Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 09:31 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 19 วิวาทในโรงเรียน
เจี่ยยุ่ย 贾瑞 เป็นนักฉกฉวยโอกาส อยู่โรงเรียนก็คอยจ้องแต่หาประโยชน์ใส่ตัว พวกนักเรียนรีดไถมักพาไปเลี้ยง ตอนหลังยังรับข้าวของเงินทองจากเซวียผาน พอเซวียผานก่อเรื่องใด นอกจากทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น กลับ “ช่วยโจ้วก่อกรรม 助纣为虐” เพื่อประจบเอาใจเสียด้วย
(โจ้วอ๋อง 纣王 ทรราชองค์สุดท้ายของราชวงศ์ซาง 商)
เซวียผานนั้นเหมือนจอกแหนล่องลอย เอาแน่อะไรไม่ได้ วันนี้ไปซ้าย พรุ่งนี้ย้ายขวา จินหยงที่เคยนับเป็นเพื่อนสนิท พอมาพบเซียงเหลียน วี่อ้าย ก็ไม่ใยดีจินหยง มาพักนี้ได้เพื่อนใหม่ ลืมเซียงเหลียนกับวี่อ้ายไปเสียอีก วันนี้พอเพิกเฉยเซียงเหลียนกับวี่อ้าย ก็เหมือนกับตัดตอนเจี่ยยุ่ยจากการเข้าถึงกระเป๋าเงินของเซวียผาน แทนที่จะโกรธเซวียผาน เจี่ยยุ่ยกลับโทษว่าเป็นความผิดของเซียงเหลียนกับวี่อ้าย ที่ไม่อาจช่วยเหลือตน ทั้งเจี่ยยุ่ยและจินหยงจึงต่างมีเรื่องกินแหนงแคลงใจเซียงเหลียนกับวี่อ้าย
เจี่ยยุ่ยพอเห็นฉินจง เซียงเหลียนมาฟ้องเรื่องจินหยง จึงอึกอัก แม้จะไม่กล้าก้าวร้าวต่อฉินจง แต่ก็เล่นงานเซียงเหลียนว่ามากเรื่อง และตำหนิไปอีกหลายคำ เซียงเหลียนบ่นงึมงำไม่พอใจ ฉินจงก็หน้าเสียเดินกลับไปนั่งที่
จินหยงยิ่งได้ใจใหญ่ สั่นหัวกระเดาะปากพ่นคำหยาบมาเป็นชุด วี่อ้ายได้ยิน ก็โต้เถียงข้ามโต๊ะกันขึ้นมา จินหยงตอกย้ำว่า
“เห็นอยู่ชัดๆ เมื่อกี้ว่า สองคนนี้จูบปากจับก้นกันอยู่ที่ลานด้านหลัง ตกลงว่าจะล่อกัน ชักกระบองออกมาวัดสั้นยาว ใครยาวใครฝ่อก่อน”
จินหยงพล่ามไม่หยุด ไม่สนใจว่ามีใครอยู่ด้วย จนมีคนอดรนทนไม่ได้ ผู้นั้นคือ เจี่ยเฉียง 贾蔷 ลูกหลานสายตรงของจวนหนิง บิดามารดาเสียไปตั้งแต่ยังเล็ก อยู่กับเจี่ยเจิน 贾珍 ตั้งแต่เด็กมา ขณะนี้อายุสิบหกปี เทียบกับเจี่ยหยง 贾蓉 แล้ว นับว่าหน้าตาดีกว่า ทั้งสองพี่น้องรักใคร่สนิทสนมกันยิ่ง มักเห็นอยู่ด้วยกันเสมอ
จวนหนิงมีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก ย่อมมีบ่าวไพร่จิตไม่ว่าง ขยันสร้างเรื่องนินทานาย เพื่อตัดตอนเรื่องซุบซิบนินทาให้เสื่อมเสียน่าอดสู เจี่ยเจินจึงเห็นควรให้เจี่ยเฉียงย้ายออกไปอยู่เสียนอกจวน
เจี่ยเฉียงหล่อเหลาเฉลียวฉลาด มาโรงเรียนเพียงบังหน้า ตีไก่แข่งหมาชมบุปผาเป็นงานหลัก เบื้องบนมีเจี่ยเจินพะเน้าพะนอ เบื้องล่างมีเจี่ยหยงคอยสนับสนุน คนในตระกูลจึงไม่มีใครอยากตอแยด้วย มาเห็นฉินจงถูกรังแก ย่อมไม่เพิกเฉย ครั้นจะยืดอกปกป้องความยุติธรรมเสียเอง ก็มาไตร่ตรองว่า
“พวกจินหยง เจี่ยยุ่ย ล้วนเป็นคนรู้จักของท่านอาใหญ่เซวีย 薛大叔 (เซวียผาน มีศักดิ์เป็นอา) หากข้าออกหน้า แล้วพวกเขาไปฟ้องอาเซวีย อาจบาดหมางระคายความสัมพันธ์ ครั้นจะไม่ทำอะไร เรื่องนี้ร่ำลือออกไปย่อมไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย จำต้องหาอุบายสยบข่าวลือ ทั้งไม่ให้ใครต้องเสียหน้า”
คิดได้ดังนั้น จึงแสร้งทำเป็นออกไปปัสสาวะ พอถึงด้านหลัง ก็ให้คนแอบตามตัวหมิงเอียน 茗烟 เด็กติดตามเป็นเพื่อนเรียนของเป่าวี่มาพบ แล้วเล่าเรื่องให้ฟัง
หมิงเอียนเป็นเสมือนมือขวาของเป่าวี่แต่อายุยังน้อยไม่ประสีประสาอันใดนัก พอได้ฟังเจี่ยเฉียงว่า
“จินหยงรังแกฉินจงเช่นนี้ แม้แต่เป่าวี่นายพวกเจ้ายังถูกลากไปพัวพันด้วย ไม่สั่งสอนเสียบ้าง วันหน้าจะยิ่งได้ใจ”
หมิงเอียนถึงไม่มีเรื่องก็มักคุกคามคนอยู่แล้ว พอได้ฟังทั้งได้ลูกยุจากเจี่ยเฉียง ก็รีบมาหาจินหยง ไม่เรียกว่า “นายท่านจิน” แล้ว เรียกเพียงว่า
“ไอ้แซ่จิน เจ้ามันตัวอะไร”
เจี่ยเฉียงกระทืบเท้า ทำทีจัดเสื้อผ้า ดูลาดเลาแล้วว่า “ได้การละ”
รีบมาหาเจี่ยยุ่ยแจ้งว่ามีธุระขอลากลับก่อน เจี่ยยุ่ยไม่กล้าห้าม ได้แต่ปล่อยให้ลากลับไป
ทางด้านหมิงเอียนปราดเข้าคว้าตัวจินหยงไว้ถามว่า
“พวกเราจะล่อดากกันไหม เกี่ยวอะไรกับเจ้า ไม่ได้ไปล่อของพ่อเจ้าสักหน่อย เจ้าเป็นเด็กดี มาเจอเจ้าพ่อหมิงหน่อยเป็นไร”
ทำเอาทั้งห้องตกตะลึงเป็นบ้าใบ้
เจี่ยยุ่ยรีบตวาดว่า “หมิงเอียน อย่าทะลึ่ง”
จินหยงหน้าซีดว่า “เพี้ยนแล้ว บ่าวยังบังอาจขนาดนี้ข้าพูดแต่กับนายของเจ้า”
แล้วหันมาจะเล่นงานเป่าวี่ ฉินจง แต่ยังไม่ทันลงมือ พลันมีเสียงควับดังมาจากด้านหลังศีรษะ แท่นฝนหมึกอันหนึ่งลอยมาไม่รู้ว่าใครขว้าง หล่มโครมลงยังที่นั่งของเจี่ยหลาน 贾蓝 เจี่ยจวิน 贾菌 ทั้งสองเป็นรุ่นหลานของจวนหยง เจี่ยจวินกำพร้าพ่อตั้งแต่เล็ก แม่จึงเอาใจยิ่งนัก สนิทกับเจี่ยหลานที่สุดในชั้นเรียน จึงนั่งอยู่ด้วยกัน
เจี่ยจวินแม้จะรูปร่างเล็กแต่นักเลงเกินตัว อารมณ์ร้ายไม่กลัวใคร เจี่ยจวินนั่งกับที่ จับตามองเพื่อนของจินหยงแอบช่วยจินหยงโดยขว้างแท่นหมึกใส่หมิงเอียน แต่พลาดมาหล่นโครมตรงหน้าตน ทำเอาขวดน้ำหมึกแตกกระจาย น้ำหมึกกระเซ็นเลอะหนังสือของตน เจี่ยจวินย่อมไม่อยู่เฉย ด่าออกไปว่า
“ไอ้พวกเวร จะรุมกันแล้วมัง”
แล้วก็จะคว้าแท่นหมึกมาขว้างกลับ
เจี่ยหลานรู้ความกว่า รีบกดแท่นหมึกเอาไว้แล้วเตือนว่า
“น้องชาย ไม่ใช่เรื่องของเรา”
เจี่ยจวินมีหรือจะยอม เห็นแท่นหมึกถูกกดเอาไว้ ก็เปลี่ยนเอาสองมือยกหีบหนังสือขึ้นมาเหวี่ยงออกไปแทน แต่ตัวเล็กแรงน้อย เหวี่ยงไปไม่ถึงกลับหล่นโครมลงตรงโต๊ะของเป่าวี่ ฉินจง ทำเอาหนังสือ กระดาษ พู่กัน แท่นหมึกกระเด็นเต็มโต๊ะ ทั้งยังทำให้ถ้วยชาของเป่าวี่แตกละเอียด น้ำชาไหลเลอะเทอะ
เจี่ยจวินโดดผลุงขึ้นจะโจนใส่คนขว้างแท่นหมึก จินหยงคว้าไม้ไผ่ใกล้มือได้ลำหนึ่ง แต่ห้องแคบคนเยอะ ไม้ไผ่ลำยาววาดไม่ถนัด หมิงเอียนตะโกนลั่น
“พวกเรายังไม่ลงมือกันอีก”
เด็กรับใช้ของเป่าวี่ยังมีอีกสามคน เส่าหง 扫红 ฉูเย่า 锄药 ม่อหวี่ 墨雨 ล้วนแต่เลือดร้อน ตะโกนว่า
“ลูกไม่มีแม่ ใช้อาวุธเรอะ”
ม่อหวี่คว้าไม้ยาวกั้นประตู เส่าหง ฉูเย่า ทั้งสองมีแส้ม้า กรูกันเข้ามา
เจี่ยยุ่ยรีบเข้ามาห้ามคนนั้นทีคนนี้ที แต่ไม่มีใครฟัง ชิงกันลงมือ พวกเด็กซุกซนในห้องบ้างก็แยกพวกเข้าร่วมผดุงความยุติธรรม บ้างก็หาที่ซ่อนตัว บ้างก็ขึ้นบนโต๊ะตบมือหัวเราะร่า ตะโกนยุส่งให้ตีกัน โกลาหลยกใหญ่
พวกหลี่กุ้ย 李贵 บ่าวที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะจึงรีบเข้ามาดู พอเห็นก็ตวาดห้ามแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างตอบไม่เป็นเสียงเดียวกัน คนนี้ว่าอย่าง คนนั้นว่าอย่าง หลี่กุ้ยจึงตะคอกด่าพวกหมิงเอียนทั้งสี่ชุดหนึ่งแล้วไล่ออกไปข้างนอก
ฉินจงถูกไม้ไผ่ของจินหยงหวดใส่จนหัวปูด เป่าวี่เอาชายเสื้อของตนนวดคลึงให้อยู่ เห็นหลี่กุ้ยตวาดห้ามพวกเด็กสงบลง จึงสั่งว่า
“หลี่กุ้ย เก็บหนังสือ เอาม้ามา ข้าจะกลับไปฟ้องท่านอาจารย์ใหญ่ว่าพวกเราถูกรังแก พอมาแจ้งอาจารย์ยุ่ยท่านอาจารย์ยุ่ยกลับหาว่าพวกเราเป็นฝ่ายผิด ฟังคนอื่นมาดุด่าพวกเรา ทั้งยังยุยงให้คนมาทำร้ายพวกเรา หมิงเอียนเห็นพวกเราถูกรังแก ย่อมไม่ยินยอม พวกนั้นเลยรุมตีหมิงเอียน แม้แต่ฉินจงยังถูกตีจนหัวแตก พวกเรายังจะมาเรียนที่นี่ได้อีกไหม”
หลี่กุ้ยว่า “นายน้อยอย่าใจร้อน ท่านอาจารย์ใหญ่มีธุระกลับไปบ้าน พวกเรานำเรื่องนี้ตามไปโวยวายท่านผู้อาวุโส กลับจะเป็นว่าพวกเราไร้มารยาท ตามความเห็นของข้า เกิดเรื่องที่ไหนให้จบเรื่องที่นั่น ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนท่านผู้อาวุโส
เรื่องนี้อาจารย์ยุ่ยทำไม่ถูกต้อง ท่านอาจารย์ใหญ่ไม่อยู่ ท่านก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ในโรงเรียน ทุกคนย่อมต้องอาศัยท่านตัดสิน ใครที่ทำผิด ควรตีต้องตี ควรลงโทษต้องลงโทษ ทำไมปล่อยให้เรื่องลุกลามเช่นนี้แล้วยังไม่จัดการสิ่งใด”
เจี่ยยุ่ยว่า “ข้าตะโกนบอกไป ไม่มีใครฟัง”
หลี่กุ้ยว่า “พูดตามตรงไม่กลัวว่าท่านจะไม่พอใจ ปกติท่านก็วางตัวไม่ถูกต้อง พี่น้องเหล่านี้จึงไม่ฟังท่าน หากเรื่องรู้ถึงท่านอาจารย์ใหญ่แล้ว ท่านก็แก้ตัวไม่พ้น ท่านต้องแก้ไขเรื่องนี้ให้ไว”
เป่าวี่ว่า “แก้ไขอะไร ข้าต้องร้องเรียนเรื่องนี้”
ฉินจงร้องไห้ว่า “จินหยงอยู่ที่นี่ ข้าจะกลับบ้าน”
เป่าวี่ว่า “เพราะอะไร หรือว่าคนอื่นมาได้ พวกเรามาไม่ได้ ข้าต้องฟ้องให้ทุกคนรู้ ไล่จินหยงออกไป”
แล้วหันมาถามหลี่กุ้ยว่า
“จินหยงนี่เป็นญาติจากบ้านไหน”
หลี่กุ้ยตรึกตรองสักพักแล้วตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องถาม รู้ว่าเป็นญาติข้างไหน ก็ทำลายความสัมพันธ์กันเปล่าๆ”
หมิงเอียนตอบข้ามหน้าต่างมาว่า “เขาเป็นหลาน 侄儿 คุณนายใหญ่หวง 璜大奶奶 จวนตะวันออก ถือดีว่ามีคนหนุนหลัง จึงกล้ามาข่มขู่พวกเรา คุณนายใหญ่หวงเป็นอาหญิงของเขา คอยวนเวียนมาหาคุณนายรองเหลียน 琏二奶奶 (ซีเฟิ่ง) ของพวกเรา คุกเข่าขอยืมของเอาไปจำนำ ข้าละหน่ายคนพวกนี้”
หลี่กุ้ยตวาดว่า “ไอ้หมาน้อยอวดรู้ อย่าปากพล่อย”
เป่าวี่ยิ้มเยาะว่า “ข้านึกว่าญาติข้างไหน ที่แท้หลานของซ้อหวง ข้าจะไปถามให้รู้เรื่อง”
พูดจบก็จะไป ตะโกนบอกให้หมิงเอียนเข้ามาเก็บหนังสือ
หมิงเอียนเข้ามาเก็บหนังสือ สะใจใหญ่บอกว่า
“นายท่านไม่ต้องไปเอง เดี๋ยวข้าไปหาเขา บอกว่าเหล่าไท่ไท่ต้องการพบ จ้างรถพาตัวมาให้เหล่าไท่ไท่ไต่สวน ไม่ง่ายกว่าหรือ”
หลี่กุ้ยตวาดว่า “อยากตายหรือไง กลับไปข้าต้องทุบเจ้าให้น่วม แล้วค่อยรายงานนายท่านกับไท่ไท่ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเจ้ายุยงนายน้อยเป่า ข้าหาทางให้เรื่องสงบลงกว่าครึ่ง เจ้ายังจะก่อเรื่องใหม่ เจ้าเป็นคนก่อเรื่องที่ห้องเรียนนี่ก่อน ไม่ช่วยทำให้เรื่องสงบ ยังจะหาวิ่งเข้ากองไฟ”
หมิงเอียนฟังแล้วไม่กล้าต่อล้อต่อเถียง
ทางด้านเจี่ยยุ่ยกลัวว่าหากแก้ไขเรื่องไม่เรียบร้อย ตนเองย่อมมีปัญหา จึงจำก้มหน้าขอร้องฉินจงและเป่าวี่ ทั้งสองไม่ยินยอมในตอนแรก ต่อมาเป่าวี่ว่า
“ข้าไม่ฟ้องก็ได้ แต่จินหยงต้องมาขอโทษก่อน”
จินหยงไม่ยอมในตอนแรก เจี่ยยุ่ยขอร้องแกมบังคับ หลี่กุ้ยมาช่วยพูดว่า
“เจ้าเป็นคนเริ่มเรื่อง หากไม่ทำเช่นนี้ เรื่องจะจบได้อย่างไร”
จินหยงจึงมาก้มคำนับฉินจง เป่าวี่ยังไม่พอใจว่า ต้องให้จินหยงคุกเข่าโขกศีรษะ
เจี่ยยุ่ยอยากให้เรื่องจบ จึงกระซิบปลอบจินหยงว่า
“พังเพยว่า อดกลั้นชั่วขณะ ตัดปัญหาชั่วชีวิต 忍得一时忿,终身无恼闷。”
(จบบทที่เก้า)
จินหยงถูกกดดันอย่างหนักโดยเฉพาะจากเจี่ยยุ่ย จึงจำโขกหัวคำนับ เป่าวี่จึงยอมเลิกรา
เลิกเรียนแล้วกลับถึงบ้าน จินหยงยิ่งคิดยิ่งโมโหว่า
“ฉินจงแค่มีศักดิ์เป็นน้าของเจี่ยหยง 贾蓉 ไม่ได้เป็นลูกหลานบ้านเจี่ย ฝากเข้าโรงเรียนมาเช่นเดียวกับตัวข้า อาศัยว่าสนิทกับเป่าวี่ ก็มองไม่เห็นหัวคน นี่ถ้าทำอะไรตรงไปตรงมา ก็ไม่ว่าอะไร แต่วันวันทำลับลับล่อล่อกับเป่าวี่ คงคิดว่าคนอื่นตาบอดมองไม่เห็น วันนี้ก็เล่นพิเรนทร์ต่อหน้าต่อตาข้า จนเกิดเรื่องขึ้น ข้ามีอะไรต้องกลัวเจ้า”
นางหูสื้อ 胡氏 ผู้มารดาได้ยินจินหยงบ่นงึมงำจึงว่า
“เจ้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านมาอีกแล้วสิ ข้าเหนื่อยที่จะต้องคอยอธิบายให้อาหญิงฟังแล้ว อาหญิงของเจ้าต้องหาร้อยพันข้ออ้างไปขอคุณนายรองเหลียน 琏二奶奶 จวนตะวันตก เจ้าจึงได้เข้าเรียนที่นี่ ถ้าไม่ได้เขา ฐานะทางบ้านเราจะไปมีปัญญาจ้างครูมาสอนหรือ ยิ่งกว่านั้นที่โรงเรียนก็มีของกินบริบูรณ์ เจ้าไปเรียนหนังสือสองปี ลดค่ากินอยู่ไปมากโข เหลือก็แต่ว่า เจ้ายังชอบใส่เสื้อผ้าอวดหน้าตา
ยังมีอีก เจ้าไปเรียนหนังสือที่นั่น จึงได้รู้จักนายท่านเซวีย (เซวียผาน) นายท่านเซวียช่วยพวกเราปีละเจ็ดแปดสิบตำลึงเงิน แล้วนี่เจ้ายังไปก่อเรื่องที่โรงเรียน คิดจะหาที่เรียนใหม่ ข้าจะบอกให้ ยากกว่าขึ้นสวรรค์ เจ้าช่วยอยู่เฉยๆ สักหน่อยเถอะ ไปนอนเสีย แล้วจะดีขึ้นเอง”
จินหยงกล้ำกลืนข่มอารมณ์ ไม่นานก็หลับไป เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมา ก็กลับไปเข้าเรียนตามปกติ
ตอนก่อนหน้า : เข้าโรงเรียน
https://www.blockdit.com/posts/68a2f85a019673fcb414e92c
ตอนถัดไป : ฉินสื้อป่วย
บันทึก
4
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย