Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
14 ส.ค. เวลา 09:02 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 17 แม่นมหลี่
ไต้วี่กรีดกรายเข้าห้องมา พอเห็นเป่าวี่ก็หัวเราะว่า
“ไอ้หยา ข้ามาไม่ได้จังหวะ”
เป่าวี่รีบลุกขึ้นให้ไต้วี่นั่ง เป่าไชยิ้มว่า
“พูดได้อย่างไร”
ไต้วี่ว่า “ถ้ารู้ก่อนว่าเขามา ข้าก็คงไม่มา”
เป่าไชว่า “หมายความว่าอย่างไร”
ไต้วี่ว่า “หมายความว่า มาก็มาพร้อมกัน ไม่มาก็ไม่มาสักคน วันนี้เขามา พรุ่งนี้ข้ามา ถ้าแบ่งเวลาแบบนี้ จะมีคนมาทุกวัน ไม่เงียบเหงา และก็ไม่แออัดเกินไป พี่ไม่เข้าใจตรงไหน”
เป่าวี่เห็นไต้วี่สวมเสื้อคลุมผ้าขนสีแดงจึงถามว่า “หิมะตกแล้วหรือ”
พวกแม่บ้านที่นั่งอยู่ด้านล่างตอบแทนว่า “ลงมาได้ครึ่งวันแล้ว”
เป่าวี่ว่า “เอาเสื้อคลุมข้ามา”
ไต้วี่หัวเราะว่า “เห็นไหม พอข้ามาเขาก็จะไป”
เป่าวี่ว่า “ข้าไม่ได้บอกว่าจะไป แค่เอามาเตรียมไว้”
หลี่หม่อมอ 李嬷嬷 แม่นมของเป่าวี่จึงว่า
“หิมะตกแล้ว ท่านควรนั่งเล่นกับพี่พี่น้องน้องที่นี่ ไท่ไท่ท่านน้ากำลังจัดเตรียมเครื่องน้ำชา ข้าจะให้สาวใช้ไปเอาสื้อคลุมมา ท่านก็ให้พวกบ่าวแยกย้ายกันไปก่อน”
เป่าวี่พยักหน้า หลี่หม่อมอจึงออกมาบอกว่า “พวกเจ้าแยกย้ายกันไปก่อน”
แม่น้าเซวียสั่งจัดเตรียมน้ำชาและของว่างให้พวกเป่าวี่ เป่าวี่เอ่ยชมถึงขาห่านที่พี่สะใภัใหญ่เจิน (นางอิ๋วสื้อ) ทำให้กินหลายวันก่อนที่จวนตะวันออก แม่น้าเซวียจึงสั่งให้คนปรุงแล้วนำมาให้ชิม เป่าวี่หัวเราะว่า
“นี่ต้องแกล้มเหล้าถึงจะเหมาะ”
แม่น้าเซวียสั่งคนให้ไปนำสุราชั้นดีมา หลี่หม่อมอรีบบอกว่า “ท่านน้า สุรานั้นไม่ต้อง”
เป่าวี่หัวเราะแล้วอ้อนว่า “ท่านแม่ ข้าดื่มแค่จอกเดียว”
แม่นมหลี่ว่า “ไม่ได้ หากอยู่ต่อหน้าเหล่าไท่ไท่ หรือไท่ไท่ จะดื่มสักไหก็ยังได้ มีอยู่วันหนึ่งข้าไม่ทันเห็น มีคนพ่อแม่ไม่สั่งสอนนึกอยากเอาใจท่าน เอาเหล้าให้ดื่มไปคำหนึ่ง ทำให้ข้าถูกด่าเปิงไปสองวัน ท่านน้าไม่รู้หรอกว่าพอเหล้าเข้าปาก เขาร้ายขนาดไหน วันไหนเหล่าไท่ไท่อารมณ์ดีจึงอนุญาตให้ดื่ม วันอื่นวันไหนไหนก็ไม่อนุญาต ข้าก็ไม่อยากเดือดร้อนเปล่า”
แม่น้าเซวียยิ้มว่า “ยายเฒ่า วางใจไปดื่มส่วนของเจ้าเถิด ข้าไม่ให้เขาดื่มมากหรอก ถ้าเหล่าไท่ไท่ถาม ข้ารับผิดชอบเอง”
แล้วสั่งสาวใช้ว่า “มา พาแม่นมไปดื่มคลายหนาวสักจอก”
หลี่หม่อมอจึงยินยอมไปร่วมดื่มกับพวกพ้อง
ส่วนเป่าวี่อยู่ทางนี้ก็ว่า “ไม่ต้องอุ่นหรอก ข้าชอบดื่มเย็น”
แม่น้าเซวียว่า “อย่างนี้ไม่ได้ ดื่มเหล้าเย็น มือจะสั่นเขียนหนังสือไม่ได้”
เป่าไชยิ้มว่า “น้องเป่า เจ้าโชคดีที่มีเรื่องให้เรียนรู้ทุกวัน ไม่รู้หรือว่าธรรมชาติของเหล้านั้นมันร้อน ต้องดื่มร้อนจึงกระจายได้ไว หากดื่มเย็นจะไปจับตัวเป็นก้อนอยู่ภายใน ต้องใช้อวัยวะทั้งห้าไปอุ่นเหล้า เป็นอันตราย จากนี้ไปต้องเปลี่ยน เลิกดื่มเย็น”
เป่าวี่ฟังแล้วมีเหตุผล จึงเลิกคิดจะดื่มเย็น สั่งให้อุ่นมาให้ดื่ม
ไต้วี่ขบเม็ดแตงอยู่ จึงแอบเม้มปากยิ้ม ก็พอดีเสวี่ยเอี้ยน 雪雁 สาวใช้ของตนนำเอาเตามือถือ 小手炉 มาให้ จึงยิ้มว่า
“ใครบอกให้เจ้าเอามา ช่างใส่ใจนัก ข้าหนาวจะตายอยู่พอดี”
เสวี่ยเอี้ยนว่า “พี่จื่อเจวียน 紫鹃 กลัวคุณหนูหนาว จึงให้ข้าเอามาส่ง”
(จื่อเจวียน 紫鹃 คือ อิงเกอ 鹦哥 สาวใช้ที่แม่เฒ่าเจี่ยให้มาดูแลไต้วี่ ไต้วี่ตั้งชื่อให้ใหม่)
ไต้วี่รับมากอดไว้กับอก ยิ้มว่า
“โชคดีนะที่เจ้าฟังนาง ปกติข้าพูดกับเจ้าเหมือนเอาหูทวนลม ทำไมพอนางสั่งถึงได้ไวเหมือนพระเสาวนีย์”
เป่าวี่ฟังดูก็รู้ว่าไต้วี่พูดแดกดันตนที่ฟังเป่าไช จึงทำไม่รู้ไม่ชี้ หัวเราะคิกคักไม่ตอบโต้ เป่าไชรู้นิสัยไต้วี่จึงไม่สนใจ แม่น้าเซวียไม่รู้เรื่องด้วยยิ้มว่า
“ปกติร่างกายเจ้าอ่อนแอทนหนาวไม่ได้ มีคนใส่ใจคอยห่วงใย ไม่ดีหรอกหรือ”
ไต้วี่ยิ้มว่า “ท่านน้าไม่รู้อะไร นี่ยังดีว่าเป็นบ้านท่านน้า หากเป็นบ้านผู้อื่น มิกลายเป็นสบประมาทเขาไปหรอกหรือ หาว่าเขาไม่มีเตามือถือ ต้องให้คนไปเอามาจากบ้าน เขาไม่คิดหรอกว่าพวกสาวใช้เอาใจใส่ แต่จะว่าข้าไม่รู้จักคิดจนเป็นนิสัย”
แม่น้าเซวียว่า “เจ้าก็คิดมากไป น้าไม่ได้คิดเช่นนั้น”
ด้านเป่าวี่ ดื่มไปแล้วสามจอก หลี่หม่อมอมาห้ามอีก เป่าวี่ติดลมเสียแล้ว อีกทั้งหัวร่อต่อกระซิกกับพี่น้องสองสาวได้ที่ มีหรือจะยอมหยุดดื่ม ออดอ้อนว่า
“ท่านแม่ ข้าดื่มอีกแค่สองจอก”
หลี่หม่อมอว่า “ท่านต้องระวังตัวไว้ วันนี้นายท่านอยู่บ้าน คงมาถามเรื่องการเรียน”
เป่าวี่พอได้ฟัง เริ่มรู้สึกไม่สนุก ค่อยๆ วางจอกลง นั่งก้มหน้า
ไต้วี่รีบบอกว่า “อย่าทำให้คนอื่นหมดสนุก หากท่านน้าถามหาจริง ก็บอกว่าท่านน้าหญิงรั้งตัวไว้ ส่วนท่านแม่นี่มาดุพวกเราเพื่อให้ตัวเองสร่างเมา”
แล้วใช้ศอกสะกิดเป่าวี่ กระซิบกระซาบว่า
“อย่าไปฟังแม่เฒ่า พวกเรามาสนุกกันต่อ”
หลี่หม่อมอก็พอรู้ใจคอไต้วี่จึงว่า
“คุณหนูหลินอย่าไปยุเขา ท่านควรเตือนเขา เพราะเขาฟังท่านอยู่”
ไต้วี่ยิ้มเยาะว่า “ทำไมข้าต้องยุเขา ข้าจะไม่เตือนเขาด้วย ท่านแม่ก็เคร่งครัดเกินไป ปกติเหล่าไท่ไท่ก็ยังให้เขาดื่ม ตอนนี้ท่านน้าให้ดื่มนิดหน่อย ไม่เห็นจะเป็นไร หรือว่าท่านน้าเป็นคนนอก พวกเราไม่ควรมาที่นี่”
หลี่หม่อมอฟังแล้วทั้งกวนใจทั้งขำว่า
“จริงๆ เลย คุณหนูหลิน พูดออกมาได้อย่างไร กรีดคมกว่ามีดเสียอีก”
เป่าไชอดขำไม่ได้ เอามือหยิกแก้มไต้วี่ว่า
“จริงๆ เลย ปากยายเด็กดื้อนี่ ทั้งน่ารักน่าชัง”
แม่น้าเซวียยิ้มว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว เด็กเอ๋ย มาที่นี่ถึงจะไม่ใช่ของดีเลิศ ก็วางใจกินกันตามสบาย อย่าเก็บไปกังวล กลับจะทำให้ข้าไม่สบายใจ เกิดอะไรขึ้น ข้ารับผิดชอบเอง หรืออยู่กินอาหารเย็นด้วยกันเลย หากเมาแล้ว ก็นอนพักอยู่กับข้าที่นี่”
แล้วหันไปสั่งว่า
“ไปอุ่นเหล้าเพิ่มมาอีกหน่อย น้าหญิงดื่มเป็นเพื่อนเจ้าสองจอก แล้วกินข้าวด้วยกันเลย”
เป่าวี่ฟังแล้วครึกครื้นขึ้นมาใหม่ หลี่หม่อมอหันมากำชับพวกสาวใช้ว่า
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่คอยดูแลให้ดี ข้าจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
แล้วกระซิบกับแม่น้าเซวียว่า
“น้าไท่ไท่ อย่าให้เขาดื่มมากนัก”
จากนั้นก็กลับบ้านไป
แม้จะเหลือแม่บ้านอยู่อีกสองสามคน แต่ก็ไม่ใส่ใจห้าม พอเห็นแม่นมหลี่ไปแล้ว ต่างก็หาความสำราญกันเอง คงให้สาวใช้สองคนอยู่รับใช้เป่าวี่ซึ่งออกจะคอยตามใจเสียมากกว่า ดีที่แม่น้าเซวียให้ดื่มอีกไม่มากก็สั่งให้เก็บสุราสีย แล้วให้ทำน้ำแกงหนังไก่หน่อไม้ดองมาให้ เป่าวี่ซดไปเสียหลายชามพร้อมทั้งข้าวต้มปี้เกิง 碧粳 (ข้าวเมล็ดป้อม) อีกครึ่งชาม สองสาวเซวียหลินก็กินด้วย จากนั้นตามด้วยชาแก่ๆ อีกหลายชาม แม่น้าเซวียจึงวางใจ เสวี่ยเอี้ยนกับพวกสาวใช้ออกไปกินด้านนอกแล้วกลับเข้ามาคอยรับใช้
ไต้วี่ถามเป่าวี่ว่า “เจ้าจะกลับหรือยัง”
เป่าวี่ตาปรือว่า “ถ้าเจ้ากลับ ข้าก็กลับด้วย”
ไต้วี่จึงลุกขึ้นกล่าวว่า “พวกเรามารบกวนทั้งวัน สมควรกลับแล้ว” แล้วทั้งคู่ก็ลากลับ
สาวใช้ส่งหมวกปีกมาให้ เป่าวี่ก้มหัวลงเล็กน้อยให้ใส่ให้ สาวใช้สะบัดหมวกปีกสักหลาดสีแดงสดแล้วจะสวมให้ เป่าวี่ว่า
“พอ พอ ซื่อบื้อจริง เบาหน่อยสิ ไม่เคยเห็นคนอื่นใส่หรือไง ข้าใส่เอง”
ไต้วี่ยืนอยู่ข้างเตียงผิงว่า “มานี่ ข้าใส่ให้”
เป่าวี่รีบเดินมาหา ไต้วี่ค่อยๆ ใช้มือประคองมงกุฏครอบมวยผม นำขอบหมวกสักหลาดสวมทับเหนือแถบมอเอ๋อคาดหน้าผาก ปล่อยให้พู่สีแดงขนาดผลท้อชูออกมาพ้นขอบหมวก บรรจงจัดเสร็จ พิจารณาสักพักแล้วว่า
“ใช้ได้แล้ว สวมเสื้อคลุมสิ”
เป่าวี่รับเสื้อคลุมมาสวมเสร็จ แม่น้าเซวียว่า
“แม่นมของพวกเจ้ายังไม่มากันเลย รอสักพักสิ”
เป่าวี่ว่า “ทำไมต้องรอ มีพวกสาวใช้ติดตามก็เหมือนกัน”
แม่น้าเซวียไม่วางใจ สั่งให้แม่นมสองคนจากบ้านนางตามไปส่งสองพี่น้องจนถึงเรือนแม่เฒ่าเจี่ย
แม่เฒ่าเจี่ยยังไม่ได้ทานอาหารเย็น พอรู้ว่าทั้งสองไปบ้านแม่น้าเซวียมาก็ชอบใจ พอเห็นว่าเป่าวี่ดื่มสุรามา ก็บอกให้กลับห้องไปนอนพัก ไม่ต้องออกมาอีก ทั้งบอกให้คนคอยเฝ้ารับใช้ พอมองดูคนที่ติดตามเป่าวี่เห็นไม่ครบ จึงถามว่า
“ทำไมไม่เห็นแม่นมหลี่”
คนพวกนั้นไม่กล้าบอกตามตรงว่ากลับบ้านไปแล้ว จึงตอบว่า
“เพิ่งเข้ามาแล้วนึกได้ว่ามีธุระ จึงกลับออกไป”
เป่าวี่ซวนเซหันกลับมาว่า “นางน่ะ ยิ่งกว่าเหล่าไท่ไท่ท่านอีก ถามถึงนางทำไม ไม่มีนาง ข้าอยู่รอดได้อีกสองวัน”
พูดพลางเดินพลางจนมาถึงห้องของตน เห็นหมึกพู่กันพร้อมอยู่บนโต๊ะ ฉิงเหวิน 晴雯 เดินยิ้มมาหาว่า
“ดีจริงนะ บอกให้ข้าฝนหมึก อารมณ์ดีเขียนหนังสือได้สามตัว แล้วทิ้งพู่กันหายไปเลย ให้ข้ารอทั้งวัน รีบเขียนต่อให้หมดหมึกที่ฝนนี่เถอะ”
เป่าวี่จึงนึกขึ้นได้ ยิ้มถามว่า
“หนังสือสามตัวที่ข้าเขียนอยู่ที่ไหนล่ะ”
ฉิงเหวินยิ้มว่า “เมาแล้วจริงๆ แหละ ก่อนท่านจะข้ามไปจวนโน้น ท่านสั่งให้ข้าติดไว้เหนือประตู ข้ากลัวว่าใช้คนอื่นติดจะทำเสีย จึงต้องปีนบันไดขึ้นไปติดเอง ติดอยู่ครึ่งวันจนมือชาไปหมดแล้ว”
เป่าวี่หัวเราะว่า “ข้าลืมไป มือเจ้าเย็น ข้าช่วยกุมให้อุ่น”
แล้วยื่นมือมาจับมือฉิงเหวินจูงมายืนดูอักษรใหม่เหนือวงกบประตู
ไต้วี่มาถึง เป่าวี่ยิ้มว่า “น้องคนดี ดูทีว่าอักษรสามตัวนี้ ตัวไหนสวย เอาตามจริงอย่าหลอกกัน”
ไต้วี่เงยหน้ามองเห็นคำว่า “ศาลา หยุน แดง 绛芸轩 (เจี้ยงหยุนเซวียน)” ยิ้มแล้วประชดว่า “สวยทุกตัวเลย ทำไมถึงเขียนได้สวยอย่างนี้นะ พรุ่งนี้ช่วยเขียนป้ายให้ข้าด้วย”
เป่าวี่หัวเราะว่า “เจ้าล้อข้าอีกแล้ว”
แล้วหันมาถามฉิงเหวินว่า “พี่สีเหยิน 袭人 ไปไหน”
ฉิงเหวินบุ้ยปากไปยังเตียงผิงในห้อง เป่าวี่มองตามไป เห็นสีเหยินนอนหลับอยู่ทั้งชุด จึงหัวราะว่า
“ดีแท้ หลับแต่หัววัน”
แล้วถามฉิงเหวินว่า
“วันนี้ข้ากินอาหารเช้าที่จวนโน้น เห็นซาลาเปาฟองเต้าหู้ที่เจ้าชอบอยู่จานหนึ่ง ข้าจึงขอท่านป้าเจิน บอกนางว่าข้าจะเก็บไว้กินเย็นนี้ ขอให้นางช่วยส่งมาที่นี่ เจ้าเห็นหรือไม่”
ฉิงเหวินว่า “อย่าพูดถึงเลย ตอนที่เห็นของส่งมา ข้าก็รู้แล้วว่าของข้า ตอนกินข้าวเสร็จ ข้าก็แยกเอาไว้ แม่นมหลี่มาเห็นเข้า บอกว่า “เป่าวี่คงกินอิ่มแล้ว เอาไปให้หลานข้ากินดีกว่า” แล้วบอกให้คนเอาไปส่งที่บ้านนาง”
คุยกันอยู่นั้นเชี่ยนเสวี่ย 茜雪 ยกน้ำชามาให้ เป่าวี่ว่า
“น้องหลิน ดื่มน้ำชา”
ทุกคนต่างหัวเราะว่า “คุณหนูหลินไปตั้งนานแล้ว ให้ใครดื่ม”
เป่าวี่ดื่มน้ำชาได้ครึ่งถ้วย พลันนึกถึงน้ำชาที่ดื่มเมื่อเช้า จึงถามเชี่ยนเสวี่ยว่า
“เช้านี้ชงชาเฟิงโล่ว 枫露茶 มา ข้าก็บอกแล้วว่าชานี้ต้องชงสามสี่น้ำจึงจะมีสี แล้วนี่ยังชงของใหม่”
เชี่ยนเสวี่ยว่า “ชานั้นข้าเก็บเอาไว้แล้ว แต่ท่านยายหลี่มาถึง นางดื่มแล้วกลับไป”
เป่าวี่เหวี่ยงถ้วยชาในมือทิ้งลงบนพื้นดังเพล้งแตกละเอียด น้ำชากระเซ็นใส่กระโปรงของเชี่ยนเสวี่ย
แล้วโดดลุกขึ้นยืนถามเชี่ยนเสวี่ยว่า
“นางเป็นญาติข้างไหนของเจ้าถึงเรียกท่านยาย พวกเจ้าทำไมต้องเคารพนาง แค่นางเคยให้ข้าดื่มนมสมัยเด็กอยู่ไม่กี่วัน เลยวางตัวยิ่งกว่าญาติผู้ใหญ่ของข้า ไล่นางออกไปให้พ้นเสียสิ้นเรื่อง”
แล้วจะรีบไปฟ้องแม่เฒ่าเจี่ย
อันที่จริง สีเหยินนั้นไม่ได้หลับ แกล้งทำเป็นหลับเพื่อจะรอแกล้งเป่าวี่ พอได้ยินพูดถึงซาลาเปา นางก็ยังเฉยอยู่ พอเป่าวี่โกรธเหวี่ยงถ้วยชาทิ้ง นางก็รีบลุกขึ้นมาเตือนสติเป่าวี่
แม่เฒ่าเจี่ยได้ยินเสียงเอะอะ ก็ให้คนมาถามว่า
“เกิดอะไรขึ้น”
สีเหยินรีบตอบว่า “ข้าเทน้ำชา แล้วลื่นล้ม ถ้วยชาหลุดมือตกลงบนพื้น”
แล้วหันมาเตือนเป่าวี่ว่า
“ท่านจะไล่นางออกก็ดี พวกเราก็พร้อมจะไป มิสู้ไล่พวกเราออกเสียให้หมด ท่านจะได้ไม่ต้องทนเห็นคนไม่ดีพอมารอรับใช้”
เป่าวี่นิ่งเงียบไม่พูดจา พวกสีเหยินจึงพามาข้างเตียงผิง จัดแจงผัดชุดให้ใหม่ เป่าวี่บ่นงึมงำในลำคอฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วตาก็เริ่มปรือ สีเหยินให้เป่าวี่นอนลง ถอดหยกศักดิ์สืทธิ์ออกมาห่อด้วยผ้าไหม ยัดเอาไว้ใต้ที่นอน เพื่อจะได้ไม่เย็นคอเวลานำมาสวมในวันรุ่งขึ้น พอหัวถึงหมอนเป่าวี่ก็หลับ หลี่หม่อมอมาถึง เห็นว่าหลับแล้ว ก็ค่อยๆ ย่องกลับออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เป่าวี่ตื่นนอน มีคนมาแจ้งว่า “นายท่านหยงจวนโน้น พาฉินจงมาเยี่ยม”
เป่าวี่รีบออกมาต้อนรับแล้วพาไปคารวะแม่เฒ่าเจี่ย แม่เฒ่าเจี่ยเห็นฉินจงหน้าตาดี มีอัชฌาสัย เหมาะเป็นเพื่อนเรียนของเป่าวี่ก็ชอบใจใหญ่ ชวนให้กินอาหารและดื่มน้ำชา แล้วให้คนพามาหาหวางฮูหยินกับคนอื่นในบ้าน ทุกคนต่างพอใจอัธยาศัยของฉินจง ก่อนกลับต่างมอบของขวัญให้ โดยเฉพาะแม่เฒ่าเจี่ยมอบถุงเงิน 荷包 ให้ใบหนึ่ง เทพดาวขุยทองคำ 金魁星 ให้หนึ่งองค์ สื่อความหมายถึง ให้สำเร็จผลในการเรียน 文星和合
(ดาวขุยเป็นดาวการศึกษา)
แม่เฒ่ายังบอกฉินจงว่า “บ้านเจ้าอยู่ไกล ร้อนหนาวอาจไม่สะดวกมาเข้าเรียน ย้ายมาอยู่เสียที่นี่กับอารองเป่า 宝二叔 ของเจ้า จะได้ไม่ต้องไปสุงสิงกับพวกเด็กเกเร”
ฉินจงรับคำ กลับมาถึงบ้านก็แจ้งความแก่บิดา
บิดาของฉินจงคือ ฉินปังเย่ 秦邦业 ปัจจุบันรับราชการตำแหน่งหยิงส้างซือหลางจง 营缮司郎中 ดูแลงานโยธาในพระราชวัง อายุย่างเจ็ดสิบปีแล้ว ภรรยาหลวงเสียไปตั้งแต่เมื่ออายุย่างห้าสิบยังไม่มีบุตร จึงไปขอรับเด็กชายหญิงคู่หนึ่งจากสถานรับเลี้ยงเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เด็กชายตายไปก่อน เหลือแต่เด็กหญิง ชื่อเล่นว่า เข่อชิง 可卿 ชื่อจริงว่า เจียนเหม่ย 兼美 โตเป็นสาวหน้าตาหมดจดงดงาม กิริยาอ่อนหวาน อาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับตระกูลเจี่ย จึงแต่งนางมาเป็นสะใภ้ (ก็คือนางฉินสื้อภรรยาเจี่ยหยง 贾蓉)
ฉินปังเย่มีบุตรเมื่ออายุห้าสิบสามปีคือ ฉินจง 秦钟 ปัจจุบันอายุสิบสองปี ปีกลายครูประจำบ้านลากลับไปทางใต้ จึงต้องทบทวนบทเรียนอยู่กับบ้าน ฉินปังเย่คิดว่าจะมาปรึกษาทางสกุลเจี่ยว่าจะส่งฉินจงมาเข้าโรงเรียนของครอบครัว ก็พอดีสบโอกาสมาพบเป่าวี่เข้า อีกทั้งรู้มาว่าบัณฑิตเฒ่าเจี่ยไต้หยู 贾代儒 ครูผู้สอนในโรงเรียนของครอบครัวเป็นผู้มีชื่อเป็นที่นับหน้าถือตา ฉินจงมาเข้าเรียนครั้งนี้ นับเป็นคุณ จะได้มีลู่ทางสร้างอนาคต จึงพอใจเป็นอย่างมาก
ปัญหามีเพียงว่า ตนเป็นข้าราชการเบี้ยหวัดน้อย อีกฝ่ายร่ำรวยสูงศักดิ์ จะให้น้อยไปคงไม่ได้ เพื่ออนาคตของบุตร จึงรวบรวมทรัพย์สมบัติได้ยี่สิบสี่ตำลึงเป็นของขวัญแรกพบ พาฉินจงมาเยี่ยมคารวะเจี่ยไต้หยู แล้วก็รอเป่าวี่เลือกวันที่จะไปเข้าเรียนด้วยกัน แต่ไม่วายจะเกิดเรื่องขึ้นในโรงเรียน
(จบบทที่แปด)
ตอนก่อนหน้า : ทองเคียงหยก
https://www.blockdit.com/posts/6899b8b3779cfc751d090bd7
ตอนถัดไป : เข้าโรงเรียน
https://www.blockdit.com/posts/68a2f85a019673fcb414e92c
บันทึก
2
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย