4 ส.ค. เวลา 06:41 • ข่าวรอบโลก

☀️ แสงอาทิตย์ที่มืดหม่น: เมื่อ ‘ทรัมป์’ ปล่อยระเบิดภาษี ฉุดโซลาร์มาเลเซียสะดุดทั้งภูมิภาค

Trump tariffs jolt Malaysia, disrupting solar exports and China trade ties
🌏 บทนำ: เมื่อเส้นทางแสงอาทิตย์ถูกตัดขาด
10 ปีก่อน มาเลเซียเคยเป็นหนึ่งในฮับโซลาร์เซลล์ของโลก เต็มไปด้วยโรงงานจากทุนจีนกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ และเป็นโมเดลแห่งการพัฒนาในอาเซียน
แต่เพียงชั่วข้ามคืน การประกาศภาษีทรัมป์ 40% ต่อสินค้าที่ส่งผ่านประเทศที่ 3 บวกกับภาษีฐาน 19% ต่อมาเลเซีย ทำให้ซัพพลายเชนทั้งภูมิภาคสะเทือนและชะงักงันทันที
🚢 ท่าเรือแห่งการแปรเปลี่ยน: เมื่ออาเซียนไม่ใช่ Safe Zone อีกต่อไป
หลายปีที่ผ่านมา บริษัทจีนย้ายฐานการผลิตจากแผ่นดินใหญ่ไปตั้งโรงงานในเวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซียและมาเลเซีย เพื่อเลี่ยงภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ การลงทุนเหล่านี้ส่งเสริมการเติบโตในภูมิภาคอย่างก้าวกระโดด
แต่ทรัมป์กลับเดินเกมสวนทาง ด้วยภาษีแบบ "ห้ามลัดวงจร" ที่ปิดทางส่งออกแม้ผลิตในประเทศที่ 3 ถือเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับผู้ประกอบการที่หวังพึ่ง Supply Chain Model แบบเก่า
🌀 ผลกระทบเชิงลึกในไทย
ไทยเองก็อยู่ในกลุ่มประเทศที่เคยได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานผลิตดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และพลังงานสะอาด การเปลี่ยนทิศทางของนโยบายสหรัฐฯ อาจทำให้ไทยตกอยู่ในสภาพ “สุญญากาศการลงทุนใหม่” หากไม่มีทิศทางที่ชัดเจนในการบริหารความเสี่ยงนี้
🏭 โรงงานที่ไร้แรงงาน: ความฝันที่ปิดตัวของ Longi
Longi บริษัทโซลาร์ยักษ์ใหญ่จีนที่เคยเปิดโรงงานแห่งที่ 3 ในมาเลเซียอย่างยิ่งใหญ่เมื่อปี 2023 วันนี้กลับต้องปิดสายการผลิตหลายสาย เหลือเพียงโกดังโล่งๆ และลานจอดรถที่ว่างไปกว่าครึ่ง
💡 มาเลเซียกำลังวางกลยุทธ์ใหม่ ด้วยการผลักดันให้บริษัทเหล่านี้หันมาผลิตเพื่อตลาดในประเทศแทน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีความเสี่ยงสูง หากตลาดภายในไม่แข็งแรงพอจะรับของที่เคยผลิตเพื่อตลาดโลก
📉 Ripple Effect ต่อหุ้นไทย: พลังงาน-โซลาร์-โลจิสติกส์ เสี่ยงโดนหางเลข
🔆 GUNKUL (กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง) – ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มและอุปกรณ์เกี่ยวข้องอาจได้รับผลกระทบหากต้นทุนการนำเข้าแผงโซลาร์จากจีนหรือมาเลเซียสูงขึ้น อาจต้องเร่งหาทางพึ่งการผลิตในประเทศ
⚡ EA (พลังงานบริสุทธิ์) – แม้จะมีฐานผลิตแบตเตอรี่ในไทย แต่การที่ตลาดอาเซียนมีความผันผวน อาจทำให้แผนขยาย EV Ecosystem ต้องปรับตัวใหม่ โดยเฉพาะหากจีนปรับนโยบายลงทุนตอบโต้สหรัฐ
🚚 WICE (ไวส์ โลจิสติกส์) – โลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับขนส่งวัตถุดิบและอุปกรณ์โซลาร์ในอาเซียนอาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับเส้นทางและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
🏗️ STECON (สเตคอน กรุ๊ป) – หากโครงการพลังงานสะอาดชะลอตัวลงจากความไม่แน่นอนด้านอุปกรณ์ อาจกระทบงานรับเหมาในกลุ่มพลังงาน
🔋 บทเรียนแห่งอาเซียน: แสงอาทิตย์ไม่เพียงพอ หากไร้ร่มเงายุทธศาสตร์
บทเรียนจากมาเลเซียคือ “การพึ่งพาทุนต่างชาติแบบไร้ราก” มีความเสี่ยงมากหากขาดการส่งเสริมเทคโนโลยีภายในประเทศ แม้ไทยจะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานผลิตช่วงก่อนหน้านี้ แต่หากไม่เร่งลงทุนในนวัตกรรมภายใน ก็อาจกลายเป็นแค่จุดพักชั่วคราวของทุนต่างชาติ
📊 ไทยควรทำอะไรต่อ?
🇹🇭 ปรับยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมโซลาร์และพลังงานสะอาดจาก "นำเข้า-ติดตั้ง" เป็น “ผลิตเอง-วิจัยเอง”
🔁 สร้างระบบ “Supply Chain วงในอาเซียน” ที่ลดการพึ่งพาจีนและสหรัฐฯ โดยเปิดการค้ากับอินเดีย ตะวันออกกลางหรือแอฟริกา
🎯 ดึงดูดทุนจากสหรัฐและจีนในเวลาเดียวกัน โดยยึดเป้าหมายให้ไทยเป็น “Hub เทคโนโลยีสะอาดระดับภูมิภาค” ไม่ใช่แค่โรงงานผลิต
📣 ความคิดเห็นของคุณคืออะไร?
คุณคิดว่าทิศทางของไทยควรเลือกอยู่ข้างใคร?
หรือจะสร้างทางเดินของตัวเองในเกมเศรษฐกิจโลก?
แสดงความคิดเห็นและชวนคนรอบข้างมาแลกเปลี่ยนมุมมองกันในโพสต์นี้ได้เลยค่ะ 💬🇹🇭
🔖 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#TrumpTariffs #MalaysiaSolarCrisis #USChinaTradeWar #SoutheastAsiaEconomy #ศึกโลกเศรษฐกิจ #RippleEffectหุ้นไทย #BattleOfEconomies #StockAtlasAnalysis #GlobMaps
📚 Reference:
Business Standard – Trump tariffs jolt Malaysia, disrupting solar exports, China trade ties

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา