24 ก.ค. เวลา 06:12 • ข่าวรอบโลก

🧠🇺🇸 “ปิดประตูอินเดีย” – ทรัมป์จุดชนวนศึก AI พร้อมเบรกยักษ์เทคโนโลยี

Trump Slams Tech Giants for Offshoring Jobs & Signs Aggressive AI Orders
ในวันที่โลกกำลังเร่งเครื่องเข้าสู่ยุคแห่ง AI อย่างเต็มพิกัด โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับเปิดฉากโจมตีชนิด “ไม่ไว้หน้า” ใส่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของอเมริกาเอง โดยเฉพาะประเด็น “จ้างงานในอินเดีย – ตั้งโรงงานในจีน – เลี่ยงภาษีในไอร์แลนด์” ซึ่งเขาย้ำว่า “ภายใต้รัฐบาลของผม วันแบบนั้นจบลงแล้ว”
💥 จุดเปลี่ยนนี้เกิดขึ้นในงาน AI Summit ซึ่งทรัมป์ไม่ได้แค่มาพูด แต่ยังลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี (Executive Orders) 3 ฉบับรวด เพื่อปูทางให้สหรัฐฯ ครองเกม AI แบบ “ต้องชนะเท่านั้น”
🔍 ประเด็นร้อน: ทรัมป์สั่งเบรกบริษัทที่ ‘ทิ้งบ้านเกิด’
“หลายบริษัทเทคโนโลยี ใช้อิสระของอเมริกาให้ได้ผลประโยชน์มหาศาล แต่กลับตั้งโรงงานในจีน จ้างคนในอินเดีย แล้วก็ไปหากำไรในไอร์แลนด์” ทรัมป์กล่าวพร้อมตำหนิบริษัทเหล่านี้ว่าละเลยคนอเมริกันและบางครั้งถึงขั้น “เซ็นเซอร์” เสียงของประชาชนในประเทศตัวเอง
เขาประกาศอย่างชัดเจนว่า…
⭐ “เราอยากให้คุณ ‘อยู่ข้างอเมริกา’ เท่านั้น”
🇺🇸 “We want you to put America first.”
📜 3 คำสั่งเด็ดจากทำเนียบขาว สะเทือนวงการ AI ทั่วโลก
✅ AI Action Plan – วางยุทธศาสตร์ชาติให้ AI กลายเป็นแกนกลางของอุตสาหกรรม
✅ ส่งเสริมการส่งออก AI – โดยเฉพาะแพ็กเกจโซลูชันแบบ Full-Stack สำหรับชาติพันธมิตร
🚫 ควบคุมการเข้าถึงชิป AI ขั้นสูง – ปิดประตูชิป Nvidia และ AMD จาก “ประเทศคู่แข่ง” เช่น จีน
แถมยังเสนอให้ “ตรวจสอบพิกัดของชิป AI ทุกตัว” ว่าไปตกในประเทศต้องห้ามหรือไม่ โดยใช้ฟีเจอร์ Location Verification หลังการส่งออก
🌏 วิเคราะห์เชิงสร้างสรรค์: ยุทธศาสตร์ "Nationalism Tech" จะเขย่าโลกอย่างไร?
⛓️ ทรัมป์กำลังดึงเทคโนโลยีกลับบ้าน เพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ในสหรัฐฯ โดยหวังผล 3 ด้านคือ
📈 1. ฟื้นเศรษฐกิจในประเทศและเพิ่มงานให้คนอเมริกัน
🔒 2. ปิดช่องโหว่ที่เทคโนโลยีรั่วไหลไปยังประเทศคู่แข่ง
🧠 3. เร่งการพัฒนา AI ด้วยท่าที “ชาตินิยม” มากกว่าความร่วมมือแบบเปิด
ซึ่งนโยบายนี้อาจนำไปสู่โลกที่แบ่งขั้วด้านเทคโนโลยีชัดเจนยิ่งขึ้น และนั่นหมายความว่าประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย ต้องรีบเลือกฝั่งและหา “จุดยืน” ที่ชัดเจนว่า จะอยู่ตรงไหนในห่วงโซ่ AI โลกใบนี้
📌 หุ้นไทยกลุ่มไหนจะสะเทือน - และกลุ่มไหนจะฉวยโอกาสได้ก่อนใคร?
🇹🇭 แม้ดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้ว Ripple Effect จากนโยบายนี้ กระแทกถึง SET และ mai อย่างจัง โดยเฉพาะหุ้นที่เชื่อมโยงกับ…
🔧 1. กลุ่มเทคโนโลยี & โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
– 🟦 INET (อินเทอร์เน็ตประเทศไทย) ที่มีธุรกิจ Cyber Security, Cloud, Data Center ซึ่งอาจกลายเป็นพาร์ตเนอร์ที่ “กลางทาง” สำหรับผู้เล่นที่ถูกตัดจากฝั่งอเมริกันหรือจีน
– 🟩 SECURE (เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว) ซึ่งเน้นโซลูชันด้านความปลอดภัยดิจิทัล อาจได้อานิสงส์จากการที่บริษัทต่างชาติแห่ย้ายระบบออกจากจีนมาไทย
🧪 2. กลุ่มที่ใช้ชิป AI/Data Center
– 🟥 MFEC (เอ็มเอฟอีซี) ที่ทำระบบ Cloud + IT Solution อาจได้รับดีมานด์เพิ่ม หากบริษัทต่างชาติปรับห่วงโซ่การผลิตมายังภูมิภาคนี้
🛠️ 3. กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (Supply Chain Effect)
– 🟪 KCE (เคซีอี อีเลคโทรนิคส์) ที่ผลิตแผงวงจรพิมพ์
– 🟫 HANA (ฮานา ไมโครอิเล็กทรอนิกส์) ที่ผลิต IC Assembly และเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม Semicon
=> ทั้งคู่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หากคำสั่งแบนชิปกระทบกับพาร์ตเนอร์ต่างประเทศ หรือถ้าสหรัฐฯ ต้องการ “พันธมิตรที่ไว้ใจได้” ในเอเชีย
🧭 ไทยควรวางหมากตรงไหนในเกม AI ระดับโลกนี้?
หากไทยยังนิ่ง…โอกาสจะกลายเป็น “Hub Data & AI ที่ไว้ใจได้” อาจถูกเวียดนามหรืออินโดนีเซียแย่งไป
👉 แต่ถ้ารีบ “ปักธงความมั่นคงดิจิทัล” และยื่นมือเข้าร่วมเครือข่ายที่สหรัฐฯ กำลังจัดใหม่ (เช่น Quad หรือ IPEF) ไทยอาจได้บทบาทสำคัญที่ทั้งลงทุนได้ – ส่งออกได้ – และเติบโตอย่างยั่งยืนได้จริง
📣 แล้วคุณล่ะ? คิดว่าไทยควรยืนอยู่ตรงไหนในศึก AI ครั้งนี้?
เทคโนโลยีควร “ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” หรือถึงเวลาต้อง “เลือกข้าง”?
💬 แชร์มุมมองของคุณด้านล่างกันนะคะ — โลกกำลังเปลี่ยนผ่านอีกครั้ง... และความคิดเห็นของคุณอาจเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดอนาคตนี้ด้วยเช่นกัน
📌 Hashtags:
#ศึกโลกเศรษฐกิจ #TechDecoupling #TrumpAIPolicy #AIสงครามใหม่ #เศรษฐกิจโลกสั่นสะเทือน #StockAtlasAnalysis #GlobalBattlefield #เลือกข้างในโลกAI #GlobMaps #StockAtlas

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา