Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Storytelling - Daonorway
•
ติดตาม
3 ส.ค. เวลา 02:38 • ไลฟ์สไตล์
หมู่เกาะแฟโร
EP#12 หมู่บ้าน Saksun บนเกาะ Streymoy ในหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands)
เราเดินทางจากออสโลไป ใช้เวลาประมาณ 3.5 ชั่วโมง โดยสายการบิน Atlantic Airways บินประมาณ 2 เที่ยวต่อสัปดาห์ เรานัดเจอกับเพื่อนอีกสองคนที่มาจากต่างเมืองของนอร์เวย์ ซึ่งต้องไปต่อเครื่องที่ Copenhagen เสียก่อน จากสนามบิน Vágar Airport (FAE), Faroe Islands เราเช่ารถขับกันเองที่นี้ เนื่องจากไม่สะดวกในการใช้รถโดยสารที่นี้ พวกเราสาว ๆ ทั้งนั้น วางแผนกันหลายอย่างว่าจะไปไหนบ้าง
ขอเล่าเรื่องของหมู่เกาะฟาโรนิดหนึ่ง ก่อนนะคะ
🌍 หมู่เกาะแฟโร — ดินแดนกลางมหาสมุทรที่เงียบงาม
กลางผืนน้ำอันกว้างใหญ่ของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ท่ามกลางสายหมอกและสายลมจากขั้วโลก มีหมู่เกาะเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งตั้งอยู่ราวกับลอยอยู่บนฟองคลื่นสีเทา หมู่เกาะนั้นคือ แฟโร (Faroe Islands) — ดินแดนลึกลับที่เปี่ยมไปด้วยความเงียบสงบ ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ และวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกมายาวนาน
⸻
🗺️ ตำแหน่งและลักษณะภูมิประเทศ
หมู่เกาะแฟโรประกอบด้วยเกาะทั้งหมด 18 เกาะ ที่กระจายตัวราวกับชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ ลอยอยู่ระหว่าง ไอซ์แลนด์กับนอร์เวย์ เกาะเหล่านี้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในอดีต จึงมีภูมิประเทศที่สูงชัน เต็มไปด้วย หน้าผาสูงชัน ฟยอร์ดที่ลึก และหุบเขาเขียวขจีที่เปลี่ยนเฉดสีไปตามฤดูกาล
⸻
🌦️ สภาพอากาศ
แฟโรมีภูมิอากาศแบบ maritime subpolar — หนาวเย็นแต่ไม่ถึงขั้นโหดร้าย มีฝนตกบ่อย ลมแรง และหมอกจัดบ่อยครั้ง แต่แทนที่จะรู้สึกอึดอัด อากาศที่นี่กลับมอบความสงบ ความชุ่มชื้น และความลึกลับให้กับทิวทัศน์ เหมาะกับผู้ที่แสวงหาธรรมชาติแท้จริง ตอนที่เราขับรถช่วงเช้า หมอกหนามากแทบมองไม่เห็นกันเลยทีเดียว
⸻
👥 ผู้คนและวัฒนธรรม
หมู่เกาะนี้มีประชากรประมาณ 55,000 คน พูดภาษาแฟโร (Faroese) ซึ่งมีรากมาจากภาษานอร์สโบราณ เราจึงสื่อสารภาษานอร์เวย์ ผู้คนใจดีมาก ชาวแฟโรเป็นผู้คนที่ผูกพันกับทะเลอย่างลึกซึ้ง อาชีพหลักคือ การประมงและเลี้ยงแกะ วัฒนธรรมจึงแวดล้อมไปด้วยวิถีแห่งธรรมชาติ และความเรียบง่าย
พวกเขายังคงรักษา ดนตรีพื้นเมือง การร้องเพลงหมู่แบบโบราณ (chain dance) และนิทานพื้นบ้านไว้อย่างเข้มแข็ง
⸻
🛖 วิถีชีวิตและการอนุรักษ์
แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเดนมาร์ก แต่แฟโรปกครองตนเอง มีรัฐสภา และมีนโยบายที่เน้นการพึ่งพาตนเอง เช่น การผลิตพลังงานลม พลังน้ำ และอนุรักษ์ธรรมชาติ
บ้านเรือนในหมู่เกาะนี้มักมีหลังคาหญ้า ดูแล้วสวยงามมาก คล้ายนอร์เวย์ในอดีต มีแกะเล็มหญ้าอยู่ทั่วไป ทุกหมู่บ้านดูเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายไวกิ้ง ทุกหมู่บ้านจะมีโบสถ์เก่าโบราณดูเงียบสงบ
⸻
🏞️ สถานที่เด่น
• Gásadalur: หมู่บ้านบนหน้าผาสูง พร้อมน้ำตก Múlafossur ไหลลงทะเล
• Saksun: หมู่บ้านในหุบเขาเงียบสงบ ล้อมรอบด้วยภูเขาและอ่าวที่เปลี่ยนเป็นลากูน
• Tórshavn: เมืองหลวงที่เล็กที่สุดในโลก เต็มไปด้วยบ้านหลังคาหญ้า ร้านหนังสือเล็ก ๆ และท่าเรือเก่า
• Mykines: เกาะของนกพัฟฟิน จุดชมพระอาทิตย์ตกที่ไม่มีใครรบกวน เราไปไม่เจอดวงอาทิตย์ ฝนตก หมอกหนา แต่ความประทับใจไม่รู้ลืมเลย
ทั้งหมดที่น่าสนใจนี้ เราแวะไปทุกที่ เราเดินทางมาพักที่เมืองใหญ่ Torshavn เจอน้อง ๆ คนไทยที่นี้หลายคน น่ารักและเป็นกันเองอย่างมาก เดี๋ยวจะเขียนเป็น 4 ตอนของเกาะฟาโร เราเดินทางในเดือน July 2025 ที่ผ่านมา
⸻
สำหรับวันนี้เราจะเล่าเกี่ยวกับหมู่บ้าน Saksun
มุมนี้สวยมาก และแดดเริ่มมานิดหน่อย
🏡 ประวัติหมู่บ้าน Saksun
• เดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมง
Saksun เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่สำคัญในอดีต เพราะตั้งอยู่บริเวณที่เคยเป็นอ่าวที่เรือเดินทะเลสามารถเข้ามาได้ แต่ต่อมาคลื่นพายุและทรายได้เปลี่ยนรูปร่างปากอ่าวให้กลายเป็นลากูนปิด ทำให้ไม่สามารถใช้เป็นท่าเรือได้อีก
• ธรรมชาติเปลี่ยนเส้นทางชีวิตคน
เมื่ออ่าวปิดลง หมู่บ้านก็กลายเป็นชุมชนเกษตรกรรมและเลี้ยงแกะแทน ซึ่งยังคงเห็นได้จนถึงทุกวันนี้ว่ามีฝูงแกะอยู่ทั่วไป
• บ้านหลังคาหญ้าแบบโบราณ
Saksun มีบ้านเรือนเก่าแก่ที่ใช้หญ้าปกคลุมหลังคา (turf roof) ซึ่งเป็นเทคนิคแบบนอร์ดิกดั้งเดิมเพื่อเก็บความอบอุ่นในฤดูหนาว และกลมกลืนกับธรรมชาติ มันสวยมาก
เราขับรถมาจอดที่ลานจอด แดดเพิ่งจะเริ่มมา หลังจากที่เรามาถึงสองวันแล้วแดดยังไม่มาให้เห็น จึงรีบตั้งใจเดินเพื่อจะได้ถ่ายรูปตอนแดด เราเดินลงไปที่ลากูนก่อน เดินบนหาดทรายได้เลย เมื่อเดินไปถึงปากอ่าว เราเห็นทะเลกว้างออกไป ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเดินมาแถบนี้เท่าไหร่ เราเลยถามหาหมู่บ้าน ซึ่งเรานึกว่าอยู่แถบลากูน แต่มีชาวแฟโร เดินมาบอกเราว่า ต้องระวัง หากเป็นช่วงน้ำขึ้น จะขึ้นเร็วมากจนเราอาจเดินขึ้นไม่ทัน เราเลยรีบเดินมาหาหมู่บ้าน ซึ่งมันอยู่บนภูเขา มิน่าเราเห็นบางกลุ่มเดินปีนป่ายขึ้นบนเขากันเป็นระยะ
สุดท้ายเราก็ขับรถขึ้นไปจอดที่ลานจอดรถ เพื่อเขาชมหมู่บ้านที่สวยมากแห่งนี้ แต่ก็มีบางกลุ่มในอินตาเน็ต คอมเม้นท์ถึงเรื่องการไม่ค่อยต้อนรับของคนหมู่บ้าน พูดไม่ดีหรือตะคอกใส่นักท่องเที่ยว พอเราเข้าไปถึงรู้ว่า เขามีปัญหาระบบการจัดเก็บตั๋วชมพิพิธภัณฑ์ บางคนเดินผิดทางไม่เข้าใจว่าต้องชำระเงิน จึงทำให้มีการตะคอกใส่นักท่องเที่ยว บังคับให้จ่ายเงิน แต่สำหรับเรา เราสนับสนุนเพราะหมู่บ้านไม่มีรายได้จากการประมง แค่เลี้ยงแกะเท่านั้น นี่จึงเป็นรายได้ที่ไม่มากในแต่ละวัน
⸻
⛪ โบสถ์ Saksun Church
โบถส์และสถานที่ใกล้เคียง
• โบสถ์หลังเล็กสีขาวที่ตั้งอยู่เด่นริมผาสีเขียว สร้างขึ้นในปี 1858
• เดิมเคยตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Tjørnuvík แล้วถูกย้ายมาที่ Saksun ด้วยการ “ล่องลำเลียงทางเรือ” ผ่านแม่น้ำและลากขึ้นบก
• ด้านหลังโบสถ์เป็นสุสานเล็ก ๆ และวิวอ่าวที่เงียบสงบ สวยมาก
⸻
🏛️ Dúvugarðar (พิพิธภัณฑ์บ้านเก่า)
• เป็นบ้านไร่เก่าแก่ที่มีอายุ กว่า 200 ปี ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม
• แสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวแฟโรในอดีต เช่น การเลี้ยงแกะ เก็บฟาง และการอยู่อาศัยแบบดั้งเดิม
เราเข้าไปดูบ้าน ทุกอย่างถูกจัดไว้แบบเดิม เตียงนอนเล็ก ๆ ห้องครัว และห้องเก็บอาหาร
⸻
🌄 สิ่งที่ทำให้ Saksun มีชื่อเสียง
• ทิวทัศน์ที่เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย: หุบเขา ฟยอร์ด และน้ำตกที่สวยงาม
• จุดถ่ายรูปยอดนิยม: เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในแฟโร
• การอนุรักษ์วัฒนธรรม: แม้มีนักท่องเที่ยว แต่หมู่บ้านยังคงควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาธรรมชาติและความเงียบสงบ
เราได้เห็นวัฒนธรรม และความสวยงามของธรรมชาติที่นี้ การเดินทางทุกครั้ง จึงมีความหมาย แม้อากาศจะไม่เป็นใจมากนัก แต่ทุกการเดินทางมีบทเรียนที่ซ่อนอยู่เสมอ
โดย ป้าดาวนอร์เวย์
#เกาะฟาโร #saksun #travel #รักการเดินทาง
travel
ไลฟ์สไตล์
สถานที่ท่องเที่ยว
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย