25 ก.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ

อินซูลินพ่นจมูก ทางเลือกใหม่สู้ภัยสมองเสื่อม

เราทุกคนต่างทราบกันดีว่าอัลไซเมอร์เป็นโรคที่น่ากลัวและยังไม่มียาที่รักษาให้หายขาดได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมบอกว่า "อินซูลิน" ซึ่งเราคุ้นเคยกันดีในฐานะยาสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน อาจกลายเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนานี้
แต่มันก็มีคำถามสำคัญอยู่ว่า เราจะส่งอินซูลินเข้าไปในสมองได้อย่างไร ในเมื่อสมองมีปราการป้องกันที่แข็งแกร่งอย่าง Blood-Brain Barrier คอยปกป้องอยู่ นี่คือจุดที่งานวิจัยล่าสุดที่ผมจะเล่าให้ฟังเข้ามามีบทบาทครับ งานวิจัยนี้ได้ศึกษาการให้อินซูลินทางจมูกหรือการพ่นยาเข้าจมูกนั่นเอง ซึ่งเป็นเหมือนการใช้ทางลัดเพื่อส่งยาตรงเข้าสู่สมอง
บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกการทดลองครั้งแรกในมนุษย์ ที่ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง PET scan เพื่อติดตามการเดินทางของอินซูลินในสมองแบบเรียลไทม์ และผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าทึ่งและให้ความหวังอย่างมากครับ ถ้าพร้อมแล้วมาติดตามเรื่องราวนี้ไปด้วยกันครับ
ทำไมต้องเป็น "อินซูลิน" และทำไมต้อง "พ่นจมูก"
หลายคนอาจจะสงสัยว่าอินซูลินเกี่ยวอะไรกับสมอง ที่จริงแล้ว สมองของเราก็ต้องการอินซูลินเพื่อการทำงานที่เป็นปกติเช่นกันครับ อินซูลินช่วยควบคุมพลังงานให้เซลล์สมอง ช่วยสร้างและรักษาการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท ซึ่งจำเป็นต่อความจำและการเรียนรู้ ในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ มักพบภาวะที่เรียกว่าภาวะดื้ออินซูลินในสมอง ซึ่งคล้ายกับภาวะดื้ออินซูลินในผู้ป่วยเบาหวาน ทำให้เซลล์สมองไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การเสื่อมของเซลล์สมองในที่สุด
การฉีดอินซูลินเข้ากระแสเลือดแบบปกติไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ เพราะมันจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดทั่วร่างกายและอาจเป็นอันตราย นักวิจัยจึงคิดค้นวิธีการ "พ่นอินซูลินเข้าจมูก" (Intranasal Insulin) ขึ้นมา วิธีนี้ทำให้อินซูลินสามารถเดินทางตามเส้นประสาทรับกลิ่นและเส้นประสาทไตรเจมินัล (Trigeminal nerve) ตรงเข้าสู่สมองได้โดยตรง โดยไม่รบกวนระดับน้ำตาลในเลือด นี่จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการเพิ่มระดับอินซูลินในสมองโดยเฉพาะ
เพื่อให้แน่ใจว่าอินซูลินที่พ่นเข้าไปนั้นไปถึงสมองจริง ๆ และไปที่ส่วนไหนบ้าง ทีมวิจัยจาก Wake Forest University School of Medicine ได้ทำการศึกษาที่น่าทึ่งมากครับ พวกเขาได้นำอินซูลินที่ติดสารกัมมันตรังสี (ในงานวิจัยคือ [68Ga]Ga-NOTA-insulin) ซึ่งผมขอเรียกว่า "อินซูลินติด GPS" เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น มาใช้กับอาสาสมัครสูงวัยจำนวน 16 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
กลุ่มที่การรับรู้ปกติ (Cognitively Normal - CN) จำนวน 7 คน และกลุ่มที่มีภาวะสมองเสื่อมเล็กน้อย (Mild Cognitive Impairment - MCI) จำนวน 9 คน
อาสาสมัครแต่ละคนจะได้รับการพ่นอินซูลินติด GPS นี้เข้าทางจมูกโดยใช้อุปกรณ์ชนิดพิเศษ ที่ออกแบบมาให้พ่นยาไปยังส่วนบนของโพรงจมูกได้อย่างแม่นยำ จากนั้นจึงเข้าเครื่อง PET scan ซึ่งเป็นเหมือนกล้องสามมิติที่สามารถตรวจจับสัญญาณจาก "GPS" นี้ได้ ทำให้เห็นภาพการกระจายตัวของอินซูลินในสมองแบบวินาทีต่อวินาที
อินซูลินเดินทางไปที่ไหนในสมอง?
ข้อมูลจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Alzheimer's & Dementia ฉบับปี 2025 ได้เปิดเผยผลลัพธ์ที่น่าสนใจหลายประการครับ
1. ปลอดภัยและไปถึงสมองจริง การทดลองนี้ยืนยันว่าการให้อินซูลินทางจมูกนั้นปลอดภัย ไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง และที่สำคัญที่สุดคือ อินซูลินสามารถเดินทางเข้าสู่สมองได้จริง (ว้าวมาก)
2. มุ่งหน้าสู่ศูนย์บัญชาการความจำ อินซูลินได้เข้าไปสะสมในบริเวณสมองที่สำคัญต่อความจำและอารมณ์หลายส่วน เช่น ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความจำ อะมิกดาลา (Amygdala) ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ และ คอร์เทกซ์รับกลิ่น (Olfactory cortex) ซึ่งเป็นบริเวณที่มักจะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก ๆ ในโรคอัลไซเมอร์
ในกลุ่มผู้สูงวัยที่ สมองยังแข็งแรง อินซูลินจะค่อย ๆ เข้าไปในสมองและมีระดับความเข้มข้นสูงสุดในเวลาประมาณ 12.5 นาที (750 วินาที) และคงอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานานพอสมควร
แต่ในกลุ่มผู้ที่มี ภาวะสมองเสื่อมเล็กน้อย (MCI) รูปแบบกลับตรงกันข้าม อินซูลินพุ่งเข้าไปในสมองอย่างรวดเร็วและมีความเข้มข้นสูงสุดในเวลาเพียง 2.5 นาที (150 วินาที) แต่หลังจากนั้นก็ถูกกำจัดออกจากสมองอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทำให้ปริมาณอินซูลินที่คงอยู่ในสมองโดยรวม น้อยกว่า กลุ่มที่สมองแข็งแรงอย่างมีนัยสำคัญ
การค้นพบนี้บอกใบ้เราว่า ในผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม ระบบการขนส่งสารต่าง ๆ ในสมองอาจกำลังมีปัญหา ทำให้แม้ว่าเราจะส่งยาเข้าไปแล้ว แต่สมองกลับไม่สามารถกักเก็บยาไว้ใช้งานได้อย่างที่ควรจะเป็น
อะไรบ้างที่ส่งผลต่อการดูดซึม?
งานวิจัยยังพบอีกว่ามีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการดูดซึมอินซูลินเข้าสู่สมองด้วยครับ
1. ความดันโลหิต ในกลุ่มที่สมองแข็งแรง ผู้ที่มีค่า Pulse Pressure (ผลต่างระหว่างความดันตัวบนและตัวล่าง ซึ่งสะท้อนถึงความยืดหยุ่นของหลอดเลือด) สูงกว่า จะมีการดูดซึมอินซูลินเข้าสู่สมองได้ดีกว่า อาจเป็นไปได้ว่า "แรงกระเพื่อม" ของเลือดที่แรงขึ้นช่วยผลัก อินซูลินให้เข้าไปในสมองตามช่องทางรอบหลอดเลือดได้ดีขึ้น ซึ่งในประเทศไทยเอง โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาใหญ่ การวิจัยนี้ยิ่งตอกย้ำว่าการควบคุมความดันให้ดีไม่เพียงแต่ดีต่อหัวใจ แต่ยังอาจส่งผลดีต่อสุขภาพสมองโดยตรง
2. เพศ พบความเชื่อมโยงที่น่าสนใจในกลุ่มผู้หญิง โดยผู้หญิงที่มีระดับโปรตีน p-tau217 (ตัวบ่งชี้ความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์) ในเลือดสูง จะมีการดูดซึมอินซูลินเข้าสู่สมองน้อยลง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเพศอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตอบสนองต่อการรักษาในอนาคต
การพ่นอินซูลินทางจมูกเป็นวิธีที่มีศักยภาพ ในการส่งยาเข้าสู่สมองเพื่อต่อสู้กับโรคอัลไซเมอร์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการพ่นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่ายาจะถูกส่งไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง
เราไม่สามารถมองผู้ป่วยทุกคนเหมือนกันได้ เพราะสภาพของสมองที่เริ่มเสื่อมถอยนั้นส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการรับและใช้ยา
ที่สำคัญที่สุด การศึกษานี้ได้มอบเครื่องมือที่ทรงพลัง (การใช้ PET scan ติดตามยา) ในการประเมินประสิทธิภาพของอุปกรณ์และวิธีการนำส่งยาใหม่ ๆ ก่อนที่จะนำไปใช้ในการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายสูง
แม้หนทางยังอีกยาวไกล แต่ทุกย่างก้าวของการวิจัยคือความหวัง นี่คือโจทย์ใหญ่ที่วงการแพทย์และเภสัชกรรมจะต้องร่วมมือกันค้นหาคำตอบต่อไปครับ
แหล่งอ้างอิง:
Sai, K. K. S., Erichsen, J. M., Gollapelli, K. K., et al. (2025). First-in-human positron emission tomography study of intranasal insulin in aging and MCI. Alzheimer's & Dementia: Translational Research & Clinical Interventions, 11, e70123. https://doi.org/10.1002/trc2.70123
โฆษณา