Theory of Mind กับเด็กที่มีภาวะออทิซึมสเปกตรัม: ความเข้าใจ ความบกพร่อง และแนวทางส่งเสริม
ผมเพิ่งมากได้ยินคำว่า Theory of Mind ก็ช่วงที่เรียนปริญญาเอกด้านการศึกษาพิเศษ แม้ว่าผมจะเป็นครูการศึกษาพิเศษมาหลายปีแล้วก็ตาม สิ่งนี้กระชับมุมมองของผมให้ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะออทิซึมได้อย่างดี และเมื่อผมศึกษาเพิ่มเติมก็พบว่า Theory of Mind คือสิ่งที่สำคัญไม่จำเป็นเฉพาะกับเด็กออทิซึมฯ แต่คือสิ่งที่เราทุกคนควรจะส่งเสริมและพัฒนาทั้งมุมมองและสมองในส่วนนี้ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
Theory of Mind (ToM) คือความสามารถในการเข้าใจว่า “คนอื่นมีความคิด ความเชื่อ ความรู้ ความต้องการ” ที่อาจต่างจากของเรา และความเชื่อของเขาอาจผิดจากความเป็นจริงก็ได้ เป็นรากฐานสำคัญของการสื่อสารแบบมีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่มีคุณภาพ ในเด็กปกติ ToM เริ่มพัฒนาตั้งแต่ปีแรกของชีวิตและมีความก้าวหน้าขึ้นตามลำดับอายุ
ToM พัฒนาผ่านระยะต่าง ๆ ที่เริ่มต้นจากพฤติกรรมการมองตามสายตา หรือร่วมสนใจ (joint attention) ในช่วงขวบปีแรก เด็กวัยประมาณ 4 ขวบสามารถเข้าใจแนวคิดความเชื่อเท็จ (False belief) ได้ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพัฒนาการด้าน ToM (Baron-Cohen et al., 1985) และต่อมาสามารถเข้าใจการประชดประชัน หรือความเชื่อซ้อนซับในระดับที่เรียกว่า Second-order belief (พิจารณาผลกระทบที่ตามมาหลังจากผลลัพธ์ในลำดับแรก) ได้ในวัยประถม
ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนซ่อนขนมไว้ในกล่อง A ระหว่างที่เขาไม่อยู่มีคนย้ายไปกล่อง B เด็กที่มี ToM จะตอบว่า “เพื่อนจะไปหาใน A” เพราะ เพื่อนไม่รู้ ว่ามีการย้าย แต่ในทางกลับกันเด็กออทิซึมฯ ความสามารถนี้มักมีข้อจำกัด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเข้าใจบริบททางสังคม การตีความเจตนา และการสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น
สิ่งนี้สะท้อนข้อจำกัดด้านการมองมุมมองผู้อื่น (Perspective-taking) ซึ่งเป็นหัวใจของ Theory of Mind ข้อจำกัดนี้ส่งผลต่อความสามารถในการตีความบริบททางสังคม การเข้าใจเจตนาของผู้อื่น และการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมในชีวิตประจำวัน
เพราะอะไรเด็กออทิสติกถึงบกพร่องด้านนี้
เด็กออทิซึมฯ มักมีความสนใจทางสังคมตั้งต้นต่ำกว่าเด็กทั่วไป พฤติกรรมอย่างการสบตา การมองตามสายตาผู้อื่น หรือการร่วมสนใจในสิ่งเดียวกันเกิดขึ้นน้อย ทำให้พลาดวัตถุดิบที่เป็นฐานสำคัญในการพัฒนา Theory of Mind (ToM) ตั้งแต่ระยะแรกของชีวิต ด้านภาษาและการใช้ภาษาเชิงสังคม (Pragmatics) พบว่ามีข้อจำกัด โดยเฉพาะคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และสภาวะจิตใจ เช่น คิด รู้ เชื่อ หรือ ต้องการ ทำให้การตีความและการอธิบายความคิดของผู้อื่นเป็นไปอย่างยากลำบาก
ความผิดปกติเหล่านี้เป็นข้อจำกัดสำคัญต่อการพัฒนา Theory of Mind (ToM) และ Executive Function (EF) ของเด็กที่มีภาวะออทิซึมสเปกตรัม โดยส่งผลต่อเนื่องไปถึงความสนใจทางสังคมที่ต่ำ ความยากลำบากในการเรียนรู้ภาษาทางอารมณ์ และความไวต่อสิ่งเร้าที่มากเกินไป จนส่งผลสะสมเป็นพฤติกรรมที่แตกต่างทั้งในการเรียนรู้และการมีปฏิสัมพันธ์กับสังคม
การส่งเสริม Theory of Mind (ToM) ในเด็กออทิซึมฯ สามารถทำได้ผ่านกิจกรรมที่เรียบง่าย แต่สอดคล้องกับพัฒนาการ โดยเฉพาะกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวัน
Baron-Cohen, S., Golan, O., & Ashwin, E. (2009). Can emotion recognition be taught to children with autism spectrum conditions? Philosophical Transactions of the Royal Society B: Biological Sciences, 364(1535), 3567–3574. https://doi.org/10.1098/rstb.2009.0191
Begeer, S., Gevers, C., Clifford, P., Verhoeve, M., Kat, K., & Hoddenbach, E. (2011). Theory of Mind training in children with autism: A randomized controlled trial. Journal of Autism and Developmental Disorders, 41(8), 997–1006. https://doi.org/10.1007/s10803-010-1121-9
Golan, O., & Baron-Cohen, S. (2006). Systemizing empathy: Teaching adults with Asperger syndrome or high-functioning autism to recognize complex emotions using interactive multimedia. Development and Psychopathology, 18(2), 591–617.
Perner, J., & Wimmer, H. (1985). “John thinks that Mary thinks that...” attribution of second-order beliefs by 5- to 10-year-old children. Journal of Experimental Child Psychology, 39(3), 437–471.
Tager-Flusberg, H., & Sullivan, K. (2000). A componential view of theory of mind: Evidence from Williams syndrome.Cognition, 76(1), 59–90.
Young, L., Cushman, F., Hauser, M., & Saxe, R. (2007). The neural basis of the interaction between theory of mind and moral judgment. Proceedings of the National Academy of Sciences, 104(20), 8235–8240. https://doi.org/10.1073/pnas.0701408104