15 ส.ค. เวลา 09:30 • ประวัติศาสตร์

JA-37 Viggen, วีเก้น/วิกเค่น

#Gripen #กรีเป้น #กรีเพน
#J37Viggen #เจ37วีเก้น
ก่อนที่จะถึงกรีเป้น เราไม่อาจมองข้ามเครื่องบินรบของสวีเดนโมเดลต่อมาซึ่งเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีการบินอีกชิ้นหนึ่งของสวีเดนที่สร้างแรงกระเพื่อมต่อการออกแบบเครื่องบินรบโมเดลต่างๆ ทั่วโลกหลังจากนั้น
SAAB J-37 Viggen (เจ-37 วีเก้น) เป็นเครื่องบินรบเอนกภารกิจแบบที่นั่งเดี่ยว เครื่องยนตร์เดียว และเป็นเครื่องบินโมเดลแรกของโลกที่ติดตั้งปีกเล็ก (canard) ที่ด้านหน้าของปีกหลัก ทั้งยังเป็นเครื่องบินรบโมเดลแรกของโลกที่ติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ดิจิทัลเป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมการบินเอวิโอนิกส์ (Avionics) นั่น—หมายความว่า วีเก้นเป็นเครื่องบินรบที่ทันสมัยที่สุดในยุโรปในเวลาที่ถูกบรรจุเข้าประจำการในกองทัพอากาศสวีเดนในปี 1971
ประการแรกสุด การติดตั้งปีกเล็ก (canard) ที่ด้านหน้าของปีกหลัก (main wing) เป็นนวัตกรรมอันโดดเด่นของวีเก้นที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับการออกแบบเครื่องบินรบของประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่จำกัดแต่กับเครื่องบินปีกสามเหลี่ยมเท่านั้น
รูปแบบเครื่องบินปีกสามเหลี่ยมที่ใช้กับเครื่องบินรบอย่าง F-102 ของบริษัท Convair แห่งสหรัฐอเมริกา หรือ Mirage III ของบริษัท Dassault แห่งฝรั่งเศส รวมทั้ง J-35 Draken ของบริษัท SAAB แห่งสวีเดน ล้วนแล้วแต่พิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการความเร็วในการไต่ระดับได้ดี เครื่องบินปีกสามเหลี่ยมจึงพิสูจน์ตัวเองให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการเข้าปะทะสกัดกั้นในเวลาอันสั้น (Short Engagement) ที่ดีกว่าเครื่องบินปีกตรึงหรือปีกลู่หลังแบบธรรมดาทั่วไป (Fixed Swept Wing)
หากจะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเครื่องบินปีกสามเหลี่ยมและเครื่องบินปีกตรึงแบบธรรมดา เราจะพบว่า เครื่องบินปีกสามเหลี่ยมจะมีสมรรถนะดีในปฏิบัติการที่ความเร็วสูง แต่ปฏิบัติการที่ความเร็วต่ำได้ไม่ดีนัก ทั้งนี้เป็นเพราะลักษณะปีกสามเหลี่ยมมีพื้นที่ปีกมากซึ่งจะสร้างแรงยกปีกได้ดีเมื่อบินด้วยความเร็วสูง แต่กลับสร้างแรงยกปีกได้ไม่ดีนักเมื่อบินด้วยความเร็วต่ำ
สวีเดนต้องการเครื่องบินขับไล่สะกัดกั้น (Interceptor) เพื่อยับยั้งการบุกรุกของเครื่องบินรบหรือเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหภาพโซเวียต ซึ่งต้องไต่ระดับได้เร็วและใช้เวลาสั้นๆ ในการเข้าถึงเป้าหมายด้วยความเร็วสูง รูปแบบปีกสามเหลี่ยมจึงเหมาะสมกับความต้องการเช่นว่า แต่ปีกสามเหลี่ยมก็มีปัญหาด้านแรงยกปีกที่ต่ำเมื่อบินด้วยความเร็วต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเร็วต่ำกว่าเสียง ซึ่งส่งผลให้มีความคล่องตัว (maneuverability) ต่ำเมื่อต้องปฏิบัติการด้วยความเร็วต่ำ หรือขึ้น-ลงจากรันเวย์สั้นตามแนวคิด BAS 60
SAAB (ซาบ) แก้ปัญหานี้ด้วยการติดตั้งปีกเล็กที่ด้านหน้าของปีกหลัก เพื่อเพิ่มแรงยกหรือแรงกดอันเป็นผลให้เครื่องบินปีกสามเหลี่ยมมีความสามารถในการบินขึ้น-ลงจากทางหลวงแผ่นดินหรือถนนสาธารณะระยะสั้นได้ดี ทั้งยังมีความคล่องตัวสูงเมื่อต้องปฏิบัติการที่ความเร็วต่ำกว่าเสียง
นอกจากนี้แล้ว เครื่องบินปีกสามเหลี่ยมไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องยนตร์แรงขับสูงในการสร้างกำลังขับเพื่อไต่ระดับซึ่งเป็นการลดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ในขณะที่เครื่องบินปีกตรึงหรือปีกลู่หลังแบบปรกติ ต้องใช้เครื่องยนตร์ที่มีแรงขับสูงเพื่อสร้างกำลังขับในการไต่ระดับและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่า
อย่างไรก็ตาม การติดตั้งปีกเล็ก แม้จะช่วยเพิ่มแรงยกปีกและความคล่องตัวในการบิน แต่ก็การควบคุมมุมปะทะของปีกเล็กเพื่อสร้างแรงยกปีกให้แม่นยำตามต้องการก็ทำได้ยาก จึงต้องพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการควบคุมปีกเล็ก อันเป็นผลให้ซาบต้องสร้างนวัตกรรมอีกประการหนึ่งในการออกแบบสร้างเครื่องบินรบ นั่นคือ การติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ดิจิทัลบนวีเก้นที่ไม่ได้จำกัดไว้เพื่อควบคุมปีกเล็กเท่านั้น
ระบบคอมพิวเตอร์ดิจิทัลที่ติดตั้งบนวีเก้นยังทำหน้าที่วางแผนการเข้าปะทะต่อตีหรือโจมตี อันเป็นการเปิดยุคแรกของ “การวางแผนปฏิบัติการดิจิทัล” (Digital Mission Planning) จึงเป็นระบบคอมพิวเตอร์ดิจิทัลรุ่นแรกสุดของโลกที่ทำหน้าที่เป็นทั้งนักบินผู้ช่วย (copilot) นายทหารนำทาง (navigator) หรือแม้กระทั่งนายทหารอาวุธ (weapon officer) ที่ทำหน้าที่อำนวยการจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ เช่น ช่วยการตัดสินใจในเวลากระชั้นชิดเมื่อบินด้วยความเร็วสูงโดยประเมินความสำเร็จหรือล้มเหลวในการเข้าต่อตีหรือโจมตีแต่ละครั้ง ฯลฯ
ระบบคอมพิวเตอร์ดิจิทัลของวีเก้นที่ว่านี้ ก้าวล้ำนำยุคสมัยอย่างที่ไม่มีระบบคอมพิวเตอร์ของเครื่องบินรบโมเดลใดในโลกในเวลานั้น ทำได้ดีกว่า จนกระทั่งเครื่องบินรบ "พานาเวีย ทอร์นาโด" (Panavia Tornado) อันเป็นผลงานการออกแบบพัฒนาจากความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรและเยอรมนีเข้าประจำการในปี 1981
เราพบว่า เครื่องบินรบจากฝั่งยุโรปตะวันตกในปัจจุบัน นิยมใช้รูปแบบปีกสามเหลี่ยมพร้อมกับติดตั้งปีกเล็ก (canard) เพื่อประโยชน์ในการไต่ระดับและทำความเร็วในการเข้าปะทะสกัดกั้นในเวลาสั้น (Short Engagement) อาทิ SAAB JAS-39 Gripen ของสวีเดน, EF 2000 Eurofighter Typhoon ผลงานร่วมของสหราชอาณาจักร-เยอรมนี-อิตาลี, Dassault Rafale ของฝรั่งเศสหรือแม้แต่ Chengdu J-20, Chengdu J-10 C ของจีน
นอกจากนี้แล้ว วีเก้นยังติดตั้งเครื่องปรับทิศทางไอพ่นย้อนกลับ (Thrust Reverser) ซึ่งช่วยลดความเร็วในการร่อนลงรันเวย์ได้ง่ายแม้ในสภาพอากาศที่มีหิมะตก
กองทัพอากาศสวีเดนเริ่มโครงการศึกษาออกแบบต้นแบบของวีเก้นในปี 1952 โดยได้รับอนุมัติให้สร้างต้นแบบในเดือนธันวาคม 1962 ซึ่งเริ่มออกบินทดสอบในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1967 จากนั้นก็ได้รับอนุมัติให้เปิดสายพานการผลิตและออกบินเที่ยวแรก (maiden flight) ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1971
วีเก้นได้รับการบรรจุเข้าประจำการในกองทัพอากาศสวีเดนในเดือนกรกฎาคม 1971 และทำหน้าที่รับใช้กองทัพอากาศสวีเดนเพียงประเทศเดียวโดยไม่มีการส่งออกให้กับประเทศใดเลย เป็นเวลานานกว่า 36 ปีก่อนจะทะยอยปลดประจำการจนหมดในวันที่ 26 มิถุนายน 2007
...
มรดกตกทอดจากวีเก้นสู่กรีเป้น
มรดกจากโดรเก้น (J-35 Draken) ถึงวีเก้น (J-37 Viggen) และถ่ายทอดต่อมายังกรีเป้น (JAS-39 Gripen) มีหลายประการซึ่งทั้งหมดต่างสอดคล้องรองรับแนวคิดการจัดระบบฐานทัพอากาศแบบ BAS 60/90
คุณสมบัติดังกล่าวประกอบด้วย ความสามารถในการบินขึ้น-ลงจากถนนสาธารณะสั้นเพียง 800 เมตรใดๆ ก็ได้ที่ทำหน้าที่เป็นรันเวย์ (STOL: Short Take Off and Landng), มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงานแบบเอนกภารกิจ, ระบบเดต้าลิ้งค์แบบ TIDLS ที่พัฒนาจากระบบ STRIL 60, การบำรุงรักษาที่ง่ายและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและออกปฏิบัติการต่อชั่วโมงที่ต่ำ, ความสามารถในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์, ความสามารถในการโจมตีเป้าหมายบนทะเล, และการออกแบบที่ลดการถูกตรวจจับด้วยระบบเรด้าร์
...
ช่วงหลังสงครามเย็น (1990s-2010s): การเปลี่ยนผ่านสู่สงครามเครือข่าย
หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายในวันที่ 25 ธันวาคม 1991 ความขัดแย้งระหว่างประเทศเปลี่ยนรูปจากสงครามขนาดใหญ่มาสู่ความขัดแย้งระดับภูมิภาคและการก่อการร้าย ในช่วงเวลานี้ แม้สวีเดนจะเริ่มเข้าร่วมภารกิจนานาชาติหลายครั้ง เช่น ปฏิบัติการในลิเบีย แต่ก็ยังคงยึดมั่นกับนโยบายความเป็นกลางและการป้องกันตนเองอย่างที่เคยเป็นมา
ความเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์โลกในช่วงเวลานี้ มีส่วนในการก่อรูปของสงครามที่เน้นเครือข่าย (Network-Centric Warfare) ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเครื่องบินรบ หน่วยภาคพื้นดิน และเรือรบ ผ่านระบบเดต้าลิงค์ เป็นสำคัญ
แต่ในเวลาเดียวกัน สภาวะทางเศรษฐกิจก็มีส่วนให้แต่ละประเทศประสบกับข้อจำกัดทางด้านงบประมาณจนกลายเป็นเงื่อนไขให้ต้องลงทุนด้านการทหารที่ความยืดหยุ่นและความคุ้มค่ามากขึ้น ออกแบบเครื่องบินที่สามารถปฏิบัติภารกิจหลากหลายในงบประมาณจำกัด
เงื่อนไขต่างๆ ข้างต้น มีส่วนกำหนดให้แต่ละประเทศที่เข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารนานาชาติ ต่างต้องปรับปรุงความสามารถของเครื่องบินรบของตนให้เข้ากับมาตรฐาน NATO ทั้งยังต้องเอาตัวรอดให้ได้ในสภาพแวดล้อมสมัยใหม่ โดยหันมาพัฒนาความสามารถของเครื่องบินรบเพื่อให้ปฏิบัติงานและเอาตัวรอดในสงครามอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการถูกตรวจจับด้วยระบบเรดาร์
ด้วยฉากทัศน์นี้เองที่กรีเป้น (SAAB JAS 39 Gripen) ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นเครื่องบินเอนกภารกิจยุค 4/4.5 (4th/4.5th Generation) รองรับภารกิจอากาศสู่อากาศ (J-Jakt ขับไล่สกัดกั้น) อากาศสู่พื้น (A-Attack โจมตี) และลาดตระเวน (S-Spaning ลาดตระเวณ) โดยมีขนาดเล็ก คล่องตัวและต้นทุนต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนการบำรุงรักษาและการปฏิบัติงานต่อชั่วโมงบิน
...
ยังมีต่อ
.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา