10 ส.ค. เวลา 14:03 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

ปูตินจะมาเยือน ตู้เย็นซิวาร์ด (Siward's refrigerator)? ของทรัมป์.

เมื่อรัสเซียและยูเครนหยุดยิง ลองเดาดูว่าการต่อสู้จะเริ่มขึ้นที่ไหน และทำไมปูตินและทรัมป์จึงพบกันที่อลาสก้า? แล้วอเมริกาจะจับกุมปูตินหรือไม่?
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ว่า
เขาจะพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียที่อลาสกาในวันที่ 15 สิงหาคม และทางฝ่ายรัสเซียก็ได้ยืนยันข่าวนี้ในภายหลัง
1
สำหรับการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
แทนที่จะเป็นประเทศที่สามตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
1
ผู้นำสหรัฐอเมริกาและรัสเซียได้เลือกอลาสกา ที่ในอดีตเคยเป็นอาณานิคมของรัสเซีย ซึ่งต่อมาถูกซื้อโดยสหรัฐอเมริกา
นี่คือ ดินแดนที่สหรัฐอเมริกาค้าขายกับ(จาก)รัสเซีย แล้วววว...อะไรคือเหตุผลเบื้องหลังของเรื่องนี้?
ทั้งหมดผมขอเริ่มในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 นักสำรวจชาวรัสเซีย วิทัส เบริง ที่ถูกส่งโดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชเพื่อสำรวจชายฝั่งอลาสกา
เช็คที่สหรัฐฯ เขียนเพื่อซื้ออลาสก้า
การสำรวจของเบริงถือเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งหมดในการตรวจสอบผืนดินอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา
ในการสำรวจการตั้งอาณานิคมอย่างเป็นทางการของรัสเซียในภูมิภาคนี้
ซึ่งชาวอาณานิคมรัสเซียได้ตั้งสถานีการค้าในอะแลสกา โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขายขนนากทะเล
1
และช่างเหมาะเจาะเสียจริงๆ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 รัสเซียซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงินและปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์
ได้ตัดสินใจขายอะแลสกา ไม่รอช้าสิครับในปี ค.ศ. 1867 วิลเลียม ซิวาร์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
1
จึงได้ลงนามในสนธิสัญญากับนิกิตา สต็อกเกอร์ รัฐมนตรีรัสเซียประจำสหรัฐอเมริกา
โดยสหรัฐฯ ได้ซื้อดินแดนอะแลสกา 1.52 ล้านตารางกิโลเมตรในราคา 7.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จนถึงปัจจุบัน อะแลสกายังคงเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยครอบคลุมพื้นที่ 20% ของประเทศ
ข้อตกลงนี้ถูกเยาะเย้ยจากสาธารณชนชาวอเมริกันในตอนแรกว่าเป็น "ความโง่เขลาของซิวาร์ด" หรือ "ตู้เย็นของซิวาร์ด" ซึ่งต่างมองว่าดินแดนดังกล่าวไร้ค่า
1
ว่ากันว่ารัสเซียได้จัดการขายอลาสก้าให้กับอเมริกาในราคา 7,200,000 ดอลลาร์ไป
ในตอนนั้นทางรัสเซียคงเห็นว่าอลาสก้าแห่งนี้จะทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติได้
มาถึงตอนนี้รัสเซียคงเสียดายที่นี่มากๆ เพราะอลาสก้าเป็นพื้นที่ที่ถูกค้นพบทั้งทองคำ แร่ธาตุต่างๆ ป่าไม้ สัตว์ป่า จะซื้อคืนก็คงไม่ทันแล้ว
1
และอลาสก้าอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือจึงทำให้อากาศเย็นตลอดทั้งปี
อย่างไรก็ตาม การตื่นทองคลอนไดค์ในปี ค.ศ. 1896 และการค้นพบน้ำมัน มันได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าเชิงยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจของอลาสก้า
1
ในวันเดียวกับที่ทรัมป์ประกาศการประชุมที่อลาสกาในวันที่ 8 เขายังกล่าวถึงการค้าดินแดนระหว่างหารือแผนสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนด้วยว่า
"จะต้องมีการแลกเปลี่ยนดินแดนบ้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย"
1
ฮั่นแน่ๆๆๆ .....
2
งานนี้นักวิเคราะห์สื่อต่างประเทศบางคนเชื่อว่าการเลือกอลาสกาเป็นสถานที่จัดการประชุมอาจบ่งชี้ถึงศักยภาพในการร่วมมือกันระหว่างทั้งสองฝ่าย
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ซับซ้อน อลาสกาเป็นรัฐที่สหรัฐฯ ใกล้รัสเซียมากที่สุดในทางภูมิศาสตร์ เชื่อมต่อกันด้วยช่องแคบเบริง
ซึ่งจุดที่แคบที่สุดมีความยาวเพียงประมาณ 88 กิโลเมตร
สำนักข่าว TASS ของรัสเซียรายงานเมื่อวันที่ 9 ว่า อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของรัสเซียและสหรัฐฯ มาบรรจบกันที่อลาสกาและอาร์กติก
แม้ว่าอลาสกาจะเป็นดินแดนของสหรัฐฯ
แต่ทำเลที่ตั้งอันห่างไกลของอลาสกาสามารถปลุกความทรงจำทางประวัติศาสตร์และลดความอ่อนไหวทางการเมืองได้
ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนหน้านี้ เขาและปูตินได้พบปะกันแบบตัวต่อตัวในปี 2017, 2018 และ 2019
1
โดยการประชุมที่อลาสกาถือเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบหกปี
1
แล้วหลังการประชุมที่อลาสกา การประชุมครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ไหน และใครจะเป็นผู้ถูกเชิญไป?
นักวิเคราะห์ชี้ว่าในการตัดสินใจของทำเนียบขาว น่าจะจัดการประชุม(ครั้งแรก)ขึ้นในสหรัฐอเมริกา
นี้อาจเป็นการแสดงถึงอิทธิพลของสหรัฐฯ โดยใช้อลาสกาเป็นเวทีในการแสดงทั้งความแข็งแกร่งและความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
แต่ในความเป็นจริง ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่ได้เกี่ยวข้องกับแค่สหรัฐฯ และรัสเซียเท่านั้น
ดังนั้น ทั้งสองประเทศยังได้เปิดเผยแผนการของตนเองเกี่ยวกับสถานที่ บุคคล และเนื้อหาของการเจรจาครั้งต่อไปอีกด้วย
และทั้งหมดสรุปกันจนได้... เพราะเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่าหลังการประชุมที่อลาสกา
การประชุมครั้งต่อไประหว่างปูตินและทรัมป์จะเกิดขึ้นภายในรัสเซีย
1
ซึ่งรัสเซียได้ส่งคำเชิญไปยังสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้แจ้งต่อผู้นำยุโรปทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 6 ว่าเขาวางแผนที่จะพบกับปูตินก่อน
จากนั้นจึงจะพบกับปูตินและเซเลนสกี
ดังนั้นการประชุมครั้งนี้จะจำกัดเฉพาะผู้นำของสหรัฐฯ รัสเซีย และยูเครนเท่านั้น และจะไม่รวมตัวแทนจากประเทศในยุโรปใดๆ
ในทางกลับกัน ยูเครนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของยุโรปอย่างมาก
ในการกล่าวสุนทรพจน์ทางวิดีโอเมื่อวันที่ 7 เซเลนสกีกล่าวว่า
จุดยืนของยุโรปมีความสำคัญอย่างยิ่ง และยูเครนได้หารือและประชุมกับผู้นำยุโรปเกี่ยวกับจุดยืนของตนแล้ว และได้บรรลุฉันทามติกันแล้วด้วย
จะเห็นได้ว่า....ในงานเลี้ยงอาหารค่ำระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ยูเครนจึงจัดอยู่ในเมนู และยุโรปคือพนักงานเสิร์ฟในงานเลี้ยงก็เท่านี้น.....
1
โฆษณา