27 ก.ค. เวลา 00:03 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🧠 ไม่ใช่แค่ "คลั่งผอม" นักวิทย์พบ "สมองบางลง" ในเด็กที่เป็นอะนอเร็กเซีย ซึ่งไม่ใช่เพราะขาดสารอาหาร

โรคอะนอเร็กเซีย เนอร์โวซา (Anorexia Nervosa) หรือที่คนมักเรียกกันว่า "โรคคลั่งผอม" คือหนึ่งในภาวะที่ถูกเข้าใจผิดมากที่สุด หลายคนอาจมองว่ามันเป็นเพียงเรื่องของ "ความอยากสวย" หรือการควบคุมอาหารที่ผิดพลาด
แต่ถ้าเราบอกว่างานวิจัยล่าสุดในเด็กได้ค้นพบ "ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ" ในสมองของผู้ป่วย ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยภาวะขาดสารอาหารเพียงอย่างเดียวล่ะครับ? นี่คือหลักฐานชิ้นสำคัญที่ตอกย้ำว่า นี่คือ "โรคทางสมอง" (brain-based illness) อย่างแท้จริง
🧪 การทดลองเปรียบเทียบที่ชาญฉลาด
งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าสมองส่วนคอร์เทกซ์ของผู้ป่วยอะนอเร็กเซียนั้นบางลง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นผลมาจากภาวะทุพโภชนาการหรือไม่
เพื่อหาคำตอบ ทีมของคลารา โมโร ได้เปรียบเทียบภาพสแกนสมองจากเด็กที่เป็นโรคอะนอเร็กเซียกับเด็กที่เป็น โรคหลีกเลี่ยง/จำกัดการกินอาหาร (ARFID)
ภาวะทั้งสองนี้เกี่ยวข้องกับการจำกัดอาหารอย่างรุนแรงและการลดน้ำหนัก แต่ ARFID "ไม่" ได้มีแรงจูงใจมาจากความกังวลเรื่องภาพลักษณ์ร่างกาย แต่เกิดจากปัญหาด้านประสาทสัมผัส, การขาดความสนใจในอาหาร หรือความกลัวผลกระทบด้านลบ การเปรียบเทียบทั้งสองภาวะจึงสามารถเปิดเผยการเปลี่ยนแปลงของสมองที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภาวะได้
😱 ผลลัพธ์ที่น่าตกใจและจุดหักมุม
โดยเฉลี่ยแล้ว เด็กที่เป็นโรคอะนอเร็กเซียมี คอร์เทกซ์ที่บางลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่มีโรคการกินผิดปกติ และที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ กลับไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความหนาของคอร์เทกซ์ระหว่างเด็กที่เป็น ARFID และเด็กที่ไม่มีภาวะดังกล่าวเลย!
"เราเคยคิดว่าเราจะพบบางส่วนที่ทับซ้อนกับโรคอะนอเร็กเซียซึ่งอาจสะท้อนถึงค่า BMI" โมโรกล่าว "แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราพบ"
ขนาดของผลกระทบนี้รุนแรงมาก "มันดูเหมือนว่าพวกเขามีภาวะสมองเสื่อมวัยเร็วกว่าปกติ (accelerated brain ageing) หรือโรคอัลไซเมอร์ระยะแรก" (เธอได้ชี้แจงว่าพวกเขาไม่ได้มีอาการของโรคอัลไซเมอร์ - เพียงแต่ขนาดของการบางลงของสมองส่วนคอร์เทกซ์นั้นอยู่ในระดับที่คล้ายคลึงกัน)
🧬 ความเชื่อมโยงกับภาวะอื่น
จากนั้น นักวิจัยได้เปรียบเทียบความแตกต่างของสมองเหล่านี้กับที่พบในภาวะอื่นๆ และพบความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญระหว่าง อะนอเร็กเซียและโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) ในขณะที่ ARFID มีการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายคลึงกับที่พบในออทิสซึม
โมโรกล่าวว่าสิ่งนี้สมเหตุสมผล เนื่องจากความไวต่อสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัสเป็นเรื่องปกติทั้งในออทิสซึมและ ARFID ในขณะเดียวกัน ความคิดครอบงำและพิธีกรรม ก็ปรากฏในทั้ง OCD และอะนอเร็กเซีย
"ความเจ็บป่วยทางจิตเวชใดๆ ก็ตามคือความเจ็บป่วยที่มีพื้นฐานจากสมอง" โจแอนนา สไตน์กลาส (Joanna Steinglass) ที่ Columbia University กล่าว "และการทำความเข้าใจสิ่งนั้นจะช่วยให้ผู้ป่วยต่อสู้กับสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ได้ มันช่วยให้ผู้ป่วยมักจะโทษตัวเองน้อยลงเล็กน้อย"
🏡 แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร?
ในสังคมไทย ที่ความกดดันเรื่อง "รูปร่างหน้าตา" โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนนั้นสูงมาก ปัญหาพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ (Eating Disorders) เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด แต่กลับถูกพูดถึงน้อยและถูกตีตรา
การค้นพบนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนมุมมองของสังคมไทย จากการ "ตัดสิน" ผู้ป่วยว่าเป็นคน "เรื่องมาก" หรือ "คลั่งผอม" ไปสู่ความ "เข้าใจ" ว่านี่คือภาวะป่วยทางสมองที่ต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างจริงจัง
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ สมองที่บางลง: งานวิจัยพบว่าเด็กที่เป็น "โรคอะนอเร็กเซีย" มีชั้นนอกของสมอง (cortex) ที่บางลงอย่างมีนัยสำคัญในหลายบริเวณ
✅ ไม่ใช่แค่เพราะขาดสารอาหาร: ที่น่าประหลาดใจคือ ไม่พบการบางลงของสมองในเด็กที่เป็น "โรค ARFID" ซึ่งเป็นโรคการกินผิดปกติอีกชนิดที่ทำให้ขาดสารอาหารเช่นกัน
✅ หลักฐานใหม่: นี่คือหลักฐานที่แข็งแกร่งที่สุดชิ้นหนึ่งที่ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงของสมองในผู้ป่วยอะนอเร็กเซียนั้นเป็นลักษณะเฉพาะของโรค ไม่ได้เป็นเพียงผลจากการอดอาหาร
✅ เชื่อมโยงกับ OCD: รูปแบบการเปลี่ยนแปลงของสมองในผู้ป่วยอะนอเร็กเซียมีความคล้ายคลึงกับที่พบในผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD)
✅ ลดการตีตรา: การทำความเข้าใจว่านี่คือ "โรคทางสมอง" ช่วยลดการโทษตัวเองของผู้ป่วย และปูทางไปสู่การพัฒนาการรักษาที่ดีขึ้น
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
การค้นพบว่าอะนอเร็กเซียเป็น "โรคทางสมอง" นี้ ทำให้คุณมองภาวะนี้และผู้ป่วยเปลี่ยนไปอย่างไร? และคุณคิดว่าสังคมของเราจะช่วยลดการตีตราผู้ป่วยทางจิตเวชให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ 🧠 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้คนรอบข้างได้เข้าใจเรื่องนี้มากขึ้นด้วยกันนะครับ
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Hu, M., et al. (2025). lncRNA CCAT1 is a biomarker for the proliferation and drug resistance of esophageal cancer via the miR-143/PLK1/BUBR1 axis. Nature Mental Health. http://doi.org/ggtddx
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
การทำความเข้าใจ "สมอง" คือกุญแจสำคัญในการทลาย "อคติ" ที่มีต่อภาวะป่วยทางจิต...
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการนำเสนอความจริงทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ แทนที่ความเชื่อผิดๆ
ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือพลังที่ช่วยให้เราสามารถสร้าง "สะพาน" แห่งความเข้าใจนี้ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นในสังคมครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา