29 ส.ค. เวลา 10:40 • ข่าวรอบโลก

✨🇺🇸🌏 ทรัมป์กดดันโลก: เมื่อสงครามภาษีบังคับให้ประเทศต่างๆ ต้องเลือกข้างระหว่างสหรัฐฯ และจีน

✨🇺🇸🌏 Trump’s Tariffs Push Nations to Choose Between US and China
💥 บทนำ: เวทีโลกที่ร้อนแรง
สงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังบีบให้ประเทศต่างๆ ต้องเลือกข้าง ไม่ว่าจะอยู่กับสหรัฐฯ หรือหันไปพึ่งจีนและรัสเซีย สถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงการขึ้นภาษีธรรมดา แต่กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองโลกอย่างลึกซึ้ง การเคลื่อนไหวล่าสุดของอินเดียและเม็กซิโกทำให้ภาพนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับผู้อ่านไทย การติดตามข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เพราะแรงสั่นสะเทือนจากสงครามภาษีจะกระทบทั้งตลาดส่งออก พลังงาน เทคโนโลยี และแน่นอน...หุ้นไทยในตลาด SET และ mai
🇮🇳🔥 อินเดีย: ถูกบีบแต่เลือกเดินกับจีนและรัสเซีย
สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษี 50% ต่อสินค้านำเข้าหลายชนิดจากอินเดีย ตั้งแต่สิ่งทอจนถึงแผงโซลาร์ โดยอ้างอิงจากการที่อินเดียยังซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป แต่แทนที่อินเดียจะถอยกลับ อินเดียกลับเร่งซื้อเพิ่มในเดือนกันยายน 2025 แถมยังเปิดทางสู่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนด้วยการที่นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี กำลังเตรียมเยือนจีนครั้งแรกในรอบ 7 ปี
✨ Ripple Effect ต่อไทย:
หากอินเดียหันไปใกล้ชิดจีนมากขึ้น ภูมิภาคเอเชียจะเกิด "แกนความร่วมมือใหม่" ที่อาจดึงดูดการลงทุนและสร้างเขตการค้าเสรีรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจเบียดสหรัฐฯ ออกไปในบางพื้นที่ การส่งออกของไทยอาจถูกบีบให้หันไปหาตลาดอินเดีย-จีนมากขึ้น หุ้นไทยที่เกี่ยวข้อง เช่น
🔹 STA (ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี) และ NER (นอร์ทอีส รับเบอร์) → อินเดียเป็นผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจีน-อินเดียอาจเปิดโอกาสการใช้ยางในภาคยานยนต์และโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น
🔹 GUNKUL (กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง) และ EA (พลังงานบริสุทธิ์) → หากอินเดียยังต้องพึ่งโซลาร์และพลังงานทดแทน การที่จีนสนับสนุนโครงการโซลาร์ในอินเดียอาจดึงซัพพลายเชนไทยร่วมวงได้
🇲🇽💎 เม็กซิโก: ขยับเข้าหาสหรัฐฯ มากขึ้น
ในอีกฟากหนึ่ง เม็กซิโกกำลังเตรียมประกาศขึ้นภาษีต่อจีนและประเทศเอเชียอื่นๆ โดยเฉพาะรถยนต์ สิ่งทอและพลาสติก เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ก่อนเจรจา USMCA รอบใหม่ในปี 2026
Bloomberg รายงานว่ามาตรการนี้คือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของทรัมป์ ที่ต้องการใช้เม็กซิโกเป็น “เกราะกันชน” ปิดกั้นจีนเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ
✨ Ripple Effect ต่อไทย:
การที่เม็กซิโกเลือกข้างสหรัฐฯ จะทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกบางส่วนหันไปที่ “US-Mexico corridor” ซึ่งไทยอาจได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและลบ
🔹 DELTA (เดลต้า อีเลคโทรนิคส์) และ HANA (ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส) → หากเม็กซิโกกันสินค้าจีนออก ตลาดสหรัฐฯ อาจเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ไทยเข้าแทนที่บางส่วน
🔹 CPAXT (ซีพี แอ็กซ์ตร้า) → การค้าปลีกอาหารและสินค้าเกษตรเม็กซิโกที่พึ่งพาสหรัฐฯ มากขึ้น อาจสร้างแรงกดดันต่อสินค้าเกษตรเอเชีย รวมถึงไทย
🇯🇵🇰🇷🇪🇺 ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และสหภาพยุโรป: เกมที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยแรงต้านภายใน
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แม้จะเจรจาข้อตกลงกับทรัมป์แล้ว แต่กลับเจอแรงต้านในประเทศ เช่น ญี่ปุ่นที่ยังไม่พอใจการเก็บภาษีซ้อน และเกาหลีใต้ที่ต้องการเงื่อนไขที่ดีกว่า แต่ทรัมป์ยืนยัน "ดีลเดิม" ไม่เปลี่ยน ส่วนสหภาพยุโรปเลือกเดินหน้าลดภาษีอุตสาหกรรมจากสหรัฐฯ เพื่อรักษาความสัมพันธ์
✨ Ripple Effect ต่อไทย:
ไทยอาจได้อานิสงส์หากการส่งออกไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ถูกเบี่ยงไปหาประเทศที่เป็นพันธมิตรใหม่
🔹 PTTGC (พีทีที โกลบอล เคมิคอล) และ IVL (อินโดรามา เวนเจอร์ส) → เคมีภัณฑ์และพลาสติกที่ถูกกีดกันจากจีนหรือเม็กซิโก อาจไหลเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นเกาหลีแทน
🔹 STECON (สเตคอน กรุ๊ป) และ ITD (อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์) → หากโครงการโครงสร้างพื้นฐานในญี่ปุ่น–เกาหลีเปิดรับพาร์ทเนอร์เอเชีย ไทยอาจมีโอกาสร่วมวง
🌐⚖️ ไทยควรรับมืออย่างไรในเกมเศรษฐกิจโลกครั้งนี้
ประเทศไทยกำลังอยู่ท่ามกลางแรงกดดันทั้ง 2 ฝั่ง หากไม่เลือกข้างชัดเจน ไทยอาจเจอความท้าทายทั้งจากภาษีและการกีดกันทางการค้า แต่ในอีกมุมหนึ่ง การไม่ผูกมัดตัวเองมากเกินไปก็อาจเปิดโอกาสให้ไทยเป็น “สะพานกลาง” ดึงดูดการลงทุนจากทั้งสหรัฐฯ และจีน
✨ หุ้นไทยที่ควรจับตาในภาพรวม Ripple Effect:
🔸 AOT (ท่าอากาศยานไทย) → หากไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระหว่างเอเชีย-สหรัฐฯ นักท่องเที่ยวและธุรกิจการบินจะได้ประโยชน์
🔸 BDMS (กรุงเทพดุสิตเวชการ) → ความไม่แน่นอนในประเทศอื่นอาจทำให้ไทยเป็นจุดหมายด้าน Medical Hub
🔸 WSOL (ดับบลิว เอส โอ แอล) และ SJWD (เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์) → การเปลี่ยนทิศทางซัพพลายเชนจะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ไทยได้โอกาสใหม่
🔸 DMT (ทางยกระดับดอนเมือง) → หากไทยต้องเสริมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อตอบรับบทบาทการค้าโลกใหม่ บริษัทโครงสร้างพื้นฐานจะได้รับอานิสงส์
💡 บทสรุป: โลกหลังทรัมป์กับการเลือกข้างที่เลี่ยงไม่ได้
สงครามภาษีที่ทรัมป์จุดขึ้นกำลังทำให้ทุกประเทศต้องคิดหนักว่า “จะอยู่ข้างไหน” และการเลือกนั้นอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเมืองอย่างเดียว แต่เกี่ยวพันไปถึงเศรษฐกิจ เทคโนโลยี พลังงานและความมั่นคงโดยตรง สำหรับไทยบทเรียนสำคัญคือ การวางตัวอย่างสมดุลและใช้โอกาสในทุกทิศทาง จะเป็นกุญแจสำคัญให้เราไม่ตกขบวนในศึกเศรษฐกิจโลกครั้งนี้
✨📢 แล้วคุณล่ะ คิดว่าไทยควรเลือกข้างชัดเจนไปเลย หรือควรเล่นบท "สะพานกลาง" ที่ดึงผลประโยชน์จากทั้ง 2 มหาอำนาจ?
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณไว้ด้านล่างได้เลยค่ะ
Hashtags:
#WorldScope #ศึกโลกเศรษฐกิจ #BattleOfEconomies #TrumpTariffs #TariffWar #USChina #India #Mexico #USMCA #SupplyChainShift #Geopolitics #GlobalTrade #EmergingMarkets #ThaiEconomy #SET #mai #ExportThailand #FXBaht #RiskMonitor #StockAtlas
Reference: Yahoo Finance
Trump tariffs are increasingly forcing countries to pick sides between the US and China

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา