13 ส.ค. เวลา 05:46 • การศึกษา

"กัญชา" : ความก้าวหน้า/หรือล้าหลัง

เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีหลากหลายแง่มุมมากครับ, การจะมองว่าดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับว่าเรามองจากมุมไหน
กัญชาเปรียบเสมือนเหรียญสองด้านที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขอสรุปความคิดเห็นในแต่ละด้านเพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น ดังนี้ครับ
ประโยชน์ทางการแพทย์:
นี่คือข้อดีที่ชัดเจนที่สุดและมีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก กัญชาสามารถใช้เพื่อ
1) ลดอาการปวดเรื้อรัง: โดยเฉพาะอาการปวดที่เกิดจากโรคบางชนิด เช่น มะเร็ง หรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
2) ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน: สำหรับผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัด
3) รักษาโรคลมชัก: โดยเฉพาะในเด็กบางกลุ่มที่ดื้อต่อยาแผนปัจจุบัน
4) เพิ่มความอยากอาหาร: ในผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ป่วย AIDS
5) ช่วยเรื่องการนอนหลับ: สำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ
สารออกฤทธิ์ในกัญชา:
* CBD (Cannabidiol) คือสารสำคัญซึ่งไม่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท
* THC (Tetrahydrocannabinol) สารที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท แต่ก็มีคุณสมบัติทางการแพทย์เช่นกัน
ศักยภาพทางเศรษฐกิจ:
— พืชเศรษฐกิจใหม่: สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการได้มหาศาล
— อุตสาหกรรมต่อเนื่อง: ก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงกัญชา (Cannabis Tourism)
— การสร้างงาน: เกิดการจ้างงานในทุกภาคส่วนตั้งแต่การปลูก การสกัด ไปจนถึงการตลาดและการขาย
สิทธิส่วนบุคคลและสันทนาการ:
ผู้ที่สนับสนุนมองว่า ผู้ใหญ่ควรมีสิทธิในการตัดสินใจเลือกใช้สารที่ส่งผลต่อร่างกายของตนเองได้ ตราบใดที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น(คล้ายกับกรณีของสุราและบุหรี่)
ด้านลบ/ข้อกังวล(The Cons)
ความเสี่ยงต่อสุขภาพ:
* ผลกระทบต่อสมอง: การใช้กัญชาใน เด็กและเยาวชน (อายุต่ำกว่า 20-25 ปี) มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่ อาจส่งผลกระทบถาวรต่อความจำ การเรียนรู้ และระดับสติปัญญา (IQ)
* สุขภาพจิต: ในผู้ใช้บางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มอยู่แล้ว อาจกระตุ้นให้เกิดอาการทางจิต เช่น โรคจิตเภท (Schizophrenia) วิตกกังวล หรือซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะการใช้กัญชาที่มีค่า THC สูงๆ
* การเสพติด: แม้จะเสพติดได้ยากกว่าสารเสพติดบางชนิด แต่กัญชาก็สามารถทำให้เกิดการเสพติดได้ (Cannabis Use Disorder)
ข้อบ่งชี้จากการสูบ: การสูบกัญชาก็เหมือนการสูบบุหรี่ คือก่อให้เกิดสารที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและปอด
ผลกระทบทางสังคมและความปลอดภัย:
* อุบัติเหตุบนท้องถนน: การใช้กัญชาทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
* การควบคุมที่หละหลวม: หากไม่มีกฎหมายควบคุมที่รัดกุม อาจทำให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย และเกิดปัญหาการใช้ในทางที่ผิดอย่างแพร่หลาย
* ปัญหาสาธารณะ: เช่น กลิ่นควันรบกวนในที่สาธารณะ หรือการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ
สถานการณ์ในประเทศไทย:
หลังจากการปลดล็อกกัญชาในปี 2565 ประเทศไทยเผชิญกับภาวะ "สุญญากาศทางกฎหมาย" คือการปลดล็อกโดยที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมที่ครอบคลุมออกมารองรับ ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย เช่น
* การใช้เพื่อสันทนาการอย่างแพร่หลาย โดยไม่มีการควบคุมอายุ หรือสถานที่ที่ชัดเจน
* เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย เนื่องจากหาซื้อได้ทั่วไป
* ความสับสนในสังคม ว่าสิ่งไหนทำได้หรือไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงมีนโยบายที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง โดยจะควบคุมให้ใช้ได้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น เพื่อลดผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้น
สรุปความคิดเห็น:
แม้กัญชามีศักยภาพสูงมากในทางการแพทย์และเศรษฐกิจ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านสุขภาพและสังคมที่น่ากังวลอย่างยิ่งเช่นกัน หัวใจสำคัญจึงอยู่ที่ "การควบคุมที่สมดุล"
การสนับสนุนให้ใช้ทางการแพทย์อย่างเต็มที่ ภายใต้การดูแลของแพทย์เป็นสิ่งที่ควรทำ
การใช้เพื่อสันทนาการ เป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันอย่างรอบคอบ หากจะอนุญาต ก็ต้องมีกฎหมายที่รัดกุมมากๆ เช่น การจำกัดอายุผู้ซื้อและผู้ใช้ การควบคุมปริมาณ THC การกำหนดโซนนิ่ง และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ดังนั้น การมองกัญชาแบบสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง(ดีเลิศไปเลย/หรือเลวร้ายไปเลย) อาจจะไม่ใช่ภาพที่สมบูรณ์นัก ความท้าทายคือสังคมจะหาวิธีดึงประโยชน์ของมันออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด ในขณะที่สามารถจัดการและควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้อย่างไรครับ.
โฆษณา