24 ก.ค. เวลา 08:26 • การศึกษา

🦖กาฬสินธุ์ ถิ่นไดโนเสาร์

🐉เป็นวันที่สอง ของการเข้าไปชม แหล่งกำเนิดไดโนเสาร์ ที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ อ.คำม่วง อ.สมเด็จ อ.ห้วยผึ้ง อ.นาคู และ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
🦖วันนี้เราเข้าไปดู รอยเท้าไดโนเสาร์ และ ไม้เป็นหิน ที่ ภูแฝก อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์
🌀 ย้อนไป ช่วงวันหยุดในหน้าหนาว พ.ศ.2539 ชาวบ้านนาคู พาลูกๆ ไปพักผ่อนที่วังเครือจาน ซึ่งเป็นพลาญหินทรายอยู่ที่เชิงภูแฝก
🌳เมื่อไปถึง เด็กหญิงทั้งสองคน ได้ชวนกันไปเดินเที่ยวเล่น และเมื่อมา ถึงบริเวณห้วยลำพะยัง ด.ญ.กัลยา มาศสิงห์นาคลอง อายุ10ขวบ และด.ญ.พัชรี ไวแสน อายุ11ขวบ ได้พบกับร่องรอยแปลกตา น่าสงสัย หลายรอยเรียงต่อเนื่องกันไปอยู่บนหน้าชั้นหิน จึงพากันบอกผู้ปกครองให้แจ้งกรมทรัพยากรธรณี
🦕จากการตรวจสอบโดยคณะสำรวจไดโนเสาร์กรมทรัพยากรธรณีพบว่า ที่เด็กทั้งสอง
พบเห็นคือรอยทางเดินของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ ชนิดคาร์โนซอร์ ที่ทิ้งร่องรอยประทับอยู่ใน
ชั้นหินทรายในหมวดหินพระวิหาร ยุคครีเทเชียสตอนต้น ประมาณ 140 ล้านปีมาแล้ว
♨️การสำรวจเบื้องต้นในปีพ.ศ. 2539 พบว่ามีรอยตีนยักษ์ของไดโนเสาร์อยู่ 21 รอยปรากฏเป็นรอยทางเดิน 6 แนว ต่างทิศทางกัน แต่ที่พอจะเห็นชัดเจนมีอยู่ 3 แนว
🌹เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ซากร่องรอยดึกดำบรรพ์ ดังกล่าว วันที่ 27 มกราคม 2540 กรมป่าไม้จึงได้ประกาศจัดตั้งพื้นที่โดยรอบประมาณ 4,062 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงห้วยฝา ในท้องที่บ้านน้ำคำ ต.ภูแล่นช้าง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ขึ้นเป็น “วนอุทยานภูแฝก" และได้ร่วมกับกรมชลประทานก่อสร้างฝายน้ำล้นบริเวณต้นน้ำ
♨️ เพื่อชะลอความรุนแรงของกรแสะน้ำในฤดูฝนไม่ให้พัดพาก้อนหิน มาครูดถูกับรอยตีนไดโนเสาร์จนลบเลือนไป พร้อมกันนั้นกรมทรัพยากรธรณีได้ทำการศึกษาวิจัย และสนับสนุนข้อมูลวิชาการ ด้านธรณีวิทยาและบรรพชีวินวิทยาให้กับวนอุทยานภูแฝกและได้ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยแพร่ข้อมูล
🦖 สำหรับการเดินทาง ตามเส้นทางกาฬสินธุ์-สกลนคร (ทางหลวงหมายเลข 12) ประมาณ 42 กิโลเมตร แล้วแยกขวาที่อ.สมเด็จ ไปประมาณ 19 กิโลเมตร ถึงอ.ห้วยผึ้ง แยกซ้าย
ทางอ.นาคู ประมาณ 9กิโลเมตรถึงทางแยกซ้ายเข้าหน่วยจัดการลุ่มน้ำลำพะยัง ต.ภูแล่นช้าง อ.นาคูเดินทางต่อไปประมาณ 4 กิโลเมตร เข้าถึงบริเวณที่พบรอยตีน ทางเดินไดโนเสาร์ที่ห้วยลำพะยัง
🌿🌿🌿🌿🌿🌿
23 ก.ค 68
โฆษณา