Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Pawdoc Station.
•
ติดตาม
3 ส.ค. เวลา 02:00 • สัตว์เลี้ยง
Pawdoc station EP.27 : วัคซีนสัตว์เลี้ยง เกราะชีวิตที่มากกว่าแค่ทำตามนัด
สำหรับคนเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย คำถามยอดฮิตเวลาพูดถึงการดูแลหมาแมวคือ "ฉีดวัคซีนหรือยัง?" แต่คำถามที่สำคัญยิ่งกว่าคือ คุณรู้ไหมว่าวัคซีนนั้นป้องกันอะไร? ควรฉีดเมื่อไร? แล้วต้องฉีดซ้ำไหม? หรือมีผลข้างเคียงอะไรไหม?
การฉีดวัคซีนเป็น “สิ่งพื้นฐาน” เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีชีวิตยืนยาว สุขภาพแข็งแรง และไม่กลายเป็นพาหะของโรคร้ายแรงที่สามารถแพร่กระจายสู่สัตว์ตัวอื่นหรือแม้แต่มนุษย์ได้
บทความนี้จะพาทุกคนเข้าใจบทบาทของวัคซีนในสัตว์เลี้ยงกันอย่างละเอียด โดยอ้างอิงจากแนวทางล่าสุดของ WSAVA (2024) และ คู่มือแนะนำวัคซีนในประเทศไทยโดย VPAT (2025) ซึ่งสะท้อนสถานการณ์จริงของหมาแมวบ้านเราได้ชัดเจน พร้อมทั้งแนะวิธีดูแลสัตว์หลังฉีดวัคซีนอย่างถูกต้อง
วัคซีนคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?
วัคซีนคือสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่เสมือน “แบบฝึกหัด” ให้ระบบภูมิคุ้มกันของสัตว์ได้เรียนรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเชื้อโรคที่อาจก่อโรคร้ายแรง เมื่อร่างกายสัตว์เจอเชื้อจริง ก็จะสามารถป้องกันหรือจัดการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนที่พบบ่อย ๆ ได้แก่:
- ไข้หัดสุนัข (Distemper): เชื้อไวรัสรุนแรงที่ทำลายระบบประสาทและระบบทางเดินหายใจ
- ลำไส้อักเสบ (Parvovirus): ทำให้ถ่ายเป็นเลือด ติดเชื้อรุนแรง และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
- พิษสุนัขบ้า (Rabies): โรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่ไม่มีทางรักษาเมื่อแสดงอาการ
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ยังพบโรคเหล่านี้อยู่ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มสัตว์จรจัดและสัตว์เลี้ยงระบบเปิดที่ไม่ได้รับวัคซีนอย่างเหมาะสม ดังนั้น การฉีดวัคซีนจึงเป็นมากกว่าเรื่องส่วนตัวของสัตว์ตัวหนึ่ง แต่เป็นการช่วยสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” ในชุมชนของสัตว์และคน
วัคซีนหลัก (Core Vaccine) และวัคซีนเสริม (Non-Core)
จากแนวทางของ WSAVA (2024) และ VPAT (2025) วัคซีนสำหรับสัตว์เลี้ยงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่:
1. Core Vaccine (จำเป็นต้องฉีดทุกตัว)
วัคซีนในกลุ่มนี้ครอบคลุมโรคที่มีความรุนแรงสูง พบได้ทั่วไป และมีอัตราการเสียชีวิตสูง จึงถือว่าเป็นวัคซีนพื้นฐานที่สัตว์ทุกตัวควรได้รับ
✨ ในสุนัข:
- โรคไข้หัดสุนัข (CDV)
- โรคลำไส้อักเสบจากเชื้อพาร์โวไวรัส (CPV-2)
- โรคตับอักเสบจากเชื้ออะดีโนไวรัส (CAV-1)
- โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
✨ ในแมว:
- โรคไข้หวัดแมวจากเชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัสและแคลิซิไวรัส (FHV-1, FCV)
- โรคหัดแมวจากเชื้อพาร์โวไวรัส (FPV)
- โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
2. Non-Core Vaccine (เลือกตามความเสี่ยง)
วัคซีนในกลุ่มนี้จะพิจารณาฉีดเฉพาะในสัตว์ที่มีความเสี่ยง เช่น ออกนอกบ้านบ่อย ไปโรงแรมสัตว์ อยู่รวมกับสัตว์หลายตัว หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น โรคฉี่หนู, ลิวคิเมียไวรัส , Bordetella ฯลฯ
โปรแกรมวัคซีน: ไม่ใช่แค่ “ปีละครั้ง”
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ “ต้องฉีดวัคซีนทุกปี” ทั้งที่ความจริง วัคซีนบางชนิดอาจอยู่ในร่างกายได้นาน 3 ปีหรือมากกว่า โดยเฉพาะวัคซีนกลุ่ม Core
ในแนวทาง WSAVA 2024 ระบุว่า:
- หากมีการตรวจวัดระดับแอนติบอดี (antibody test) แล้วพบว่ายังมีภูมิคุ้มกันอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำ
- แต่ในประเทศไทย การตรวจระดับภูมิคุ้มกันยังไม่แพร่หลายมากนัก จึงยังแนะนำให้ฉีดกระตุ้นตามโปรแกรมปกติ คือฉีดกระตุ้นประจำปี
ตัวอย่างโปรแกรมวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทย (ตามแนวทาง VPAT 2025)
- เริ่มฉีดเมื่ออายุ 6-8 สัปดาห์
- ฉีดกระตุ้นต่อเนื่องทุก 3-4 สัปดาห์ จนอายุไม่ต่ำกว่า 4 เดือน
- กระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 1 ปี
- จากนั้นให้กระตุ้นซ้ำทุก 1-3 ปี (ขึ้นกับชนิดวัคซีนและคำแนะนำของสัตวแพทย์)
- วัคซีนพิษสุนัขบ้าเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย ต้องฉีดทุกปี หรือทุก 3 ปีตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
แล้ววัคซีนมีอันตรายไหม?
วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันมีความปลอดภัยสูง และผ่านการตรวจสอบมาตรฐานอย่างเข้มงวดทั่วโลก แต่อาจมีอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่:
- บวมบริเวณที่ฉีด
- ซึม เบื่ออาหาร หรือมีไข้เล็กน้อยภายใน 24-48 ชม.
⚠️ อาการที่ควรระวังเป็นพิเศษ:
- หายใจลำบาก
- บวมทั้งตัว หรือคอบวม
- น้ำลายฟูมปาก อาเจียนรุนแรง
หากพบอาการเหล่านี้ ต้องรีบนำสัตว์ไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นปฏิกิริยาแพ้รุนแรง (anaphylaxis) สัตว์ที่เคยมีประวัติแพ้วัคซีนควรแจ้งให้สัตวแพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง
การฉีดวัคซีนไม่ใช่แค่ “ทำตามโปรแกรมที่หมอนัด” แต่คือ การลงทุนเพื่อสุขภาพในระยะยาวของสัตว์เลี้ยง และยังช่วยปกป้องคนในบ้านโดยเฉพาะในโรคที่ติดต่อสู่คนได้ เช่น พิษสุนัขบ้า หรือโรคฉี่หนู
เจ้าของสัตว์ในประเทศไทยควร:
- สอบถามว่าวัคซีนที่ฉีดเป็นชนิดใด ป้องกันโรคอะไร
- ปรับโปรแกรมวัคซีนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์สัตว์ เช่น อยู่แต่ในบ้าน ออกนอกบ้านบ่อย หรือเดินทางไกล
- สังเกตอาการหลังฉีดวัคซีน และมีเบอร์คลินิกฉุกเฉินไว้เสมอ
- วัคซีนที่ฉีดให้วันนี้ สามารถช่วยชีวิตสัตว์ที่คุณรักในวันข้างหน้า
Reference
- World Small Animal Veterinary Association. (2024). Vaccination Guidelines.
https://wsava.org/wp-content/uploads/2024/04/WSAVA-Vaccination-guidelines-2024.pdf
- Veterinary Practitioner Association of Thailand. (2025). แนวทางการให้วัคซีนในสุนัขและแมวประเทศไทย.
https://animalhealthhub.in.th/sites/default/files/2025-05/AW-VPAT%20Vaccine-Dog-Cat%20%281%29.pdf
ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามพวกเรา Pawdoc station ทุกช่องทาง เพื่อที่จะไม่พลาดเนื้อหาใหม่ๆของพวกเรา
ติดตาม Pawdoc station ได้ที่ช่องทางหลัก ดังนี้
- Blockdit :
https://www.blockdit.com/pawdocstation
- Facebook :
https://www.facebook.com/profile.php?id=61573439400610
- Instagram :
https://www.instagram.com/pawdocstation/
- Youtube :
http://www.youtube.com/@PawDocStation
สัตว์เลี้ยง
สุขภาพ
ความรู้รอบตัว
2 บันทึก
3
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Pawdoc station Episode.
2
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย