1 ส.ค. เวลา 11:01 • บันเทิง

ครบรอบ 7 ปี "Side Stories" แนวทางที่เปลี่ยนไปและเหมือนเดิม

คิดไปมาอยู่นาน
ว่าจะเขียนงานชิ้นนี้ดีมั้ย
เพราะในสถานการณ์เช่นนี้
การเฉลิมฉลองใดๆ ย่อมไม่เหมาะนัก
แม้จะงดการโพสต์บทความปกติ
มาพักใหญ่แล้วก็ตาม
ก่อนจะคิดอีกทีว่า
ขอลงไว้เป็นความทรงจำแทน
เปรียบเสมือนไดอารี่ออนไลน์
ให้พอลงระยะทางเป็นอีกหมุดหมาย
ว่าตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
เพจ Side Stories
ได้เดินทางมายังไงกัน
นับจาก Day 1 สมัยผมยังหนุ่ม
ที่ทุ่มเทกับงานทุกชิ้นทุกจุด
ใส่สุดตั้งแต่การหาข้อมูล
ลงรายละเอียดจนฟ้าสว่าง
ก็ยังตื่นและกลับมาทำต่อ
วนกันไปหลายปีเอเนอจี้ยังไม่มีหมด
กระทั่งช่วงปีที่ 5-7 ขึ้นมา
ก็ได้พบว่าผมต้องปรับสไตล์
การทำงานต่างๆ มาพอสมควร
เริ่มจากการแบ่งบทความเขียน
ออกเป็นส่วนๆ แบ่งวันทยอยไป
หรือกระจายโอกาสให้แอดมินท่านอื่น
ได้ร้อยเรียงอักษรเล่าในแบบของตัวเอง
ผสมผสานกับความลึกซึ้งแบบเพจนี้ดู
รวมถึงอีกสองโมเดลที่กำลังพรั่งพรู
คือการปรับรูปแบบบทความจาก
ยาวละเอียดลึกถึงใจมาเป็น
Snackable Content ที่ย่อยง่าย
สั้นลง ลึกอยู่ แต่เสิร์ฟแบบพอดีคำ
ปรับตามยุคสมัยและทำเท่าที่ไหว
เท่าที่ได้ในห้วงเวลานั้นก็พอ
ถ้าอยากจะแตกย่อยให้ละเอียดขึ้น
ึค่อยทำเป็นคอนเทนต์ซีรีส์ภาคต่อกันอีกที
โดยเฉพาะในขวบปีที่ผ่านมานี้
ได้มีการใช้ AI มาช่วยเขียนเยอะมากขึ้น
ทุกอย่างง่ายและรวดเร็ว ตอบโจทย์
ความต้องการของตลาดได้ดีขึ้น
จากเมื่อก่อนที่ต้องใช้เวลาค่อนวัน
หรือหลายวันกว่าจะปั้นออกมา
ตอนนี้เหมือนมีผู้ช่วยคิด ช่วยเขียน
ช่วยประหยัดเวลามากขึ้นเป็นกอง
ลองเล่นมันทุกค่าย ทุกสไตล์
จนหาทางตรงกลางที่ใช่เจอ
ซึ่งผมมักจะบอกแอดจารย์ธัญ แอดภู
และบรรดาคนใกล้ตัวอยู่เสมอ
ว่าต่อให้ปรับตัวใช้ AI มาช่วยงาน
ก็จะยังคงไว้ซึ่งตัวตนและลายเซ็น
ของตัวเอง โดยคำนึงถึง "คุณค่า"
ที่ลูกเพจจะยังได้กลับไปเป็นสำคัญ
นั่นคือทุกครั้งที่ให้ AI gen งานออกมา
นอกจากตรวจตราข้อมูลว่าถูกผิดยังไง
ก็จะใช้มันแบบไม่ใช้ คือหยิบส่วนดีๆ
ที่เราเห็นว่าเขาเขียนได้ดี เอามาจับเล็ก
ผสมน้อยเข้ากับแนวคิด สำนวน ภาษาของตัวเอง
เรียกได้ว่ามันจะไม่มีการใช้เทคแบบ 100%
ทุกชิ้นงานที่คุณได้อ่านจะยังมีตัวตน
และจิตวิญญาณนักเขียนของพวกเราใส่ลงไป
อีกอย่างที่ค้นพบคือทุกครั้งเวลาที่
อินกับเรื่องราวไหน มีไฟจะเขียน
ลุกโชนโชติช่วงขึ้นมา ก็จะลงมือทำ
ผ่านมือถือในตอนนั้นเลย
จะมาน้อยยังไง ทำเท่าที่ไหว
ขอให้ได้ทำมันออกมา
ดีกว่าคิด วางโครง ทำกราฟิกไว้
สุดท้ายไม่ได้ทำมันขึ้นมาจริงๆ
ยังรู้สึกผิดมาถึงวันนี้อยู่เลย
มาวันนี้ได้คิดและได้ทำไป
นับว่าสมใจทั้งผู้เขียนผู้อ่าน
วิน-วินฟินตามกัน
ในการเติบโตบนเส้นทางนักเขียน
ถ้าเปรียบเป็นนักบอลก็คงเป็น
ช่วงปลายค้าแข้งที่เรี่ยวแรงเบาลง
ไม่ได้วิ่งห้อตะบึงขึ้นลงสุด ไม่อาจไล่บด
ด้วยพละกำลังและความพุ่งพล่าน
ได้เหมือนสมัยวันวานวัยกระเตาะไฟแรง
แต่ได้ประสบการณ์ ความเก๋ามาทดแทนกันไป
เพรสได้ มุ่งมั่น กระหายได้เหมือนเดิม
แค่มีจังหวะลุยหนักผ่อนเบา
เร่งเกมเมื่อต้องบุก ดึงจังหวะเมื่อต้องผ่อน
รักษาโมเมนตัมเพื่อให้ได้ผลการแข่ง
ที่ต้องการให้ได้ในที่สุด
อาจจะไม่เคยได้แชมป์ UCL
ไม่เคยมีถ้วยฟุตบอลโลกหรือบัลลงดอร์
ก็ไม่ขออะไรมากไปกว่าแค่ยังมีเรี่ยวแรง
มีความสุขกับสิ่งที่มีใจรักทำต่อไป
ถ้าเป็นการ์ตูน ผมแอบคิดถึง
เรื่องราวในดิจิมอนภาคแรก
ครบรอบ 7 ปีแบบนี้
เหมือนได้กลับไปยังโมเมนต์
การผจญภัยของเหล่า
เด็กที่ถูกเลือกทั้ง 7 คนบนเกาะไฟล์
กับช่วงวัยที่ยังคงเต็มไปด้วยความสุขสดใส
ไร้เดียงสา และพร้อมจะลุยกับภัยตรงหน้า
ด้วยหัวใจที่แปลงร่างพัฒนาไปอีกขั้น
มีทั้งเปลวไฟแห่งความกล้าหาญอันร้อนแรง
ไฟสีครามแห่งมิตรภาพอันเยือกเย็นเป็นพลังให้กัน
ปีกความรักอันอ่อนโยนนิรันดร์ มุ่งมั่นไม่เสื่อมคลาย
สายฟ้าจากความรู้ผู้หยั่งลึกมากมาย พึ่งได้ทุกเวลา
ฉันขอฉันขอวอนผ่านฟ้า ด้วยเมล็ดพันธุ์ที่จริงใจ
ไม่ว่าเวลาจะนาวนานแค่ไหน ก็จะซื่อสัตย์ต่อกัน
และเปี่ยมด้วยพลังแห่งความหวังทีดีเสมอ
ขอบคุณทุกประสบการณ์
ทุกความทรงจำร้ายดีที่ได้เจอ
ขอบคุณลูกเพจทุกคนที่ยังคงอยู่ด้วยกัน
ยอมรับว่าเป็นช่วงปีที่งานประจำสูบพลัง
ไปพอสมควรจนไม่ได้เขียนเพจ
เสิร์ฟครบทุกหมวดตามที่ใจอยากจะทำ
แต่ก็จะหาจังหวะเวลา รีดพลังที่เหลืออกมา
ทำให้ดีขึ้น เร็วขึ้น และคมขึ้นต่อไป
ด้วยหัวจิตหัวใจทั้งหมดที่มี
"Oh Seven, try to be free
Oh Seven, try to be free,,,🎶🏝️"
โฆษณา