21 ก.ค. เวลา 14:00 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

เมื่อความซวยมาเยือน - Israel attacks Catholic church in Gaza.

งานนี้ สหรัฐฯถึงกับแสดงความไม่เห็นด้วยกับการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลต่อซีเรีย และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหยุดยิง
และการแก้ปัญหาทางการทูต
1
อิสราเอล โจมตีโบสถ์คาทอลิก(Holy Family Church)ในฉนวนกาซาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย
เนทันยาฮูแสดงความเสียใจและให้คำมั่นว่าจะสอบสวนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
1
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แสดงความเสียใจเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากโทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ว่า
มีผู้เสียชีวิต 3 รายจากการยิงรถถังของอิสราเอลที่โบสถ์คาทอลิกแห่งหนึ่งในฉนวนกาซา โดยกล่าวโทษว่าเป็น "ความซวย"
3
สังฆมณฑลลาตินแห่งเยรูซาเล็มระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 10 รายจากการโจมตีโบสถ์ ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองกาซา
1
รวมถึงบาทหลวงกาเบรียล โรมาเนลลี(Gabriel Romanelli) อีกด้วย
เพราะโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์คาทอลิกแห่งเดียวในฉนวนกาซา
พยานและสังฆมณฑลกล่าวว่ากระสุนรถถังถูกยิงเข้าที่โบสถ์ทันที เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.
1
แต่ต่อมากองทัพอิสราเอลกล่าวว่าการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า "สะเก็ดระเบิดกระเด็นถูกโบสถ์โดยไม่ได้ตั้งใจ"
1
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 แห่งโรมันคาทอลิกตรัสว่าพระองค์ทรง "เสียใจอย่างสุดซึ้ง" กับผู้เสียชีวิตที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์
ในอดีตสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสผู้ล่วงลับทรงติดต่อกับโบสถ์นี้อยู่บ่อยครั้งในช่วงสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาส
กองทัพอิสราเอลย้ำว่า "ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อลดความเสียหายต่อพลเรือนและศาสนสถาน"
และเนทันยาฮูก็สัญญาว่าจะสอบสวนเหตุการณ์นี้ด้วยตนเอง
เนทันยาฮูกล่าวในแถลงการณ์ว่า "อิสราเอลเสียใจอย่างสุดซึ้งที่กระสุนลูกหลงถูกโบสถ์โฮลีแฟมิลี(Holy Family Church)ในฉนวนกาซา การสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ทุกชีวิตล้วนเป็นโศกนาฏกรรม"
แคโรไลน์ ลีวิตต์ (Caroline Leavitt)โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า ทรัมป์ "ไม่ได้มีปฏิกิริยาเชิงบวก" หลังจากทราบเรื่องการโจมตี
และได้โทรศัพท์ไปหาเนทันยาฮูแล้ว
ลีวิตต์กล่าวว่า "การโจมตีโบสถ์คาทอลิกของอิสราเอลเป็นความผิดพลาด และนายกรัฐมนตรีได้อธิบายเรื่องนี้ให้ประธานาธิบดีทราบแล้ว"
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แถลงต่อสาธารณชนว่า
ไม่สนับสนุนการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในซีเรียเมื่อเร็วๆ นี้ และแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อการกระทำดังกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และโฆษกทำเนียบขาวยืนยันว่าวอชิงตันได้เข้าแทรกแซงการไกล่เกลี่ยทางการทูต
โดยหวังว่าจะแก้ไขความขัดแย้งในปัจจุบันด้วยวิธีการทางการทูตและป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย
โดยสรุปภาพรวมของเหตุการณ์
2
อิสราเอลได้เปิดฉากการโจมตีทางอากาศต่อกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย และทางตอนใต้ของประเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
โดยมีเป้าหมายโจมตีที่ตั้งของกระทรวงกลาโหมซีเรีย และพื้นที่โดยรอบทำเนียบประธานาธิบดี
นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอลกล่าวว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นเพื่อปกป้องชนกลุ่มน้อยชาวดรูซในประเทศจากการโจมตีของกองกำลังรัฐบาลซีเรีย
อีกทั้ง เนทันยาฮูเสนอให้คงสถานะที่ไม่ใช่ทางการทหารไว้
ตั้งแต่ที่ราบสูงโกลันไปจนถึงทางตะวันออกของสุไวดา เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย "การหยุดยิงที่รักษาไว้ด้วยกำลังพล"
แล้วทางด้านทัศนคติของสหรัฐฯล่ะ แทมมี บรูซ (Tammy Bruce)โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า
สหรัฐฯ ไม่สนับสนุนการกระทำของอิสราเอลและได้เปิดการสื่อสารทางการทูตในระดับสูงสุด
1
เธอชี้ให้เห็นว่าจุดยืนของประธานาธิบดีนั้นชัดเจน สหรัฐฯ ได้แสดงความไม่พอใจอย่างรวดเร็ว
และมุ่งมั่นที่จะยุติปฏิบัติการทางทหาร
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวก็กล่าวเสริมว่าซีเรียได้ตกลงที่จะถอนทหารออกจากพื้นที่ขัดแย้ง
และสหรัฐฯ กำลังติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด
ดังนั้นแล้ว ..การตอบสนองของซีเรียล่ะ ประธานาธิบดีรักษาการอาห์เหม็ด อัล-ชารา (Ahmed Al-Shara) ได้ออกมาประณามอิสราเอลอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า
บ่อนทำลายเสถียรภาพของซีเรีย โดยกล่าวหาว่าอิสราเอลใช้อิทธิพลเหนือชุมชนดรูซเพื่อสร้างความแตกแยก
เขาสัญญาว่าจะปกป้องสิทธิของชาวดรูซและลงโทษผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชุมชน
มาที่ ปฏิกิริยาจากนานาชาติกันบ้างนะครับ
นายรูบิโอ (Marco Antonio Rubio )รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ ได้หารือกับหลายฝ่ายเพื่อจัดทำข้อตกลงหยุดยิงเบื้องต้น
ส่วน ประธานาธิบดีตุรกี เออร์โดกัน(Erdogan) ก็วิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลที่บ่อนทำลายสันติภาพและไม่อยากเห็นเสถียรภาพในซีเรียหรือกาซา
ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จอร์แดน และอีก 11 ประเทศ ก็ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ยับ ต่างยืนยันการสนับสนุนอธิปไตยของซีเรีย
และเรียกร้องให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงซูไวดาอย่างเต็มที่
ด้านวิกฤตด้านมนุษยธรรมก็ไม่เว้น
เมื่อเครือข่าย Syrian Q Network (SNHR) รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 254 คนในพื้นที่ซูไวดาภายใน 4 วัน ซึ่งรวมถึงพลเรือน ผู้หญิง และเด็กจำนวนมาก
1
แม้ว่ากองกำลังของรัฐบาลซีเรียจะถอนกำลังออกไปแล้ว แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดความบาดหมางทางชาติพันธุ์ระหว่างชาวดรูซและชาวเบดูอินก็ยังคงมีอยู่ในพื้นที่นี้
โฆษณา