Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
18 ส.ค. เวลา 09:54 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 18 เข้าโรงเรียน
早知日后闲争气,岂肯今朝错读书!
หากรู้ก่อนวันหน้ามีเรื่องทุ่มเถียง
ก็คงเลี่ยงเข้าเรียนเสียวันนี้
ฉินปังเย่พ่อลูกรอจดหมายนัดเข้าเรียนจากบ้านสกุลเจี่ย เป่าวี่นั้นร้อนใจอยากพบฉินจงโดยไว จึงกำหนดวันเข้าเรียนเป็นวันมะรืน แล้วให้คนส่งจดหมายมา
ถึงวันนัด เป่าวี่ตื่นขึ้นมา สีเหยินจัดเตรียมเครื่องเขียนแบบเรียนไว้ให้ แล้วมานั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ขอบเตียง พอเห็นเป่าวี่ตื่นก็ช่วยล้างหน้าหวีผมให้ เป่าวี่เห็นนางทำหน้าเศร้าจึงถามว่า
“พี่สาวคนดี ทำไมหน้าตาไม่เป็นสุข หรือกลัวว่าข้าไปโรงเรียนแล้วจะทอดทิ้งพวกท่านไม่แยแส”
สีเหยินยิ้มว่า “พูดอะไรอย่างนั้น การเรียนเป็นเรื่องดี มิเช่นนั้นก็เสียเวลาเปล่าทั้งชีวิต สุดท้ายจะเป็นเช่นไร แต่ทว่า เวลาเรียนก็ต้องคิดถึงแต่การเรียน เลิกเรียนแล้วจึงคิดถึงบ้าน อย่าเอาเวลาไปเล่นซุกซนกับพวกเด็กอื่นเขา หากนายท่านรู้เข้าคงไม่ใช่เรื่องสนุก แม้จะกล่าวกันว่าต้องทุ่มเทเพื่อความเป็นเลิศ แต่ก็ไม่ควรหักโหมจนเกินไปนัก หนึ่งก็เพราะอาหารหากกินมากไปมักไม่ย่อย สองก็เพราะการรักษาสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ นี่เป็นความเห็นของข้า ท่านควรใส่ใจบ้าง”
สีเหยินพูดคำ เป่าวี่ตอบรับคำ สีเหยินกล่าวต่อว่า
“เสื้อขนสัตว์ตัวใหญ่ของท่านข้าเตรียมไว้แล้ว ให้บ่าวช่วยถือไป หากในห้องเรียนหนาวไป ก็นำมาใส่ทับเองด้วย ไม่เหมือนอยู่บ้านหรอกนะ ที่จะมีคนคอยดูแล เตามือเตาเท้า ข้าก็เตรียมไปให้แล้ว ต้องบอกพวกขี้คร้านให้จุดให้ด้วย ถ้าไม่บอกพวกนั้นคงเอาแต่เล่น ปล่อยให้ท่านหนาวตาย”
เป่าวี่ว่า “เจ้าวางใจ ข้าจัดการเอง พวกเจ้าก็อย่านั่งเหงาตายอยู่ที่นี่ ไปอยู่เป็นเพื่อนน้องหลินสนุกกว่า”
เป่าวี่แต่งตัวเรียบร้อย สีเหยินก็เร่งให้ไปลาแม่เฒ่าเจี่ย เจี่ยเจิ้งและหวางฮูหยิน เป่าวี่สั่งฉิงเหวิน 睛雯 เส้อเยว่ 麝月 สองสามคำ แล้วมาคารวะแม่เฒ่าเจี่ย หวางฮูหยิน และท้ายสุด เจี่ยเจิ้งที่ห้องหนังสือ
เจี่ยเจิ้ง 贾政 กำลังนั่งสนทนากับพวกแขกอุปถัมภ์ 清客 พอเห็นเป่าวี่มาคารวะอวยพรแจ้งว่าจะไปเข้าเรียน เจี่ยเจิ้งยิ้มเยาะว่า
“เจ้าเรียกว่า “เข้าเรียน” ข้าฟังแล้วอายแทน ข้าว่า เจ้าอยากไปเล่นที่ไหนก็ไป อย่ามายืนให้พื้นนี่สกปรก พิงประตูนี่ให้เลอะเทอะ”
พวกแขกอุปถัมภ์ลุกขึ้นยืน ยิ้มว่า
“ท่านผู้อาวุโสไยต้องกล่าวเช่นนี้ คุณชายไปเข้าเรียนวันนี้ อีกสองสามปีสำเร็จการศึกษาจบมาสร้างชื่อเสียง หาได้เป็นเด็กน้อยดังเดิมอีกต่อไป วันนี้ก็ใกล้เวลาอาหารเช้าแล้ว คุณชายรีบไปเข้าเรียนเถิด”
แล้วคนสูงอายุหน่อยสองคนก็จูงมือเป่าวี่ออกจากห้องไป
เจี่ยเจิ้งเอ่ยถามว่า “ใครไปกับเป่าวี่”
มีเสียงขานตอบจากด้านนอก ชายหนุ่มสี่คนเดินเข้าห้องมาคุกเข่าข้างเดียว 打千儿 คารวะ
เจี่ยเจิ้งจำได้ว่าคนหนึ่งคือ บุตรชายแม่นมของเป่าวี่ชื่อ หลี่กุ้ย 李贵 จึงถามว่า
“พวกเจ้าวันวันไปเรียนเป็นเพื่อนเขา เห็นเขาเรียนตำราอะไร เรียนอะไรเหลวไหลไร้สาระเติมใส่หัวบ้าง รอข้าว่างสักหน่อย จะถลกหนังเจ้าก่อน แล้วค่อยคิดบัญชีเจ้าเด็กไม่รักดี”
หลี่กุ้ยตกใจ คุกสองเข่า ถอดหมวกโขกศีรษะกับพื้นขานตอบว่า “ขอรับ”
แล้วเรียนว่า “คุณชายกำลังเรียน 《ซือจิง 诗经 (ตำรากลอน)》เล่มที่สาม ถึงบทอะไรที่ว่า “เสียงกวางร้องบอก ใบบัวจอกแหน” ผู้น้อยหาได้โกหก”
คนทั้งห้องฟังหลี่กุ้ยอ้างบทกวีผิดผิดถูกถูก ต่างพากันหัวเราะ
เจี่ยเจิ้งก็อดหัวเราะไม่ได้ว่า “ถึงเรียน《ซือจิง》ไปอีกสามสิบเล่ม ก็คงได้เพียง “อุดหูลักกระพรวน 掩耳盗铃” ให้เป็นที่ขบขัน เจ้าไปเรียนท่านอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนว่า ข้าบอกว่า ซือจิง ตำราเก่า ไม่เอาทั้งนั้น ให้สอน 《ตำราสี่ 四书(สื้อซู)》ให้คล่องท่องได้จากหน้าถึงหลังเป็นสำคัญ”
หลี่กุ้ยขานตอบ “ขอรับ” พอเห็นเจี่ยเจิ้งไม่สั่งการอะไรต่อ ก็รีบออกมาจากห้อง
เป่าวี่ยืนสงบปากคำรอตามลำพังอยู่นอกลาน รอพวกหลี่กุ้ยออกมาจะได้ไปด้วยกัน พวกหลี่กุ้ยปัดฝุ่นออกจากเสื้อพร้อมกล่าวว่า
“คุณชายคงได้ยินแล้ว จะถลกหนังพวกข้าก่อน บ่าวคนอื่นเขาได้หน้าจากเจ้านาย บ่าวอย่างพวกข้ากลับถูกทุบตีด่าว่าเสียเวลาเปล่า จากนี้ไปก็เห็นใจพวกข้าบ้าง”
เป่าวี่ยิ้มว่า “พี่คนดี อย่าน้อยใจเลย พรุ่งนี้ข้าขอเลี้ยงท่าน”
หลี่กุ้ยว่า “บรรพชนน้อย ใครกล้าขอให้เลี้ยง แค่ขอให้ฟังข้าสักคำสองคำ”
พอมาถึงเรือนแม่เฒ่าเจี่ย ก็เห็นว่าฉินจงมาถึงแล้วกำลังฟังแม่เฒ่าเจี่ยบอกอะไรอยู่ ทั้งสองจึงคารวะอำลาแม่เฒ่า
เป่าวี่นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้บอกลาไต้วี่ จึงรีบมาที่ห้องเห็นไต้วี่กำลังส่องกระจกแต่งตัวอยู่ริมหน้าต่าง ไต้วี่ฟังว่าเป่าวี่มาลาไปเข้าเรียน จึงยิ้มว่า
“ดี ไปเที่ยวนี้ ขอให้ “หักกิ่งอบเชยจากตำหนักจันทร์ 蟾宫折桂” สำเร็จ ข้าไม่ไปส่งนะ”
(หักกิ่งอบเชย 折桂 หมายถึงสอบไล่ได้ ; ตำนานว่าบนดวงจันทร์มีต้นอบเชย จึงนำสองเรื่องมาโยงความกัน)
เป่าวี่ว่า “น้องคนดี รอข้าเลิกเรียนกลับมาค่อยกินข้าวเย็น รอข้ากลับมาค่อยแต่งหน้าใหม่”
พร่ำเพ้ออีกครึ่งวัน จึงยอมไปโรงเรียน ไต้วี่กลับเรียกให้หยุดอีกแล้วถามว่า
“ไม่ไปลาพี่เป่า (เป่าไช) ด้วยเล่า”
เป่าวี่ยิ้มไม่ตอบ แล้วไปโรงเรียนกับฉินจง
โรงเรียนอยู่ไม่ไกลนัก บรรพชนก่อตั้งเอาไว้ให้ลูกหลานที่ขาดปัจจัยหาครูส่วนตัว ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน คนในตระกูลที่รับราชการจะจ่ายเงินสมทบช่วยค่าใช้จ่ายและค่าจ้างครูผู้สอน เป่าวี่ ฉินจง ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมชั้นแล้วก็เริ่มทำการศึกษา ทั้งสองมาด้วยกันกลับด้วยกัน นั่งด้วยกันเรียนด้วยกัน ยิ่งเพิ่มความสนิทสนม กระทั่งแม่เฒ่าเจี่ยก็เอ็นดูฉินจงเหมือนดังหลานของตน มักรั้งให้อยู่ด้วยสามถึงห้าวัน ฐานะทางบ้านของฉินจงไม่ดีนัก ก็มักจัดหาเสื้อผ้าและของใช้ให้
เพียงเดือนกว่าสองเดือน ฉินจงก็เป็นที่รู้จักคุ้นเคยทั่วจวนหยง เป่าวี่เป็นคนที่ไม่รู้จักรักษากฎระเบียบ มักทำอะไรตามแต่ใจ ก็ออกลายบอกฉินจงว่า
“พวกเราสองคน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน หนังสือก็เรียนด้วยกัน วันหลังไม่ต้องเรียกกันว่าอาหลาน เรียกว่าพี่น้องก็แล้วกัน”
ฉินจงไม่กล้าแต่เป่าวี่ไม่ยอม เรียกว่าพี่น้อง อีกทั้งเรียกฉินจงด้วยชื่อรองว่า จิงชิง 鲸卿 ฉินจงจึงต้องเออออตามเป่าวี่ไปด้วย
ผู้เข้าเรียนในโรงเรียนของครอบครัวแม้จะมีเพียงลูกหลานของคนในตระกูลและเครือญาติ ภาษิตว่า
“一龙九种 种种各别
มังกรมีเก้าสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์แตกต่างกัน”
พอมากคน ก็ปนเปไปทั้งงูและมังกร ย่อมมีพวกชั้นต่ำปะปนอยู่
ฉินจง และเป่าวี่ เปรียบเหมือนดอกไม้สองดอกงามกลางสวน ฉินจงอ่อนโยนขี้อาย ไม่ทันเอ่ยปากหน้าแดงก่อน ขวยเขินเหมือนเด็กสาว เป่าวี่ถ่อมตนและเอาใจใส่ผู้อื่น สุภาพนอบน้อม ทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมกันยิ่ง จนเพื่อนเรียนพากันสงสัย ซุบซิบนินทาลับหลังทั้งนอกและในโรงเรียน
เซวียผาน 薛蟠 นับแต่มาอาศัยอยู่กับหวางฮูหยิน ก็รู้เรื่องโรงเรียนของครอบครัวที่มีพวกเด็กหนุ่มมาเรียนกันหลายคน ก็นึกกระสันต์ไม้ป่าเดียวกัน 龙阳之兴 หาข้ออ้างแสร้งขอมาเข้าเรียนด้วย ทว่า “จับปลาสามวัน ตากอวนสองวัน 三日打鱼,两日晒网” จ่ายค่าเล่าเรียนให้อาจารย์เจี่ยไต้หยู 贾代儒 เสียเปล่า ไม่เคยเรียนรู้สิ่งใดเป็นชิ้นอัน สนใจแต่เสาะหาพวกลักเพศ 契弟 มาสนองตัณหาตน ในโรงเรียนก็มีพวกเห็นแก่เงินทองของใช้ให้ลวงล่อสมหวังอยู่
มีนักเรียนมากรักสองคน ไม่ได้ไล่เรียงว่ามาจากญาติโกโหติกาสายไหน ชื่อจริงก็ไม่รู้ รู้แต่มีเสน่ห์เย้ายวน จึงมีฉายาเรียกขานทั้งโรงเรียนว่า “เซียงเหลียน 香怜” และ “วี่อ้าย 玉爱” คนอื่นแม้มีอกุศลจิตคิดไม่ดีต่อเด็ก 不利于孺子 ก็ไม่กล้ามาเกาะแกะ ด้วยไม่อยากตอแยเซวียผาน
ฉินจง เป่าวี่ได้พบคนทั้งสองก็อดหลงเสน่ห์ไม่ได้ แต่พอรู้ความสัมพันธ์กับเซวียผาน ก็ไม่กล้าทำอะไรไม่ยั้งคิด เซียงเหลียน วี่อ้ายก็มีความรู้สึกต่อฉินจง เป่าวี่มิต่างกัน ทั้งสี่จึงเก็บซ่อนความรู้สึกต่อกันไว้ไม่แสดงออกนอกหน้า พอเข้าเรียนแต่ละวัน จะนั่งห่างกันคนละที่ แต่หูตาทั้งแปดนั้นแอบสบประสาน เวลาพูดจาก็เลี่ยงคำสื่อความหมาย คอยระวังไม่ให้เป็นเป้าสายตา ทว่าก็มีคนดูออก คอยแลบลิ้นปลิ้นตาหลอก หรือทำกระแอมไอใส่
วันนี้ประจวบเหมาะอาจารย์ไต้หยูมีธุระกลับไปบ้าน ทิ้งต้นคำกลอนคู่เจ็ดคำไว้ให้นักเรียนแต่งต่อ พรุ่งนี้จะกลับมาตรวจ ให้หลานคนโตชื่อว่าเจี่ยยุ่ย 贾瑞 ดูแลชั้นเรียนในวันนี้ พักนี้เซวียผานก็ไม่ค่อยมาลงชื่อเข้าเรียน ฉินจงจึงได้ทีเล่นหูเล่นตากับเซียงเหลียน แล้วทำทีเป็นไปปัสสาวะ แอบไปพบกันที่ลานด้านหลัง
ฉินจงเป็นฝ่ายทักถามก่อนว่า “ผู้ใหญ่ทางบ้านคอยควบคุมการคบเพื่อนหรือไม่”
พูดไม่ทันจบ มีเสียงกระแอมไอด้านหลัง ทำเอาทั้งสองสะดุ้งรีบหันมาดู พบว่าเป็นจินหยง 金荣 เพื่อนร่วมชั้นเรียน เซียงเหลียนเป็นคนมีอารมณ์ร้อนอยู่บ้าง ทั้งโกรธทั้งอายถามว่า
“กระแอมไอทำไม ห้ามพวกเราคุยกันงั้นหรือ”
จินหยงหัวเราะว่า “พวกเจ้าคุยกันได้ ข้าไอไม่ได้งั้นหรือ ถามหน่อย มีอะไรพูดกันซึ่งหน้าไม่ได้ ต้องมาทำลับลับล่อล่อ ข้าจับได้แล้วมีอะไรจะแก้ตัว ให้ข้ามีส่วนร่วมด้วย พวกเราจะเก็บทุกอย่างเป็นความลับ ไม่พูดสักแอะ ไม่งั้น ก็ปล่อยให้ทุกคนขุดคุ้ย”
ฉินจง เซียงเหลียนร้อนตัวจนหน้าแดงถามว่า
“จับอะไรได้”
จินหยงหัวเราะว่า “ที่ข้าจับได้เป็นเรื่องจริง”
แล้วตบมือหัวเราะตะโกนว่า
“ถั่วดำเจ้าข้าเอย ไม่ซื้อไปกินหน่อยหรือ”
ฉินจง เซียงเหลียนทั้งโกรธทั้งร้อนใจ รีบกลับเข้าไปฟ้องเจี่ยยุ่ยว่า จินหยงหาเรื่องรังแก
ตอนก่อนหน้า : แม่นมหลี่
https://www.blockdit.com/posts/689da63ca2fec0801b1f7f8a
ตอนถัดไป : วิวาทในโรงเรียน
https://www.blockdit.com/posts/68a6e7804bea27541166fdfa
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย