Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
9 ส.ค. เวลา 14:39 • ไลฟ์สไตล์
🏝️ Work from Home หรือ Work from Hell? 🔥
‘กับดักความยืดหยุ่น’ ที่ทำให้คนเป็นหัวหน้าหมดไฟ และ วิธีสร้างสมดุลย์? 🧘🏻♂️
เมื่อคิดถึง WFH ภาพในหัวคือ “อิสรภาพ ไม่ต้องเดินทาง ชั่วโมงงานยืดหยุ่น กาแฟแก้วโปรดในครัว”
แต่ความจริงคือความยืดหยุ่นไม่ได้แปลว่าสมดุลย์อัตโนมัติ เมื่อ “ออฟฟิศ” ที่เป็นขอบเขตหายไป ชีวิตทั้งก้อนอาจละลายเป็นภาพเบลอ— “ครัวกลายเป็นห้องประชุม เตียงคือโต๊ะทำงาน และโซฟาเป็นทั้งที่พักและที่ตอบอีเมลพร้อมกัน”
บทความนี้ต้องการชี้ให้เห็น ‘กับดักความยืดหยุ่น’ ถึงอันตรายกับคนเป็นหัวหน้าเป็นพิเศษ และเราจะออกแบบวินัยกับขอบเขตอย่างไรให้ WFH เป็นสวรรค์ของการทำงาน ไม่ใช่นรกของการหมดไฟ
====
🤯 ทำไม “หัวหน้า” คือกลุ่มเสี่ยงที่สุด?
1. Invisible Output — ผลงานที่มองไม่เห็น กับ KPI ที่กดดัน
* วิศวกรมีโค้ด ดีไซเนอร์มีไฟล์ แต่ผลงานของหัวหน้าคือ “คุณภาพของทีม”
* การรับฟัง การแก้อุปสรรค การจัดลำดับงาน และความชัดเจนของเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้จับต้องยาก พอทำงานไกล ความดีที่คุณทำยิ่ง “มองไม่เห็น”
2. Pressure to Prove — แรงกดดันจากเป้าหมาย หรือ Top-down ที่ต้องพิสูจน์ว่า “กำลังทำงาน” สร้างความสำเร็จให้องค์กร
* ในออฟฟิศ เรายังพอ “ดูยุ่ง” ได้ด้วยการเข้าประชุม แต่ในโลกของการ remote work หลายคนทดแทนด้วยการออนไลน์ทั้งวัน ตอบแชตทันที ส่งอีเมล หรือ Line ดึกๆ เพื่อบอกว่ากำลังทำงาน—จนขอบเขตชีวิตพังโดยไม่รู้ตัว?
3. Culture Contagion — “นิสัยของหัวหน้า = วัฒนธรรมของทีม”
* คุณส่งข้อความงานตอนดึก —> ทีมจะรู้สึกว่าต้องสแตนด์บาย
* คุณไม่เคยพักจริงๆ —> ทีมจะคิดว่าพักไม่ได้
* ถ้าคุณทำตัวหมดไฟ —> ทีมจะเชื่อว่า “ที่นี่ก็ต้องเป็นแบบนี้”
* คำถามคือ วัฒนธรรมทีมของคุณ “ถูกออกแบบ” หรือเป็นเพียง “ภาพสะท้อนความกังวล” ของคุณ?
====
🛡️ วิธีการสร้างสมดุลย์ของคนเป็นหัวหน้า?
1) 🧭 สร้างเส้นแบ่งระหว่าง “กายภาพ–เวลา–ดิจิทัล”
* ต้องมีรอบที่แน่นอนมาออฟฟิศ โดยไม่ต้องมีออฟฟิศหรูหราก็ได้ แต่ต้องมีเส้นแบ่งที่สมองรับรู้ชัดเจน เช่น มุมทำงานเฉพาะ (แม้เป็นโต๊ะเล็กๆ)
* ชั่วโมงเริ่ม–เลิกที่ประกาศกับทีม และกติกาดิจิทัล เช่น Do Not Disturb/งดแจ้งเตือนหลังเวลาเลิกงาน
* เคล็ดลับเล็กๆ คือมี “พิธีเลิกงาน” ทุกวัน—ปิดคอม เก็บอุปกรณ์ เดินออกไประเบียง 5 นาที เพื่อสลับโหมดจากงานเป็นชีวิต เป็นต้น
2) ⏱️ วาง “จังหวะวัน” ที่ยั่งยืน (ทำให้ได้อย่างน้อย 80%)
* ไม่ต้องทำเป็นตื่นตีห้า แล้วมาเข้างานให้ลูกน้องเห็นว่าขยันตอน 7:30 ทุกวัน แต่ควรมีลำดับวันที่เดิมๆ เช่น ตื่น–อาบน้ำ–มื้อเช้า–ช่วงโฟกัส–พักกลางวันจริง–เลิกงาน–กิจกรรมเติมพลัง
* กันช่วงโฟกัส 90 นาทีอย่างน้อย 1–2 ช่วง และปกป้องช่วงนั้นจากการประชุม เป็นต้น
3) 🚶🏻มีช่วงออกจากบ้านจริงๆ เพื่อ reset สมองตัวเอง
* หาเวลาไปเพิ่มพลังแบบเงียบๆ โดยตั้ง “ภารกิจนอกบ้าน” ประจำสัปดาห์—วันคาเฟ่ เดินสวน หรือวัน Co-working space
* หรือถ้ายุ่งมาก ก็ต้องพยายามบังคับให้ตัวเองออกไปเดิน 15–20 นาทีทุกวัน เป็นต้น
4) 🔋 รู้จัก “การพักจริงๆ” ของตัวเอง
* พักไม่ใช่แค่ไม่ทำงาน แต่คือกิจกรรมที่ฟื้นพลังคุณจริง เช่น ลองทำ “Block-time พัก” 2 สัปดาห์—แบบเงียบ (อ่าน/ทำสวน) และแบบขยับ (ยิม/วิ่ง)—แล้วให้คะแนนความสดชื่นหลังทำ
* เตรียม “ชุดพัก เช่น ชุดวิ่ง หรือออกกำลังกาย” ไว้ให้พร้อมใช้ (หนังสือ รองเท้าวิ่ง playlists) เป็นต้น
5) 📝 มี Feedback Loop ของตัวเอง
* Remote work ต้องเรียนรู้–ปรับจูนตลอดเวลา จดบันทึกก่อนนอนสั้นๆ เช่น วันนี้รู้สึกอย่างไร อะไรดูดพลัง อะไรเติมพลัง พรุ่งนี้จะลองเปลี่ยนอะไร?
* ทบทวนทุกสัปดาห์ แล้วปรับกติกาชีวิต–งานของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
====
✅ เราสร้าง “วัฒนธรรมเพื่อคน” หรือ “วัฒนธรรมเพื่อเฝ้าหน้าจอ”?
1. ข้อความงานหลังเวลางานเป็นข้อยกเว้น ไม่ใช่ความปกติ
* สังเกต: ใช้ Scheduled Send/Delay Delivery; ไม่คาดหวังการตอบทันทีนอกเวลา ตัวชี้วัด: สัดส่วนข้อความ/อีเมลนอกเวลางาน ≤ 5% ต่อสัปดาห์; SLA นอกเวลางาน = เช้าวันถัดไป (เช่น 10:00) เป็นต้น
2. หัวหน้าลาพักจริง → ทีมกล้าพักตามอย่างปลอดภัย?
* สังเกต: ปิดแจ้งเตือน/มอบหมายคนคุมงานระหว่างลา; ไม่แทรกงานระหว่างพัก ตัวชี้วัด: ใช้วันลาของทีม ≥ 80% ของสิทธิ; ไม่มี Slack/Line จากหัวหน้าในช่วงลา
3. ประชุมน้อยลง แต่คุณภาพการตัดสินใจดีขึ้น
* สังเกต: มีวัตถุประสงค์ชัด เอกสารล่วงหน้า และ Decision Log หลังจบ ตัวชี้วัด: ชั่วโมงประชุมเฉลี่ย/คน/สัปดาห์?; Lead time การตัดสินใจลดลง; % ปิด Action Items ตามกำหนด ≥ 90% เป็นต้น
4. ชั่วโมงโฟกัสเพิ่ม งานดึกลด
* สังเกต: มี Focus Blocks ประจำ; ไม่ลากงานหลัง 20:00 เป็นความปกติ ตัวชี้วัด: Focus Hours/คน/สัปดาห์ ; Overtime หลัง 20:00 ≤ 1 คืน/สัปดาห์ (ทั้งทีม) เป็นต้น
5. ทีมรู้ว่า “เมื่อไรควรรอ” พอๆ กับ “เมื่อไรควรเร่ง”
* สังเกต: มีเกณฑ์ Escalation/ช่องทาง “ด่วน/ไม่ด่วน” แยกชัด ตัวชี้วัด: การ Escalate ตามเกณฑ์ เช่น ≥ 95%?; Response Time ช่องทางด่วน (ในเวลางาน)?
ถ้า checklists ด้านบนเริ่มครบ แปลว่าองค์กรกำลังก้าวจาก “วัฒนธรรมเฝ้าหน้าจอ” ไปสู่ “วัฒนธรรมเพื่อคน” จริงๆ
====
✨ ดังนั้น ความยืดหยุ่นจะเกิดต้อง “ออกแบบ”
Remote working ไม่แก้สมดุลชีวิตงานโดยอัตโนมัติ แต่มอบอิสระให้เราออกแบบสมดุลที่เหมาะกับชีวิต ถ้าเราตั้งใจและมีวินัย วัฒนธรรมทีมจะสะท้อนสิ่งนั้นกลับมาหาเราและองค์กร
“ความยืดหยุ่นที่ไร้วินัยคือคุกที่เราขังตัวเอง แต่ความยืดหยุ่นที่ตั้งใจออกแบบคืออิสรภาพที่ยั่งยืน”
#วันละเรื่องสองเรื่อง #WorkFromHome #RemoteWorkLife #ภาวะผู้นำ #WorkLifeBalance #BurnoutPrevention #ManagerTips #MentalHealthAtWork #SustainableRoutine
hr
ทำงาน
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย