8 ส.ค. เวลา 08:07 • ข่าว

กรณี "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" กับบทเรียนเรื่องศรัทธาและระบบการเงินในวัด

นี่ไม่ใช่แค่ดราม่าบุคคลหนึ่งรับบริจาคแทนวัด
แต่มันสะท้อน “ช่องว่างของระบบจัดการเงินศรัทธา” ที่อยู่มานาน และถึงเวลาที่ต้องพูดอย่างจริงจัง
สิ่งที่ควรเป็นมาตรฐาน
1. เงินทำบุญควรเข้าบัญชีวัดหรือมูลนิธิโดยตรง
ไม่ผ่านบุคคลกลาง แม้จะมีเจตนาดี เพราะความเสี่ยงสูงมาก:
ปัญหาภาษี
ความเสี่ยงฟอกเงิน
ขาดความโปร่งใส
ทำให้ศรัทธาสั่นคลอน
2. ของบริจาคที่เหลือเฟือ ควรส่งต่อไปยังที่ขาดแคลน
ไม่ควรกักไว้หรือใช้เกินจำเป็น การแบ่งปันส่วนเกินคือเมตตาที่แท้จริง
3. แยกชัดเจนระหว่างเงินทำบุญกับค่าตอบแทนแรงงานวัด
คนทำงานในวัด เช่น คนดูแลสถานที่ แม่ครัว ควรได้รับค่าตอบแทนที่แน่นอน
วัดไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้เลยหากขาดแรงงานเบื้องหลังเหล่านี้
4. กรณีรายการที่เกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ
รายได้จากการทำบุญในลักษณะนี้ ควรโอนเข้าบัญชีทำบุญของวัดโดยตรง
แยกบัญชี “สนับสนุนรายการ” ออกมาอย่างชัดเจน
เพื่อให้ตรวจสอบได้ว่ารายได้ใดเป็นเงินทำบุญ และรายได้ใดเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายการ
5. วัดควรมีระบบบัญชีโปร่งใส เหมือนบริษัท
มีงบดุล รายรับ–รายจ่าย
พระไม่ควรถือบัญชีหรือแตะเงินทำบุญโดยตรง
จัดทำรายงานประจำปี และเปิดเผยต่อสาธารณะ
ควรมีการ Audit ตรวจสอบเหมือนบริษัทจดทะเบียน
6. ประเทศไทยมีวัดมากกว่า 40,000 แห่ง (บางข้อมูลระบุเกินแสน)
วัดจำนวนมากมีรายรับปีละหลายล้านบาท แต่ไม่มีระบบตรวจสอบกลาง
ช่องว่างนี้เสี่ยงถูกใช้เป็นเส้นทางฟอกเงินหรือทุจริต
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักของประเทศ
ถ้าไม่มีระบบที่โปร่งใส ศรัทธาก็เสี่ยงจะถูกบั่นทอน
และเมื่อศรัทธาสั่นคลอน ผลกระทบจะไปไกลกว่าการเงิน — มันคือการสูญเสียความไว้วางใจของสังคม
ถึงเวลาแล้วที่:
เงินทำบุญต้องเข้าบัญชีวัดโดยตรง
การบริจาคต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้
วัดต้องเปิดเผยบัญชีและให้ตรวจสอบได้เหมือนองค์กร
รายการหรือกิจกรรมเหนือธรรมชาติต้องมีการแยกบัญชีชัดเจน
ของบริจาคส่วนเกินต้องถูกกระจายไปยังที่ต้องการจริง ๆ
#ศรัทธาต้องมีระบบ
#โปร่งใสในศาสนา
#บัญชีวัดต้องตรวจสอบได้
#แยกบัญชีทำบุญและบัญชีสนับสนุน
#อย่าให้บุญกลายเป็นช่องฟอกเงิน
#ของบริจาคต้องถึงที่ที่ขาดแคลน
#ธรรมาภิบาลในวงการศาสนา
#หมอบีทูตสื่อวิญญาณ
#หมอบี
สมุดบัญชี จดรายรับรายจ่าย :
กระปุกออมสิน
โฆษณา