ทั้งหมดมันเป็นธุรกิจ เจรจารอบใหม่ของรัสเซียและยูเครน
มุกนี้ขอขอบคุณภาพปกจากงานศพของ Victoria Roshchina ใน Kyiv นักข่าวชาวยูเครนผู้กล้าหาญที่เสียชีวิตหลังขณะถูกกักขังในรัสเซีย
ในการเจรจาที่สกีไม่มีสิทธิ์พูด ผมเองก็สงสัยว่ายูเครนจะเห็นด้วยมั้ย? และยูเครนเองก็คงไม่เห็นด้วย
เพราะยุโรปพยายามดำเนินนโยบายนี้เพียงลำพังมาตลอดสามปี แม้ว่าอดีตผู้นำทั้งสองจะมีบทบาทสำคัญมาก แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถตัดสินใจขั้นสุดท้ายได้
ล่าสุด เซเลนสกีเองได้วางแผนที่จะไปเยือนตุรกีเพื่อ "ขอเริ่มการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนใหม่" แต่ครั้งนี้รัสเซียจะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม
ตุรกีเป็นสมาชิกนาโตและมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับรัสเซียและยูเครน หลังจากวิกฤตการณ์ยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
รัสเซียและยูเครนได้จัดการเจรจาสันติภาพโดยตรงที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ในเดือนมีนาคมของปีเดียวกัน
โดยก่อนหน้านี้ในปีนี้ มีการเจรจาสามรอบที่อิสตันบูล แต่ความคืบหน้าเป็นไปอย่างเชื่องช้าและผลลัพธ์ที่สำคัญยังมีจำกัด
มาตอนนี้ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้มีกำหนดเดินทางเยือนตุรกีไปเมื่อวันนี้(19 พฤศจิกายน 2568) โดยหวังว่าจะ
"รื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนที่หยุดชะงัก"
ทางด้านโฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เปสคอฟ กล่าวดักไว้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนว่า รัสเซียจะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมการเจรจาเรื่องยูเครนที่จะจัดขึ้นในตุรกีในวันที่ 19 พฤศจิกายน
แต่ เปสคอฟกล่าวว่าประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เปิดกว้างสำหรับการเจรจากับสหรัฐอเมริกาและตุรกี
เซเลนสกีจึงเขียนบนโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 18 ว่า "เรากำลังเตรียมการที่จะเริ่มการเจรจาอีกครั้งและได้พัฒนาวิธีแก้ปัญหาเพื่อนำเสนอต่อประเทศพันธมิตรของเรา... การทำทุกวิถีทางเพื่อยุติสงครามคือสิ่งสำคัญที่สุดของยูเครน"
และเซเลนสกีไม่ได้ให้รายละเอียดที่แน่ชัด
เปสคอฟกล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ตามปกติกับผู้สื่อข่าวในวันนั้นว่า ตัวแทนของรัสเซียจะไม่เข้าร่วมการเจรจาเรื่องยูเครนที่จะจัดขึ้นที่ตุรกีในวันที่ 19
"การติดต่อเหล่านี้ดำเนินการโดยไม่มีรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้อง" เขากล่าว พร้อมเสริมว่ารัสเซียจะรอดูว่าจะสามารถหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าต่างๆ ได้อย่างไร
มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 18 กันยายน เซเลนสกีได้กล่าวถึงความหวังที่จะรื้อฟื้นการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนและแลกเปลี่ยนผู้ถูกคุมขัง
ที่ผ่านๆมา ทรัมป์ก็ประกาศว่าเขาได้ขอพบกับปูติน(15 สิงหาคม)ที่อลาสก้า ซึ่งเป็น "พรมแดนร่วม" เพื่อหารือเรื่อง "การแลกเปลี่ยนดินแดน"
เมื่อวันนั้น ทรัมป์ประกาศในรายการ "Truth Social" ว่า "การพบปะที่ทุกคนรอคอย" กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จะจัดขึ้นที่อลาสกา สหรัฐอเมริกา ในวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม
ต่อมามอสโกได้ยืนยันการประชุมสุดยอดครั้งนั้น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือหาทางออกในสงครามยูเครน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า การเจรจาครั้งนี้จะรวมถึงการยอมประนีประนอมดินแดนด้วย และ จะเป็นการพบกันแบบตัวต่อตัวครั้งแรกระหว่างทรัมป์และปูตินในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง
ในรายงานระบุว่าประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นสัญญาหลายครั้งว่าจะยุติสงครามยูเครน
และได้พูดคุยกับปูตินทางโทรศัพท์หลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ทั้งสองไม่ได้พบกันเป็นการส่วนตัวนับตั้งแต่กลับถึงทำเนียบขาวในเดือนมกราคม ปีนี้
ที่น่าสังเกตคือ การพบกันครั้งนั้นไม่ได้จัดขึ้นในประเทศที่เป็นกลาง แต่จัดขึ้นในรัฐอลาสกาอันกว้างใหญ่และรกร้าง
ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของทวีปอเมริกาเหนือ ใกล้กับรัสเซีย ซึ่งรัสเซียได้ยกดินแดนนี้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 19
เครมลินยังกล่าวว่าอลาสกา "ค่อนข้างมีเหตุผล"
ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของเครมลิน ซึ่งสำนักข่าวรัสเซียรายงาน อธิบายว่า "รัสเซียและสหรัฐอเมริกาเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดและมีพรมแดนร่วมกัน"
รัสเซียยังเชิญทรัมป์ให้ไปเยือนรัสเซียหลังการประชุมสุดยอด และทรัมป์ประกาศ "การแลกเปลี่ยนดินแดนที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย"
การพบกันที่อลาสกาเป็นการพบกันแบบตัวต่อตัวครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสอง นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 ที่ประเทศญี่ปุ่น
ในการพบกันในปี 2562 เกิดขึ้นเพียงหนึ่งปีหลังจากการประชุมสุดยอดที่เฮลซิงกิในปี 2561 ซึ่งทรัมป์ได้แสดงท่าทีประนีประนอมอย่างผิดปกติต่อปูติน
และปูตินเองก็ไม่ได้เหยียบแผ่นดินสหรัฐฯ เลยตั้งแต่ปี 2558 ในสมัยรัฐบาลโอบามาโน้นนนนนนนนน.
การพบกันจึงไม่มีประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน แม้ว่าเขาจะเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้มีส่วนร่วมก็ตาม
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับยูเครนว่าจำเป็นต้องยอมประนีประนอมดินแดนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่า "จะมีการแลกเปลี่ยนดินแดนที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย"
แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมไรเว้....
เขาเอาแต่พูดถึงดินแดนที่ถูกต่อสู้แย่งชิงมานานกว่าสามปีครึ่ง... ว่ามันซับซ้อน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เขาก็อาจจะได้มันกลับคืนมาบ้าง
ในการพบกันนั้นมี ผู้นำของอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนีย ซึ่งเพิ่งลงนามในข้อตกลงสันติภาพ ได้มาเข้าร่วมกันอีกด้วย
และมอสโกเรียกร้องให้ยูเครนยกดินแดนที่ถูกยึดครองบางส่วน4แห่ง (โดเนตสค์ ลูฮันสค์ ซาโปริเซีย และเคอร์ซอน) นอกเหนือจากไครเมียซึ่งถูกผนวกเข้าในปี 2557
และให้ละทิ้งการส่งอาวุธจากตะวันตกและความพยายามใดๆ ที่จะเข้าร่วมนาโต
ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้เป็นสิ่งที่เคียฟยอมรับไม่ได้ ยูเครนเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากดินแดนของตนและรับการรับประกันความมั่นคงจากตะวันตก
รวมถึงการส่งอาวุธอย่างต่อเนื่องและการส่งกำลังทหารจากยุโรป
ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้รัสเซียเดินหน้าการเจรจากับเคียฟ มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่จากสหรัฐฯ
การโจมตียูเครนครั้งใหญ่ของรัสเซียที่เริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยหลายหมื่นคนและสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางในทั้งสองประเทศ
หลังจากการสู้รบมานานกว่าย่างเข้าปีที่ 4 สถานะของยูเครนและรัสเซียยังคงไม่สามารถปรองดองกันได้
ที่ผ่านมา รัสเซียถูกกล่าวหาว่าขัดขวางการเจรจาโดยการรักษาข้อเรียกร้องสูงสุดของตนไว้ ขณะเดียวกันก็รักษาความได้เปรียบในสนามรบและขยายอาณาเขตของตน
การเจรจาโดยตรงรอบล่าสุดที่ผ่านมาระหว่างทั้งสองฝ่าย จัดขึ้นที่อิสตันบูลในเดือนกรกฎาคม
ในความพยายามที่จะผลักดันให้สถานการณ์ก้าวหน้า ส่งผลให้มีการแลกเปลี่ยนเชลยศึกและศพทหารที่เสียชีวิตเพียงครั้งเดียว
ทรัมป์ได้แต่แสดงความ "ผิดหวังอย่างสุดซึ้ง" ต่อปูตินหลายครั้ง เนื่องจากการเจรจาระหว่างเคียฟและมอสโกยังไม่มีความคืบหน้า
ในสนามรบ กองกำลังรัสเซียยังคงเปิดฉากโจมตีทางอากาศและโจมตีทางบกอย่างรุนแรงต่อยูเครน
ด้วยกำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า ยูเครนและพันธมิตรในยุโรปเคยได้เรียกร้องให้หยุดยิงเป็นเวลา 30 วัน แต่ก็ถูกรัสเซียปฏิเสธ
มาครั้งนี้ เซเลนสกี ก็ได้กล่าวถึงความหวังที่จะรื้อฟื้นการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนและแลกเปลี่ยนผู้ถูกคุมขัง
เปสคอฟก็กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าก็เหมือนเขมร รัสเซียยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆ จากยูเครนเกี่ยวกับความเต็มใจที่จะกลับมาเจรจาอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนรายหนึ่งระบุว่า เซเลนสกีจะพบกับประธานาธิบดีเออร์โดกันของตุรกี โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ "ดึงสหรัฐฯ กลับมามีส่วนร่วม" ในกระบวนการเจรจาสันติภาพ
เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าวว่า ยูเครนหวังว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการคว่ำบาตรและมาตรการอื่นๆ เพื่อกดดันรัสเซียให้กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา
ส่วนเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกรายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมการประชุมก็ระบุว่า สตีเวน วิตคอฟ แม้ไม่ได้เป็นทูตสหรัฐฯ โดยตรง
แต่เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และที่ปรึกษาที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ทูตพิเศษของโดนัลด์ ทรัมป์ ในตะวันออกกลาง และเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับทรัมป์ในช่วงการบริหาร ก็จะเข้าร่วมในการเจรจาครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
