26 ก.ค. เวลา 09:37 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 11 นาฏกรรมความฝันในหอแดง

〔分骨肉〕
一帆风雨路三千,把骨肉家园,齐来抛闪。
恐哭损残年,告爹娘休把儿悬念。
自古穷通皆有定,离合岂无缘?
从今分两地,各自保平安。
奴去也,莫牵连。
〔เลือดเนื้อจำพราก〕
ฝ่าลมฝนหนทางห่างสามพัน
เลือดเนื้อพลันจำพรากทิ้งทรากหาย
พิรี้พิไรเกรงท่านลำบากกาย
พ่อแม่โปรดคลายกังวลถึงลูกยา
แต่ไรมามีจนฟ้าลิขิต
ชั่วชีวิตพรากพบสบวาสนา
ต่อแต่นี้แยกอยู่สองนครา
ต่างรักษาตัวรอดปลอดภัย
ลูกจำลา อย่าได้ห่วง
(ทั่นชุนแต่งงานไปแดนไกลไม่มีวันหวนกลับ)
〔乐中悲〕
襁褓中,父母叹双亡。
纵居那绮罗丛谁知娇养?
幸生来英豪阔大宽宏量,从未将儿女私情,略萦心上。
好一似霁月光风耀玉堂。
厮配得才貌仙郎,博得个地久天长,准折得幼年时坎坷形状。
终久是云散高唐,永涸湘江。
这是尘宴中悄长数应当,何必枉悲伤?
〔ทุกข์ในสุข〕
แต่แบเบาะไร้เดียงสา
เสียบิดามารดาสอง
เลี้ยงดูกลางผู้ดีผอง
ใครเล่าเฝ้าพะเน้าพะนอ
โชคดีที่เกิดมา
กล้าผ่าเผยทั้งใจคอ
ก่อนรู้รักถักทอ
สัมพันธ์ชายหญิงพัวพัน
จันทร์จ้าฟ้าหลังฝน
หนุ่มหน้ามนเป็นคู่ขวัญ
ชั่วฟ้าดินเคียงกัน
ชดเชยวิบากกรรมวัยเยาว์
สุดท้ายเมฆสลาย
น้ำเซียงเหือดหายไร้เงา
โลกนี้มีเรื่องเศร้า
เสียใจเปล่าไปไยกัน
(เมฆ 云 สลาย น้ำเซียง 湘江 เหือดหาย สื่อถึงชื่อ เซียงหยุน 湘云
อีกทั้งแฝงความหมายว่า เป็นหม้ายก่อนเวลาอันควร)
〔世难容〕
气质美如兰,才华馥比仙。
天生成孤癖人皆罕。
你道是啖肉食腥膻,视绮罗俗厌。
却不知太高人愈妒,过洁世同嫌。
可叹这青灯古殿人将老,孤负了红粉朱楼春色阑,到头来依旧是风尘肮脏违心愿。
好一似无瑕白玉遭泥陷,又何须王孙公子叹无缘?
〔โลกเกินทน〕
รูปงามปานกล้วยไม้
สามารถละม้ายเทพเซียน
อุปนิสัยผิดเพี้ยน
สูงส่งเหนือใครไม่สุงสิง
เสพมังสาหาว่าเหม็นคาว
คลุกคลีชาวโลกรังเกียจยิ่ง
หารู้วางตัวสูงไปคนติติง
พร่ำพิสุทธิ์ยิ่งเพิ่มชนชิงชัง
เปลวครามอารามเก่าพาเหี่ยวเฉา
เสียดายวัยเยาว์ทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง
ที่แท้โลกโสมมยังโถมถั่ง
ประเดประดังกันตั้งแต่ต้นมา
เหมือนหยกไร้ราคีมีตมแปดเปื้อน
คุณชายแชเชือนถอนใจไร้วาสนา
(เมี่ยววี่ 妙玉 ทำวางตัวสูงส่ง หนีไม่พ้นโคลนตม)
〔喜冤家〕
中山狼,无情兽,全不念当日根由。
一味的娇奢淫荡贪欢媾。
觑者那侯门艳质同蒲柳,作践的公府千金似下流。
叹芳魂艳魂,一栽荡悠悠。
〔แต่งศัตรู〕
สุนัขป่าจงซาน
เดรัจฉานไร้ใจรัก
บุญคุณไม่รู้จัก
สำส่อนเสพสมไม่เว้น
เห็นทรามเชยเช่นสาวใช้
ข่มเหงให้ทุกข์ลำเข็ญ
มาลีพิสุทธิ์เพ็ญ
หนึ่งปีลอยเร้นไม่เห็นคืน
(หมาป่าจงซาน 中山狼 อกตัญญูแว้งกัดผู้เคยช่วยชีวิต เปรียบชาวนากับงูเห่า)
〔虚花悟〕
将那三春勘破,桃红柳绿待如何?
把这韶华打灭,觅那清淡天和。
说什么天上夭桃盛,云中杏蕊多,到头来谁见把秋捱过?
则看那白杨村里人鸣咽,青枫林下鬼吟哦,更兼着连天衰草遮坟墓。
这的是昨贫今富人劳碌,春荣秋谢花折磨。
似这般生关死动谁能躲?
闻说道西方宝树唤婆娑,上结着长生果。
〔รู้แจ้งมาลีมายา〕
เห็นชะตาสามชุนชัดแจ่มแจ้ง
เถาแดงหลิ่วเขียวแล้วเป็นไฉน
ลาลับแล้วใสซื่อครั้งดรุณวัย
มุ่งใฝ่หาทางธรรมอันชืดชา
กล่าวไปไยถึงความมั่งคั่ง
ต้นเถายั่งยืนดื่นดกยังเวหา
ดอกซิ่งสะพรั่งเกสรกลางเมฆา
ต่างโรยรา คราสารทฤดู (สาระทะ ฤดู)
มองมายังหมู่บ้านหยางขาว
ชนรวดร้าวร่ำร้องก้องโหยหวน
ดงเฟิงเขียว ผีส่งเสียงคร่ำครวญ
สุสานล้วนหญ้ารกจรดขอบฟ้า
นี่คือสัจธรรมต้องดิ้นรน
เมื่อวานจน วันนี้รวย หนีอนาถา
มวลมาลี วสันต์บาน สารทโรยรา
เกิดดับเป็นมาเช่นนี้ใครหนีพ้น
ฟังว่าแดนประจิมมีร่มพฤกษา
สำเร็จผลอายุวัฒนานิจจัง
(เถาแดงหลิ่วเขียว 桃红柳绿 และ ดงเถากลางฟ้า ดอกซิ่งกลางเมฆ 天上桃 云中杏 หมายถึงมั่งมีศรีสุข)
(หมู่บ้านหยางขาว 白杨村 หมายถึง สุสาน ที่มักปลูกต้นหยางขาว)
(ร่มพฤกษาแดนตะวันตก ออกผลอายุวัฒนะ คือ พุทธศาสนาสำเร็จผลสู่การหลุดพ้นจากสังสารวัฏ ซีชุนจึงออกบวชชี)
〔聪明累〕
机关算尽太聪明,反算了卿卿性命。
生前心已碎,死后性空灵。
家富人宁,终有个家亡人散各奔腾。
枉费了,意悬悬半世心,
好一似,荡悠悠三更梦。
忽喇喇似大厦倾,昏惨惨似灯将尽。
呀!一场欢喜忽悲辛,叹人世终难定!
〔ฉลาดพาจน〕
เจ้าแผนการฉลาดล้ำจนเกินควร
คำนวณจนชีวิตตนผิดหมุดหมาย
ยามยังอยู่ชอกช้ำใจมลาย
ยามวอดวายวิญญาณซัดโซเซ
พอมั่งมีคิดว่าครอบครัวคงมั่น
พลันกลับกลายแพแตกแยกห่างเห
เสียแรงเปล่าครึ่งชีวิตที่ทุ่มเท
เหมือนเพลายามสามฝันล่องลอย
โครมโครมครืนดังอาคารถล่มกอง
มืดมัวหมองแม้นน้ำมันตะเกียงถอย
โอ้ เวทีเบิกบานพานเศร้าสร้อย
ละห้อยหวนโลกมิมีใดแน่นอน
(ซีเฟิ่งฉลาดเฉลียวดังสามารถบงการชะตาผู้อื่นได้ สุดท้ายหย่าร้างไม่อาจคุมชะตาตัวเอง)
〔留馀庆〕
留馀庆,留馀庆,忽遇恩人;
幸娘亲,幸娘亲,积得阴功。
劝人生济困扶穷,休似俺那爱银钱忘骨肉的狠舅奸兄。
正是乘除加减,上有苍穹。
〔มรดกบุญ〕
มรดกบุญ มรดกบุญ
บุญที่พบผู้มีพระคุณ
ขอบพระคุณ ขอบพระคุณ
ที่มารดาสั่งสมผลบุญ
สาธุชนพึงช่วยผู้ทุกข์ลำเข็ญ
อย่าเป็นเช่นพี่แลน้าข้าชั่วสถุล
โลภไม่พอหน่อเนื้อไม่เจือจุน
ฟ้าการุณทรงรู้บวกลบคูณหาร
(เฉียวเจี่ยถูกน้าขาย แต่โชคดีพบคนที่มารดาเคยช่วยเหลือมาช่วยไว้)
〔晚韶华〕
镜里恩情,更那堪梦里功名!
那美韶华去之何迅,再休提绣帐鸯衾。
只这戴珠冠披凤袄也抵不了无常性命。
虽说是人生莫受老来贫,也须要阴骘积儿孙。
气昂昂头戴簪缨,光灿灿胸悬金印,
威赫赫爵禄高登,昏惨惨黄泉路近!
问古来将相可还有?也只是虚名儿后人钦敬。
〔รุ่งเรืองเมื่อสาย〕
สนิทเสน่หาในคันฉ่อง
อีกทั้งชื่อแซ่ซ้องก็เพียงฝัน
งามสดใสวัยเยาว์ล่วงเลยพลัน
ยิ่งมิทันอภิรมย์ชมคู่เคียง
เพียงได้สวมมาลามุกกับชุดหงส์
ไม่พ้นปลงอนิจจังชีพมิเที่ยง
อย่าได้ยากยามชราเฝ้าจำเรียง
มิควรเลี่ยงสั่งสมบุญหนุนสายเชื้อ
 
เศียรปักปิ่นประดับพู่ดูสูงส่ง
คอระหงคล้องป้ายทองผ่องอะเคื้อ
ยศศักดิ์อวยรวยโชคลาภมากเหลือเฟือ
เวลาเหลือมิทันไรไปเมืองยม
จอมพลจนเสนาฯก่อนเก่าใครยังคง
เพียงดำรงนามประเทืองเลื่องลือชา
(หลี่หวานเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว เลี้ยงดูเจี่ยหลานผู้บุตรจนเติบใหญ่ได้ดีมีลาภยศ แต่ตนนั้นชราแล้ว ไม่นานก็ถึงแก่กรรม)
〔好事终〕
画梁春尽落香生。
擅风情,秉月貌,便是败家的根本。
箕裘颓堕皆从敬,家事消亡首罪宁。
宿孳总因情!
〔งามหน้าอวสาน〕
ร่างสุคนธ์สิ้นลงตรงคานวาด
ช่างฉลาดเชิงเล่ห์เสน่หา
โฉมสะคราญปานผ่องเพ็ญจันทรา
รากสาเหตุเคหามาพังภินท์
จิ้ง(敬)เริ่มทิ้งคุณธรรมบรรพชนจนสุดสาย
หนิง(宁)ตัวการบ้านวอดวายสลายสิ้น
เป็นกรรมเก่าปางก่อนสอนยุพิน
สูญสิ้นวาสนาสาเหตุจากราคะ
(จิ้ง(敬) เป็นชื่อคน ; หนิง(宁) เป็นชื่อจวน)
(ฉินเข่อชิงจบชีวิตปริศนา ตระกูลเจี่ยแตกสลาย แต่สาเหตุที่แท้จริงเริ่มจากความฟอนเฟะของผู้นำตระกูลเอง)
〔飞鸟各投林〕
为官的家业凋零,富贵的金银散尽。
有恩的死里逃生,无情的分明报应。
欠命的命已还,欠泪的泪已尽:
冤冤相报自非轻,分离聚合皆前定。
欲知命短问前生,老来富贵也真侥幸。
看破的循入空门,痴迷的枉送了性命。
好一似食尽鸟投林,落了片白茫茫大地真干净!
〔ปักษิณคืนไพร〕
มียศศักดิ์สูงส่งครอบครัววิบัติ
มีสมบัติก่ายกองเงินทองสูญสลาย
พระคุณเป็นทุนหนุนรอดพ้นความตาย
แล้งน้ำใจหมายผลตอบแทนชัดเจน
หนี้ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต
หนี้น้ำตาติดค้างน้ำตากระเซ็น
จองเวรจองกรรมทุกข์ยากลำเข็ญ
พบพรากล้วนเป็นพรหมลิขิตมา
อยากรู้อายุขัยให้ถามกรรมเก่า
ลาภยศยามเฒ่าบังเอิญหรอกหนา
ปลงตกบ่วงกรรมใฝ่ธรรมพระศาสดา
ลุ่มหลงตัณหาพร่าชีวาเปล่าดาย
อาหารหมดสิ้นปักษิณคืนไพรพง
หิมะลงขาวราวกวาดล้างธรณิน
นาฏกรรมจบลง ยังมีเพลงบรรเลงต่อ จิ่งห้วนสังเกตเป่าวี่หมดความสนใจ จึงถอนหายใจว่า
“เด็กโง่ยังไม่ตื่นรู้”
เป่าวี่บอกเหล่านางอัปสรให้จบสังคีต ด้วยตนนั้นมึนงงคงเมาแล้วง่วงนอน
จิ่งห้วนจึงสั่งให้เก็บโต๊ะ แล้วพาเป่าวี่มายังห้องหอหนึ่ง ซึ่งประดับตกแต่งอย่างงดงามด้วยข้าวของอันแปลกตา ที่น่าแปลกใจคือมีอัปสรานางหนึ่งรออยู่ในห้อง มีเสน่ห์ละม้ายเป่าไช อรชรอ้อนแอ้นคล้ายไต้วี่
จิ่งห้วนกล่าวโดยไม่รู้เจตนาใดว่า
“ในโลกมนุษย์นี้ บ้านเรือนผู้ลากมากดีมีไม่น้อยที่ห้องหอที่ควรเป็นของเหล่ากุลสตรีถูกลบหลู่โดยเหล่าลูกท่านหลานเธอที่มักมากในกามตัณหา ที่น่าชังก็คือ พวกคนเสเพลเหล่านี้มักอ้างคำโบราณว่า “ความต้องการทางเพศหาใช่ตัณหา 好色不淫” หรือกระทั่ง “เสพสมแต่ไร้ตัณหา 情而不淫” ซึ่งเป็นเพียงคำอ้างเฉไฉกลบเกลื่อน
ความต้องการทางเพศก็คือตัณหา เสพสมยิ่งใช่ตัณหา การนัดพบชู้เขาวูซาน 巫山之会 ความพึงใจในเพศสัมพันธ์ ล้วนมีต้นตอมาจากความใคร่
ตัวเจ้าอันเป็นที่รักของข้า ก็นับเป็นผู้มักมากอันดับหนึ่งในหล้านับแต่โบราณมา”
เป่าวี่ได้ฟังแล้วรีบแย้งว่า
“นางฟ้าท่านผิดแล้ว แม้ข้าจะขี้เกียจอ่านหนังสือบ้าง จนท่านพ่อท่านแม่ต้องคอยเตือนอยู่บ่อยครั้ง แต่ข้ามิบังอาจมักมากในกามตัณหา อีกทั้งอายุยังน้อย ไม่รู้ว่า ตัณหา คืออะไร”
จิ่งห้วนว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น ตัณหาแม้เป็นสาเหตุ แต่เจตนานั้นอีกเรื่องหนึ่ง บรรดาผู้ที่มักมากในกามตัณหา ย่อมพึงใจในรูปโฉม ชอบการร้องรำทำเพลง เสพสมไม่เลือกเวลา อยากจะได้สาวงามทั้งโลกมาเคียงข้างตน เหล่านี้ล้วนเป็นตัณหาในระดับเนื้อหนังมังสา
แต่สำหรับเจ้าแล้วเป็นความลุ่มหลงอันติดตัวมาแต่กำเนิด ข้าขอเรียกว่า “มโนตัณหา 意淫” มโนตัณหานี้รับรู้ได้แต่นิยามไม่ได้ ตัวเจ้ามีแต่มโนตัณหานี้ แม้อยู่กับหญิงสาวในห้องกุลสตรีได้โดยไม่เกิดเรื่องอันใด แต่ในสายตาชาวโลกทั่วไปก็ยังมองว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ
百口嘲谤 万目睚眦
ร้อยคำปากจะนินทา
หมื่นสายตาจะเหยียดหยาม
วันนี้ข้าได้พบทวดของเจ้าสองผู้เฒ่านายท่านหนิงและหยง 宁荣二公 เปิดอกขอร้องข้า ไม่อยากเห็นเจ้าเป็นดาวเด่นในห้องหอกุลสตรีจนลืมโลกแห่งความเป็นจริง ข้าจึงพาเจ้ามามอมสุรา ชิมชาเลิศรส เตือนสติเจ้าด้วยบทเพลงพิศดาร และจับคู่เจ้ากับน้องสาวของข้าชื่อเล่นว่า เจียนเหม่ย 兼美 ชื่อรอง เข่อชิง 可卿 เป็นฤกษ์ดีตกแต่งกันคืนนี้ ให้เจ้ามีประสบการณ์ในห้องหอแดนเซียนมายาว่าเป็นเฉกเช่นนี้ แล้วนับประสาอะไรกับความใคร่ในโลกหล้า ต่อแต่นี้เจ้าจะได้ตื่นรู้จากความใคร่ แล้วหันมาใฝ่ใจศึกษาขงจื่อเมิ่งจื่อ ทุ่มเทให้แก่วิถีทางโลกสืบไป”
กล่าวจบ ก็ผลักเป่าวี่เข้าไปในห้อง ปิดประตูแล้วเดินจากไป เป่าวี่ก็เงอะเงอะงะงะตามที่จิ่งห้วนกำชับ ฝ่าเมฆฝนอันสุดบรรยาย
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ความรู้สึกอันนุ่มนวลพัวพัน สารพันคำหวานออดอ้อน ยากจะปลีกกายจากเข่อชิง ทั้งสองกุมมือกันเดินเที่ยวเล่นจนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง รกร้างเต็มไปด้วยพงหนาม พยัคฆ์สุนัขป่าเพ่นพ่าน ลำธารสีดำขวางอยู่เบื้องหน้าไม่มีสะพานข้าม
ขณะรีรีรอรออยู่นั้น จิ่งห้วนวิ่งตามมาข้างหลัง บอกว่า
“อย่าไป รีบกลับมา”
เป่าวี่หยุดเท้าถามว่า “ที่นี่ทึ่ไหน”
จิ่งห้วนว่า “นี่คือ มิจฉามรรค 迷津(หมีจิน) ลึกหมื่นจ้าง กว้างพันลี้ ไม่มีเรือพายพาข้าม มีเพียงเรือแพอยู่ลำเดียว ถือหางเสือโดย ไม้อุบาสก 木居士 (มู่จวีสื้อ) ถ่อโดย เถ้าสาวก 灰侍者 (ฮุยสื้อเจ่อ) ไม่รับเงินทอง พบผู้ต้องชะตาจึงพาข้าม
(หยงกง 荣公 อักษรหยง 荣 มีไม้ 木 อยู่ ไม้ถูกเผากลายเป็นเถ้า 灰)
เจ้าเดินหลงมาถึงที่นี่ หากพลัดตกลงไป ก็เสียทีที่ข้าพร่ำเตือน”
ไม่ทันขาดคำ พลันมีเสียงดังฟ้าคำรามมาจากในบึงมิจฉามรรค ยักษาพรายสมุทรเหลือคณามาฉุดเป่าวี่ลงไป เป่าวี่เหงื่อแตกพลั่กร้องตะโกนสุดเสียง
“เข่อชิงช่วยข้าด้วย”
สีเหยิน 袭人 กับเหล่าสาวใช้รีบเข้ามากอดเป่าวี่ไว้ ตะโกนบอกว่า
“เป่าวี่ไม่ต้องกลัว พวกเราอยู่นี่”
ฉินสื้อ 秦氏 อยู่นอกห้องกำลังตักเตือนพวกสาวใช้ที่มัวแต่ดูหมาแมวกัดกัน พลันได้ยินเสียงเป่าวี่ฝันแล้วตะโกนเรียกชื่อเล่นของนาง (เข่อชิง 可卿) ก็งุนงงว่า
“ที่นี่ไม่มีใครรู้จักชื่อเล่นของข้า เขารู้ได้อย่างไร ถึงได้ตะโกนเรียกข้าจากในฝัน”
แม้กระนั้น นางก็ไม่ไต่ถามรายละเอียด
(จบบทที่ห้า)
เป่าวี่ตกใจตื่นยังงุนงงสับสนเหมือนทำอะไรหายไป ลุกขึ้นมาปลดเสื้อผ้าออก สีเหยินจึงเข้ามาช่วยแต่งตัวมัดเข็มขัดให้ใหม่ พอยื่นมือไปถูกต้นขาของเป่าวี่เข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างเย็นๆ เปียกเหนียวเป็นแถบ จึงรีบหดมือกลับแล้วถามว่า “อะไรกัน”
เป่าวี่หน้าแดงแล้วบิดมือของนาง สีเหยินเป็นคนฉลาด อายุมากกว่าเป่าวี่สองปี พอจะเริ่มรู้ความ พอเห็นท่าทางของเป่าวี่ ก็นึกรู้ขึ้นมา จึงพลอยหน้าแดงเขินอายด้วย ไม่ถามต่อ รีบแต่งตัวให้เป่าวี่เสร็จแล้วพากันมายังเรือนของแม่เฒ่าเจี่ย รีบกินอาหารเย็นให้เสร็จแล้วกลับมาที่อยู่ตน อาศัยจังหวะที่เหล่าแม่นมและสาวใช้ไม่มีใครอยู่ นำชุดชั้นในชุดใหม่มาให้เป่าวี่ผัด
เป่าวี่เขินหน้าแดงบอกว่า “พี่สาวคนดี อย่าบอกให้ใครรู้เด็ดขาดเชียว”
สีเหยินก็เขินหัวเราะเบาๆ ถามว่า “ทำไมท่าน…”
กล่าวถึงตรงนี้ก็ชะงักเหลียวซ้ายแลขวาว่าไม่มีใคร แล้วถามว่า
“ไหลมาจากตรงนั้นหรือ”
เป่าวี่เอาแต่หน้าแดงไม่พูดไม่จา สีเหยินได้แต่จ้องหน้าแล้วหัวเราะ
สักพัก เป่าวี่ก็เล่าเรื่องความฝันของตนให้ฟัง พอเล่ามาถึงตอนฝ่าเมฆฝน สีเหยินก็อายยกมือปิดหน้าก้มตัวหัวเราะ เป่าวี่นั้นพึงใจสีเหยินอ่อนหวานน่ารักเป็นทุนอยู่แล้ว จึงดึงมือสีเหยินชวนให้ทดลองบทเรียนที่ได้รับมาจากจิ่งห้วน
สีเหยินนั้นรู้ตัวดีว่าแม่เฒ่าเจี่ยได้ยกตนให้แก่เป่าวี่แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบิดพลิ้ว กระบิดกระบวนอยู่ค่อนวัน ก็จำต้องยินยอมสัมพันธ์เป่าวี่มิมีทางเลี่ยง นับจากนี้ เป่าวี่ก็เห็นสีเหยินไม่เหมือนเดิม สีเหยินก็ใส่ใจรับใช้เป่าวี่ยิ่งขึ้น
ตอนก่อนหน้า : สิบสองปิ่นจินหลิง
ตอนถัดไป : หลิวเหล่าเลามาเยี่ยมครั้งที่หนึ่ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา