข้อต่อ
อาหารที่เป็นตัวกระตุ้น ได้แก่ เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การป้องกันคือการควบคุมอาหาร ทานผักผลไม้และเนื้อสัตว์ไขมันต่ำให้มากขึ้น ใครที่ชอบทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำ โดยเฉพาะคุณผู้ชายวัยกลางคน ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญเลยครับ
จากทั้งหมดที่ผมเล่ามา จะเห็นได้ว่าเท้าไม่ใช่แค่ส่วนประกอบของร่างกาย แต่เป็น รากฐานที่แบกรับน้ำหนักและพาเราไปทุกที่ ทั้งยังเป็นกระจกสะท้อนสุขภาพโดยรวมของเราได้เป็นอย่างดี การเลือกรองเท้าให้เหมาะกับกิจกรรมจึงเป็นเรื่องสำคัญ รองเท้าแตะอาจเหมาะกับชายหาดหรือสระว่ายน้ำ แต่ไม่เหมาะกับการเดินช็อปปิ้งนานๆ หรือการเดินป่า เพราะเท้าของเราต้องการการปกป้องและการรองรับที่ดีครับ
การใส่ใจดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้ อาจช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพที่ใหญ่กว่าในวันหน้าได้นะครับ
แหล่งอ้างอิง:
1. Kueter, C. P. (2025, July 15). Q&A: Are your feet trying to tell you something? Medical Xpress. Retrieved from https://medicalxpress.com/news/2025-07-qa-feet.html
2. Mayo Clinic. (2023). Nail fungus: Diagnosis & treatment. Mayo Clinic Staff.
โฆษณา