ยุติสงครามอาการคัน ด้วยอาวุธใหม่ "นีโมลิซูแมบ"
ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนเคยมีประสบการณ์อาการคันกันมาบ้าง ไม่ว่าจะจากยุงกัด ผื่นแพ้เล็กๆ น้อยๆ หรือผิวแห้ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะหายไปเองหรือทายาไม่นานก็ดีขึ้น แต่ลองจินตนาการดูสิครับว่า จะเป็นอย่างไรถ้าอาการคันนั้นรุนแรงจนคุณนอนไม่หลับ ทำงานไม่ได้ ไม่มีสมาธิ หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรมาไต่ตามผิวหนังตลอดเวลา จนถึงขั้นที่บางคนบรรยายว่ามันคือความทรมาน
นี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริงครับ แต่เป็นชีวิตประจำวันของผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับ อาการคันรุนแรงและดื้อต่อการรักษา พวกเขาลองใช้ยาทุกรูปแบบ ตั้งแต่ยาทา ยาทาน ไปจนถึงยาฉีดราคาแพงมาแล้วนับสิบๆ ชนิด แต่ก็ยังไม่ได้ผล วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับความหวังใหม่ของพวกเขา จากข้อมูลล่าสุดในบทความทางการแพทย์ที่น่าสนใจมากๆ ครับ
"อาการคัน" ไม่ใช่แค่เรื่องบนผิวหนัง
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าอาการคัน (Pruritus) ที่เรากำลังพูดถึงนั้น มันร้ายแรงกว่าที่เราคิด บทความจาก Medscape ที่ผมได้อ่านมา ซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2025 ได้นิยามอาการคันไว้ว่าเป็นความรู้สึกไม่พึงประสงค์ที่กระตุ้นให้เกิดความอยากเกา ซึ่งความรุนแรงมีได้ตั้งแต่ระดับที่น่ารำคาญเล็กน้อย ไปจนถึงขั้นที่บั่นทอนการใช้ชีวิตอย่างรุนแรง
ดร. เจนนี่ มูราส (Jenny Murase) หนึ่งในทีมวิจัยและศาสตราจารย์คลินิกด้านผิวหนัง จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก เล่าว่าผู้ป่วยของเธอบางคนต้องลองใช้ยามาแล้วกว่า 30 ชนิดแต่ก็ไม่ดีขึ้นเลย นี่คือจุดที่ทำให้การมาถึงของยา Nemolizumab (นีโมลิซูแมบ) กลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Nemolizumab แตกต่างและมีประสิทธิภาพ คือกลไกการออกฤทธิ์ที่พุ่งเป้าไปยังต้นตอของอาการคันโดยตรงครับ ในร่างกายของเรามีสารโปรตีนชนิดหนึ่งชื่อว่า Interleukin-31 (IL-31) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนขนานนามให้มันว่าเป็น ไซโตไคน์แห่งอาการคัน
ลองนึกภาพว่า IL-31 เป็นเหมือนผู้ส่งสารที่วิ่งไปเคาะประตูเซลล์ประสาทรับความรู้สึกของเรา แล้วตะโกนบอกว่า "คันสิ เกาเดี๋ยวนี้" เมื่อสารนี้มีปริมาณมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการคันที่รุนแรงและต่อเนื่อง
Nemolizumab ทำหน้าที่เป็นเหมือนยามที่ไปยืนขวางประตู ไม่ให้ผู้ส่งสาร IL-31 เข้าไปในเซลล์ประสาทได้ หรือในภาษาทางเภสัชศาสตร์คือ มันเป็น IL-31 receptor alpha-antagonist นั่นเอง เมื่อสาร IL-31 ถูกบล็อก สัญญาณการคันจึงไม่ถูกส่งไปที่สมอง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่สำคัญว่าสาเหตุเริ่มต้นที่ทำให้ร่างกายผลิต IL-31 ออกมานั้นคืออะไร
เรื่องเล่าจากเคสจริง
บทความได้กล่าวถึงการศึกษารวบรวมเคสผู้ป่วยจำนวน 70 คน ที่ได้รับการรักษาด้วย Nemolizumab ผู้ป่วยเหล่านี้มีภาวะที่ทำให้เกิดอาการคันหลากหลายมาก ตั้งแต่โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) โรคตุ่มนูนคัน (Prurigo Nodularis) ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ที่มือ ลมพิษชนิด Dermatographia ไปจนถึงอาการคันจากโรคระบบประสาท มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือแม้กระทั่งอาการคันในร่มผ้าที่สร้างความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
ผู้ป่วยเกือบทั้งหมด (ยกเว้นเพียง 2-3 ราย) ตอบสนองต่อการรักษา โดยวัดจากคะแนนความรุนแรงของอาการคัน (NRS score) ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ผู้ป่วยหลายคนที่มีคะแนนความคันเต็ม 10 ลดลงเหลือ 0 ภายในเวลาเพียง 2 วัน
มีเรื่องราวของผู้ป่วยชายคนหนึ่งที่ทนทุกข์จากอาการคันรุนแรงจนต้องลาออกจากงาน นอนไม่หลับ และลองยามาแล้ว 30 ชนิดก็ไม่หาย แต่หลังจากฉีด Nemolizumab เพียงเข็มเดียว อาการของเขาก็หายไปภายใน 10 วัน และเขาก็ได้ชีวิตปกติกลับคืนมานานกว่า 8 เดือน
คำเตือนสำคัญจากแพทย์ถึงบุคลากรทางการแพทย์
แม้ Nemolizumab จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ ดร. มูราส และผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นๆ ได้ให้คำเตือนที่สำคัญมากๆ ไว้ ซึ่งผมในฐานะเภสัชกรเห็นว่าเป็นหัวใจของเรื่องนี้เลย นั่นคือ ห้ามจ่ายยาตัวนี้เพื่อระงับอาการคัน โดยที่ยังไม่ได้ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียด
ทำไมล่ะครับ? เพราะอาการคันรุนแรงโดยที่ไม่มีผื่นที่ชัดเจน อาจเป็นสัญญาณเดียว ของโรคร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ เช่น
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) ภาวะไตวายเรื้อรัง (Renal insufficiency) และโรคเบาหวาน (Diabetes) ที่ทำให้เกิดโรคเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ
ดร. มูราสเล่าถึงเคสผู้ป่วยชายวัย 30 ปีคนหนึ่งที่มีอาการคันรุนแรงมาก แต่ไม่มีผื่นชัดเจน ก่อนที่เธอจะตัดสินใจให้ยาใดๆ เธอได้ส่งตรวจร่างกายอย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงการเอกซเรย์ทรวงอก และผลปรากฏว่าเขาเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน ดร. มูราสย้ำว่า เขายังมีชีวิตอยู่ได้ในวันนี้ก็เพราะการตรวจครั้งนั้น ถ้าวันนั้นฉันรีบให้ Nemolizumab ไปทันที ฉันคงกำจัดอาการซึ่งเป็นสัญญาณเตือนเดียวที่เขามีเกี่ยวกับมะเร็งไป และอาจทำให้การวินิจฉัยล่าช้าจนสายเกินแก้
นี่คือข้อคิดที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้งแพทย์และผู้ป่วยครับ การรักษาที่ต้นเหตุสำคัญกว่าการระงับอาการเสมอ
Nemolizumab ไม่ใช่แค่ยาแก้คันตัวใหม่ แต่มันคือตัวแทนของการแพทย์ยุคใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่กลไกของโรคในระดับโมเลกุล (Targeted Therapy) มันได้มอบความหวังและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วยที่สิ้นหวังมานาน อย่างไรก็ตาม พลังของมันก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ในการใช้งาน
เรื่องราวของ Nemolizumab สอนให้เราเห็นว่า แม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะก้าวล้ำไปเพียงใด แต่พื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการรักษา คือการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรอบคอบเสมอ
แหล่งอ้างอิง:
Yasgur, B. S. (2025, July 25). Nemolizumab for Recalcitrant Pruritus: Targeting the 'Itch Cytokine'. Medscape.
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
