18 ก.ค. เวลา 16:37 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

🎬 รีบรีวิว F1 - ’หนังที่จะพาคุณเข้าสู่โลกการแข่ง Formula one ที่สนุกแบบคาดไม่ถึงเลย!‘

เอาจริงนี่ไม่สายรถเลยซักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึง Formula one คืออะไรก่อน
แต่พอเห็นโปสเตอร์คุณ Brad Pitt ใส่เสื้อขาวยืนเก๊กเท่ห์อยู่เท่านั้นแหละ
ชั้นต้องไปดูเรื่องนี้ให้ได้ ฮ่า!
และมันไม่ใช่แค่นั้น ตอนเห็นตัวอย่างครั้งแรกในหัวคิดเลยนะ...
หนังบ้าอะไรมันจะเท่ห์ได้ขนาดนี้ว่ะ!
แล้วยิ่งมารู้ว่า นี่มัน หนังผู้กำกับ “Joseph Kosinski” ผู้ทำมหากาพย์ Top Gun: Maverick
ตอนนั้นดูแล้วยังจำได้ว่ารู้สึกเหมือนเกาะหลังเบาะ Tom cruise บนเครื่องบิน F/A-18 ไปด้วย
และอีกอย่างคือ ได้คนทำสกอร์เพลงเป็น “Hans Zimmer” อื้อหือ ที่ทำเพลงมหากาพย์ Interstellar กับ Dune อ่ะนะ
หนังเรื่องนี้ Apple จะทุ่มทุนสร้างเกินไปแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ผิดหวังเลยจริงๆ เป็นเรื่องที่ดูจบแล้วอยากไปซ้ำรอบสองมาก!
อย่างแรกเลยคนไม่รู้จัก Formula one (อย่างเรา) สามารถค่อยๆ เข้าสู่โลกการแข่งขันนี้ได้ แบบเข้าใจไม่ยาก
หนังยังทำให้เราสนใจการแข่งรถนี่มาขึ้นไปอีกซะด้วย เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็วเท่านั้นที่จะชนะได้
แต่มันคือ —- ทีมเวิร์ก
ไม่ใช่แค่คนขับต้องตีนผีอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องของใจ และร่างกาย
และก็ไม่ใช่เพราะคนขับอย่างเดียว มันคือเรื่องของรถ อะไหล่ ยาง และระบบวิศวกรรมที่ต้องมาช่วยกันออกแบบให้สิ่งนี้เร็วที่สุด
หนังถ่ายทอดส่วนนี้ได้ดีมาก และทีมเวิร์กก็ถือเป็นเรื่องท้าท้ายอย่างหนึ่งด้วย
อย่างการร่วมมือกันระหว่างนักขับรุ่นเก๋า และนักขับ Gen Z ดาวรุ่ง
ทุกคนน่าจะเข้าใจเด็ก Gen Z นะ ฮ่า!
ได้นักแสดงอย่าง “Damson Idris” ถึงจะโดน “Brad Pitt” ข่มไปบ้าง แต่เจ้าตัวก็ยังเท่ห์อยู่ดี
มาแสดงให้เห็นว่าถึงจะเป็นเด็ก แต่การที่จะมาถึงจุดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจะมาทำตัวเหนืออะไรก็เกรงใจกันหน่อยลุง ฮ่า!
และคุณลุง Brad Pitt อายุปาเข้าไป 61 ปี แล้ว แต่ทำไมถึงได้โคตรเท่ห์ โคตรคูลขนาดนี้ล่ะคับ
เชื่อมั้ยว่าพี่เค้าเท่ห์ระเบิดถึงขั้นว่าหลังดูหนังจบเรามีไฟลุก 7 โมงไปออกกำลังกายอ่ะทุกคน ฮ่า!
มันหันกลับมามองว่าอายุเยอะไป เราอยากจะเป็นคนเท่ๆ แบบนี้บ้าง
หรือที่จริง เราก็แค่อยากมีแรงไปวิ่งกับ Brad Pitt เหมือนในหนัง?😜
ซึ่งแน่นอนว่าการแสดงไม่ต้องพูดถึง คุณพี่เค้าได้เป็น Sonny Hayes นักขับรถรุ่นเก๋าที่จะพาทุกคนมาพลิกสนาม Formula one กันอย่างดุเดือดเลยทีเดียว
นักแสดงสมทบก็ประทับใจมาก
ทั้ง “Javier Bardem” เพื่อนซอนนี่ ป๋ามาก ป๋าจนลืมไปเลยว่านี่มันแม่ยกลีซานอัลกาอีบ
และนางเอก “Kerry Condon” Technical Director ของเราที่เป็นสาวสวยสุดแกร่ง
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือซาวน์แทร็กของหนัง
เป็นเรื่องที่ดูจบแล้วขอนั่งฟังเพลงไปก่อนทั้งที่ไม่มี End credit
เพลงดีมาก บรรยากาศหนัง อารมณ์มันยังอยู่ในเพลง
ซึ่งเดินออกมาแล้วก็ยังวนอยู่ในหัว เรื่องเพลงนี่ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ
นอกจากสกอร์เพลงจะดีแล้ว ยังได้นักร้องอย่าง “Ed ฆheeran” และ “Rosé” มาลองเพลงประกอบหนังอีก จะบ้า!
 
ถ้าจะมีเสียดายนิดนึงเราว่าหนังมันเต็มไปด้วยพลังแล้วนะ แต่เหมือนยังไม่สุดบอกไม่ถูกเหมือนกัน อาจจะมีจุดของเรื่องที่ขยี้ยังไม่แรงพอประมาณนั้น
แต่ส่วนตัวก็ยังถือว่าประทับใจเรื่องนี้มากอยู่ดี มี Quote หลายประโยคที่ชอบมากจนต้องเดินพึมพำออกมาจากโรงหนัง
“It’s not about the money”
“So what is it about?”
สุดท้ายอีกเรื่องที่เสียดายคือทำไมเราไม่ได้ดูโรง IMAX
มันจะมีซีนนึงทุกคน เป็นซีนที่ประทับใจที่สุดของหนังเลยก็ว่าได้ จำได้ว่าแบบนั่งนิ่งเลย มันทัชมาก
สมพอกับที่เป็นความสามารถของผู้กำกับ ที่พาเราเข้าไปสัมผัสกับอารมณ์ตรงนั้นได้
ซึ่งถ้าซีนนั้นได้ดูใน IMAX นะ มันจะโคตรคอมพลีทเลย ฮื้อ (เราว่าเป็นฉากประทับใจของใครหลายคนเลย)
ก็ ไม่เป็นไร ตอนนี้โรง IMAX ก็ถึงคราวของซูเปอร์แมนแล้ว ยังดีที่รอบฉายโรงทั่วไปยังมีอยู่
เผื่อใครไม่อยากพลาดหนังสนุกๆ แบบนี้ยังมีโอกาสได้ไปลองกันค่ะ
“Hope is not a strategy. Create your own breaks.”
โฆษณา