25 ส.ค. เวลา 10:17 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 20 ฉินสื้อป่วย

อาหญิงของจินหยง เป็นภรรยาของเจี่ยหวง 贾璜 สมาชิกของตระกูลในรุ่นที่ใช้ชื่อเขียนนำด้านซ้ายด้วยอักษร “玉” (เช่น เจิน 珍, ยุ่ย 瑞, หวง 璜) ทว่าใช่ว่าทุกคนจะมั่งมีลาภยศเช่นจวนหนิงและจวนหยง
เจี่ยหวงสามีภรรยามีรายได้อันน้อยนิดจากกิจการที่ทำ จึงได้หมั่นมาเยี่ยมเยียนจวนหนิงและหยง ประจบเอาใจพี่เฟิ่ง 凤姐 และนางอิ๋วสื้อ 尤氏 ซึ่งทั้งสองก็มักช่วยเหลือเจือจุนให้สามารถอยู่รอดได้เป็นวันวันไป
วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ที่บ้านไม่มีกิจธุระ คุณนายใหญ่หวง 璜大奶奶 จึงพาแม่บ้านนางหนึ่งขึ้นรถมาเยี่ยมเยียนสะใภ้และหลาน ระหว่างสนทนา แม่จินหยงก็ยกเอาเรื่องที่เกิดตีกันในโรงเรียนมาเล่าให้อาหญิงฟังแต่ต้นจนจบ
คุณนายใหญ่หวงฟังแล้วโทสะกรุ่นว่า
“เจ้าฉินจงลูกไม่มีพ่อนับเป็นญาติสกุลเจี่ย แล้วหยงเอ๋อไม่ใช่ญาติสกุลเจี่ยหรืออย่างไร อย่าเห็นแก่ตัวจนเกินไป ที่ทำไปก็เรื่องงามหน้า เป่าวี่ก็ไม่ควรเข้าข้างถึงอย่างนี้ ข้าจะไปหาคุณนายใหญ่เจิน 珍大奶奶 (นางอิ๋วสื้อ) ของพวกเราที่จวนตะวันออก แล้วถามพี่สาวของฉินจง (นางฉินสื้อ) ว่าใครถูกใครผิด”
แม่จินหยงฟังแล้วร้อนใจรีบบอกว่า “ข้าก็ปากไวไปหน่อยที่บอกให้ท่านอารู้ ท่านอาอย่าไปเลย อย่าไปยุ่งเรื่องใครผิดใครถูก ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมา พวกเราคงเดือดร้อน ไหนจะต้องหาค่าครู ค่ากิน ค่าอยู่ตามมาอีก”
คุณนายใหญ่หวงว่า “ใครจะไปสนใจเรื่องนี้ รอข้าไปพูดก่อน ดูว่าจะเอาอย่างไร”
แล้วก็บอกให้แม่บ้านไปเรียกรถ ขึ้นรถไปยังจวนหนิง
พอถึงจวนหนิง รถเข้าทางประตูหัวมุมข้างตะวันออก คุณนายใหญ่หวงลงจากรถเข้าเรือนไปพบนางอิ๋วสื้อ ก็ไม่เหลือท่าทางอวดดีตีโพยตีพาย ทักทายไต่ถามทุกข์สุขอย่างสุภาพอ่อนน้อม คุยเรื่องสัพเพเหระแล้วถามว่า
“วันนี้ทำไมไม่เห็นคุณนายใหญ่หยง 蓉大奶奶 (นางฉินสื้อ)”
นางอิ๋วสื้อว่า “ช่วงนี้ไม่รู้นางเป็นอะไร ประจำเดือนไม่ได้มาสองเดือนกว่าแล้ว ให้หมอไปตรวจ ก็บอกว่าไม่มีข่าวดี สองวันก่อน พอตกบ่ายก็ขี้คร้านขยับตัวหรือพูดจา แววตาก็ขุ่นมัว ข้าจึงบอกนางว่า
“เจ้าไม่ต้องรักษาธรรมเนียมมาหาข้าทุกเช้าเย็น พักผ่อนให้หายดีเถิด หากมีญาติมาถาม ข้ารับหน้าเอง ถ้าเป็นพวกผู้ใหญ่จะตำหนิเจ้า ข้าจะช่วยพูดให้”
กับหยงเกอ 蓉哥儿 ข้าก็บอกว่า
“เจ้าอย่าให้ใครกวนใจหรือทำให้นางขุ่นเคือง ให้นางได้พักผ่อนอย่างสงบไม่กี่วันก็หายดี นางอยากกินอะไร มาเอาที่ข้า ดีร้ายนางเป็นอะไรไป จะหาภรรยาใหม่ให้ได้งามทั้งรูปลักษณ์และนิสัยใจคอ ส่องโคมหาเพียงใดคงไม่พบ”
นางเป็นคนเช่นนี้ บรรดาญาติผู้ใหญ่ถึงได้รักใคร่ สองวันนี้ ข้าจึงไม่ค่อยสบายใจไปกับนางด้วย จู่ๆ เช้านี้น้องชายนางมาหา เด็กนี่ไม่รู้กาละเทศะ เห็นอยู่ว่าพี่สาวไม่สบาย ยังเอาเรื่องที่ตัวเองถูกรังแกมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนี้เกิดเรื่องตีกันในโรงเรียน ไม่รู้ว่าเด็กฝากที่ไหนมาหาเรื่องทั้งยังพูดจาลามกหยาบคาย
อาสะใภ้ก็รู้จักนางดี เห็นนางยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นนั้น แต่นางเป็นคนคิดมาก ได้ยินอะไรก็เก็บไปตรองเสียสามถึงห้าวัน ที่ป่วยนี่ก็คงเพราะคิดมากเกินไปด้วยละมัง พอได้ฟังว่าน้องชายถูกรังแกก็ทั้งกังวลทั้งโกรธ กังวลว่าพวกเพื่อนเสเพลจะชวนกันก่อเรื่องสร้างความขัดแย้ง โกรธว่าน้องชายไม่ใส่ใจเล่าเรียน จนเกิดเรื่องวิวาทกันในห้องเรียน
เพราะเรื่องนี้ แม้แต่ข้าวเช้า นางก็ไม่ได้กิน ข้าจึงต้องไปปลอบใจนาง ทั้งยังอบรมน้องชายนางไปสองสามคำแล้วบอกให้ไปหาเป่าวี่ที่จวนโน้น ข้าดูว่านางกินรังนกไปได้สักครึ่งถ้วย จึงได้กลับ
อาสะใภ้ ท่านว่าข้าควรร้อนใจไหม ถึงตอนนี้ยังหาหมอดีไม่ได้ คิดถึงอาการของนาง ใจข้าเหมือนมีเข็มทิ่มแทงอยู่มิปาน ท่านรู้จักหมอเก่งๆ บ้างไหม”
นางจินสื้อ 金氏 ได้ฟัง ก็ขวัญผวาไปถึงเกาะชวา จำต้องลืมคำคุยโตที่บ้านพี่สะใภ้ว่าจะมาเอาเรื่องนางฉินสื้อเสียสิ้น พอนางอิ๋วสื้อถามถึงหมอเก่ง ก็รีบตอบว่า
“พวกเราก็ไม่รู้จักหมอที่เก่ง แต่ฟังอาการของคุณนายใหญ่แล้วน่าจะมีข่าวดี พี่สะใภ้อย่าได้หาหมอรักษาสุ่มสี่สุ่มห้า อาจรักษาผิด”
นางอิ๋วสื้อว่า “นั่นสินะ”
ระหว่างสนทนา เจี่ยเจินกลับเข้าบ้านมา พอเห็นนางจินสื้อ ก็ถามนางอิ๋วสื้อว่า
“นี่ใช่คุณนายใหญ่หวงไหม”
นางจินสื้อเข้ามาคารวะเจี่ยเจิน เจี่ยเจินหันไปบอกนางอิ๋วสื้อว่า
“เชิญนางอยู่กินข้าวด้วย”
แล้วเจี่ยเจินก็เดินหายเข้าห้องไป
นางจินสื้อตั้งใจจะมาต่อว่านางฉินสื้อเรื่องที่น้องชายรังแกหลานชายตน พอฟังว่านางฉินสื้อป่วย ก็ไม่กล้าพูดถึง ยิ่งเจี่ยเจินและนางอิ๋วสื้อต้อนรับขับสู้ตนดี จึงคลายความขุ่นเคืองกลายเป็นยินดี นั่งสนทนากันเรื่องสัพเพเหระสักพัก ก็ลากลับ
นางจินสื้อกลับไปแล้ว เจี่ยเจินออกมาถามนางอิ๋วสื้อว่า
“วันนี้นางมาพูดเรื่องอะไรอีก”
นางอิ๋วสื้อว่า “กลับไม่ได้พูดอะไร เมื่อตอนเข้ามาพบหน้าครั้งแรกดูเหมือนจะมีเรื่องขุ่นเคืองอยู่ คุยกันไปพักใหญ่ จนถึงเรื่องสะใภ้ไม่สบาย สีหน้านางก็ค่อยค่อยสงบลง ทั้งท่านยังเชิญนางกินข้าว พอนางฟังว่าสะใภ้ป่วย คงเห็นว่าไม่เหมาะจึงเพียงแต่นั่งสนทนาไม่กี่คำก็ลากลับ ไม่ได้ขอร้องเรื่องอันใด
พูดถึงอาการป่วยของสะใภ้ ท่านคงต้องรีบหาหมอเก่งๆ มาดูอาการนาง อย่าชักช้า หมอพวกที่เข้าออกบ้านอยู่ทั้งกลุ่มนี้ ใช้ไม่ได้สักคน แต่ละคนได้แต่ฟังเขาว่า ฟังแล้วเสริมของตัวเองเข้าไปแล้วเล่าใหม่อีกรอบ ทั้งยังขยันน่าดู แต่ละวันมากันสามสี่คนวนกันมา จับชีพจรวันละสี่ห้ารอบ คุยกันแล้วก็ออกเทียบยาใหม่ กินเท่าไรก็ไม่เห็นผล แต่ลำบากลำบนต้องคอยลุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าวันละสี่ห้าหน เพื่อมานั่งให้หมอตรวจ ไม่เป็นผลดีต่อคนป่วย”
เจี่ยเจินว่า “แต่เด็กนี่ก็เหลวไหลจริง ทำไมต้องใส่ใส่ถอดถอด เดี๋ยวถูกอากาศเย็น เป็นไข้ซ้ำไปอีก ยิ่งไปกันใหญ่ เสื้อผ้าให้ดีแค่ไหนจะมีค่าสักเท่าไร สุขภาพสำคัญกว่า ต่อให้ต้องใช้เสื้อผ้าใหม่วันละชุดจะเป็นเงินเท่าไรกัน
ข้ายังมีอีกเรื่องจะบอก เมื่อครู่เฝิงจื่ออิง 冯紫英 มาพบข้า เขาสังเกตว่าข้ามีเรื่องยุ่งยากใจ ข้าจึงบอกว่าสะใภ้ไม่สบาย หาหมอเก่งไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่วยหรือว่ามีข่าวดี ไม่รู้ว่าร้ายแรงหรือไม่ กลุ้มใจอยู่
เฝิงจื่ออิงบอกว่าในวัยเด็กเขาเคยเรียนหนังสือกับอาจารย์ท่านหนึ่งแซ่จาง 张 ชื่ออิ่วสื้อ 友士 มีความรู้ลึกล้ำ ยิ่งวิชาการแพทย์เป็นเลิศ สามารถชี้เป็นตาย ปีนี้เข้าเมืองหลวงมาบริจาคเงินแลกตำแหน่ง 捐官 ให้กับบุตรชายของท่าน ตอนนี้พักอยู่ที่บ้านของเขา โรคของสะใภ้เห็นทีจะมีทางรักษา ข้าจึงให้คนนำนามบัตรของข้าไปเชิญท่านมา เฝิงจื่ออิงก็กลับบ้านไปช่วยพูดให้ด้วย จึงน่าจะมาถึงเย็นวันนี้ หรือไม่เกินวันพรุ่งนี้ รอท่านอาจารย์จางมาตรวจอาการก็คงรู้”
นางอิ๋วสื้อได้ฟังก็ดีใจยิ่ง แล้วถามอีกเรื่องว่า “มะรืนนี้เป็นวันเกิดของไท่เหย 太爷 (เจี่ยจิ้ง) ควรจัดการอย่างไรดี”
เจี่ยเจินว่า “เมื่อกี้ ข้าไปเยี่ยมไท่เหยมา ขอเชิญท่านมารับคำอวยพรจากลูกหลาน ไท่เหยว่า “ข้าถือศีลบริสุทธิ์เคยชินแล้ว ไม่อยากไปบ้านอันวุ่นวายของพวกเจ้า หากพวกเจ้าจะอวยพรวันเกิดข้า มิสู้นำคัมภีร์ 《ยินจื้อเหวิน 阴骘文》 ที่ข้าเคยทำเชิงอรรถให้คนคัดลอกให้เรียบร้อยแล้วจัดพิมพ์ ดีกว่ามาคำนับข้าร้อยเท่า
(ยินจื้อเหวิน 阴骘文 คัมภีร์คุณธรรมในลัทธิเต๋าแต่งโดย เหวินชางตี้จวิน 文昌帝君)
วันพรุ่งนี้มะรืนนี้ ลูกหลานมากัน เจ้าก็รับรองให้ดีอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องส่งของอะไรมาให้ข้า แม้ตัวเจ้ามะรืนก็ไม่ต้องมา หากรู้สึกไม่สบายใจ ก็คำนับข้าเสียวันนี้ หากแห่กันมารบกวนข้าในวันมะรืน ข้าจะถือโทษเจ้า” ท่านบอกมาเช่นนี้ วันนี้ข้าคงไม่กล้าไปหาท่านอีก เรียกไล่เซิง 赖升 มา ให้เตรียมงานเลี้ยงสำหรับสองวัน”
นางอิ๋วสื้อจึงตามเจี่ยหยง 贾蓉 มาสั่งการว่า
“ไปบอกไล่เซิงให้จัดเตรียมงานเลี้ยงชุดใหญ่สำหรับสองวัน แล้วตัวเจ้าเองก็ไปที่จวนตะวันตกเชิญเหล่าไท่ไท่ ไท่ไท่ใหญ่ ไท่ไท่รอง พี่สะใภ้รองเหลียนมาร่วมงานที่นี่ วันนี้พ่อของเจ้าได้ข่าวว่ามีหมอดี จึงให้คนไปเชิญมา น่าจะมาถึงวันพรุ่งนี้ เจ้าก็บอกอาการของนางแก่ท่านหมออย่างละเอียด”
เจี่ยหยงรับคำแล้วกลับออกมา พบบ่าวที่ใช้ให้ไปเชิญหมอที่บ้านเฝิงจื่ออิง พอถามดู บ่าวตอบว่า
“บ่าวไปบ้านท่านเฝิงจื่ออิน นำนามบัตรของนายท่านไปเชิญท่านหมอ ท่านหมอว่า “เมื่อครู่นายท่านบ้านนี้ก็บอกข้าแล้ว แต่วันนี้ไปทำธุระมาทั้งวัน เพิ่งกลับมาถึง ไม่มีสติพอจะไปตรวจชีพจร ขอพักสักคืน พรุ่งนี้จึงค่อยไปที่จวน” ท่านหมอยังว่า “ความรู้ทางการแพทย์ตื้นเขิน เดิมมิบังควรรับคำเชื้อเชิญ แต่ด้วยว่านายท่านเฝิงได้รับคำนายท่านที่จวนไว้แล้ว จึงจำต้องไป ท่านช่วยเรียนนายท่านตามนี้ก็พอ สำหรับนามบัตรของนายท่านนั้น มิบังควรรับไว้” แล้วมอบให้บ่าวนำกลับมา นายน้อยช่วยเรียนนายใหญ่แทนบ่าวด้วย”
เจี่ยหยงนำความกลับเข้าไปแจ้งแก่เจี่ยเจินและนางอิ๋วสื้อ แล้วจึงมาบอกไล่เซิงให้เตรียมงานเลี้ยงสำหรับสองวัน ไล่เซิงรับคำไปดำเนินการ
เที่ยงวันรุ่งขึ้น ยามเฝ้าประตูมาแจ้งว่า
“ท่านหมอจางที่เชิญมา มาถึงแล้ว”
เจี่ยเจินให้เชิญมายังห้องโถงใหญ่ นั่งลงรับน้ำชาเสร็จแล้ว เจี่ยเจินก็กล่าวว่า
“เมื่อวานนายท่านเฝิงได้กรุณาชี้แนะว่าท่านอาจารย์มีความรอบรู้ ทั้งมีวิชาการแพทย์ที่ล้ำลึก ผู้น้องเลื่อมใสยิ่งนัก”
หมอจางว่า “ผู้เฒ่าเป็นเพียงผู้น้อยหยาบกระด้างความรู้ตื้นเขิน เมื่อวานนายท่านเฝิงได้กรุณาชี้แจงว่า ครอบครัวของใต้เท้าถ่อมตนให้เกียรติถามหา จึงมิอาจขัดขืน ทว่าหาได้มีความรู้อันแท้จริง รู้สึกละอายยิ่งนัก”
เจี่ยเจินว่า “ท่านอาจารย์อย่าได้ถ่อมตนเกินไป ขอเชิญท่านอาจารย์เข้าไปตรวจอาการของสะใภ้ ตัวข้าแหงนมองด้วยความคาดหวัง”
แล้วให้เจี่ยหยงพาเข้าไปในห้อง พอเห็นนางฉินสื้อ ก็ถามเจี่ยหยงว่า
“นี่คือฮูหยินของท่าน”
เจี่ยหยงว่า “ถูกต้องแล้ว ขอเชิญท่านอาจารย์นั่ง ตรวจอาการป่วยของภรรยา ดูว่าชีพจรเป็นเช่นไร”
หมอจางว่า “ตามความเห็นผู้น้อย ตรวจชีพจรก่อน แล้วค่อยไต่สวนสาเหตุของโรค แล้วให้ผู้น้อยแจกแจงอาการของโรค ก่อนออกเทียบยา ใช้ได้หรือไม่ ค่อยให้ใต้เท้าพิจารณา”
เจี่ยหยงว่า “ท่านอาจารย์ความรู้สูงส่ง เสียดายที่ได้พบสายไป ขอเชิญท่านอาจารย์ตรวจชีพจร ดูว่ารักษาได้หรือไม่ เพื่อให้ท่านพ่อท่านแม่คลายกังวล”
พวกแม่บ้านจัดแจงนำหมอนมาให้ฉินสื้ออิง และวางมือถลกแขนเสื้อเพื่อตรวจชีพจร ท่านหมอเริ่มตรวจชีพจรมือขวา ใช้สมาธิอยู่ครู่ใหญ่ก่อนย้ายมามือซ้าย พอตรวจเสร็จก็กล่าวว่า
“พวกเราออกไปนั่งคุยกันข้างนอก”
เจี่ยหยงกับอาจารย์ออกมานั่งบนเตียงผิงนอกห้อง แม่บ้านนำน้ำชามา ดื่มเสร็จ เจี่ยหยงถามว่า
“ท่านอาจารย์ตรวจชีพจรแล้วเห็นว่ารักษาได้หรือไม่”
หมอจางว่า “ชีพจรของฮูหยินนั้น นิ้วชี้ซ้าย 左寸 ลึกถี่ นิ้วกลางซ้าย 左关 ลึกซ่อน นิ้วชี้ขวา 右寸 แผ่วไร้แรง นิ้วกลางขวา 右关 ว่างไร้พลัง
ผู้ที่นิ้วชี้ซ้ายลึกถี่ ขาดพลังเกิดธาตุไฟมีไข้ ผู้ที่นิ้วกลางซ้ายลึกซ่อน ตับขาดเลือด ผู้ที่นิ้วชี้ขวาแผ่วไร้แรง ปอดมีลมไม่เพียงพอ ผู้ที่นิ้วกลางขวาว่างไร้พลัง ม้ามธาตุดินถูกตับธาตุไม้ข่ม
ผู้ที่ขาดพลังเกิดธาตุไฟมีไข้ มีอาการประจำเดือนไม่ปกติ กลางคืนนอนหลับไม่สนิท ผู้ที่ตับขาดเลือด มีอาการสีข้างปวดบวม ผู้ที่ปอดมีลมไม่เพียงพอ มักเกิดอาการวิงเวียน ยามหยินเหม่า 寅卯 จะมีเหงื่อออกซึม เหมือนนั่งอยู่ในเรือ ผู้ที่ม้ามธาตุดินถูกตับธาตุไม้ข่ม จะไม่อยากอาหาร ประสาทอ่อนเพลีย แขนขาอ่อนแรง
จากการตรวจชีพรของข้า ควรมีอาการดังที่กล่าวนี้ นี่เป็นชีพจรที่หลอกว่ามีข่าวมงคล”
แม่บ้านผู้รับใช้นางหนึ่งว่า “เป็นดังที่ท่านอาจารย์ว่า แม่นดังเทพยดา ไม่ต้องให้พวกข้าบอกอาการแล้ว หมอหลายท่านมาตรวจแล้วก็บอกสาเหตุไม่ได้ บางคนว่ามีข่าวดี บางคนว่าป่วยไข้ ท่านนี้ว่าไม่เป็นไร ท่านนี้ว่าเกรงว่าไม่พ้นหนาวนี้ ล้วนสับสนไม่ตรงกัน นายท่านช่วยขอคำชี้แนะว่าต้องทำเช่นไรด้วย”
อาจารย์ว่า “อาการของคุณนายใหญ่ หากให้ยาถูกต้องแต่แรกก็หายโดยไวแล้ว แต่เนื่องจากถ่วงเวลาไว้เนิ่นช้าจนเป็นอันตราย ตามที่ข้าเห็น ยังมีโอกาสสามส่วนที่จะรักษาได้ หลังจากกินยาของข้าแล้ว กลางคืนหลับสนิท ก็เพิ่มโอกาสรักษาหายอีกสองส่วน
จากชีพจรของนาง คุณนายใหญ่มีอารมณ์หุนหัน เฉลียวฉลาด แต่ฉลาดเกินไป มักไม่ได้ดังใจ พอไม่ได้ดังใจก็เกิดวิตกกังวล ส่งผลร้ายต่อม้ามและตับ เลือดประจำเดือนจึงมาไม่ตรงเวลา ขอถามว่าประจำเดือนของคุณนายมักมาเร็วขึ้น หรือช้าลง”
แม่บ้านว่า “ไม่ผิด ไม่เคยมาเร็วขึ้น มีแต่ช้าไปสองวันบ้างสามวันบ้าง หรือถึงสิบวันไม่แน่นอน”
อาจารย์ว่า “ใช่แล้ว นี่คือสาเหตุของโรค หากรักษาแต่แรกก็คงหายแล้ว บัดนี้ธาตุน้ำธาตุไฟผิดปกติหนัก ข้าจะลองวางยาดู”
แล้วก็เขียนเทียบยาบำรุงม้ามและตับส่งให้เจี่ยหยง เจี่ยหยงรับมาอ่านแล้วว่า
“ดียิ่งนัก ขอรบกวนถามท่านอาจารย์โรคนี้มีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่”
อาจารย์ยิ้มว่า “ท่านถามได้ดี อาการถึงขั้นนี้อาจไปได้เช้าหรือเย็น หลังจากกินยา ก็ยังขึ้นกับวาสนา ตามความเห็นผู้น้อย ฤดูหนาวนี้คงยังไม่เป็นไร หากผ่านกลางวสันต์ 春分 ไปได้ก็หายแล้ว”
เจี่ยหยงจึงไม่ถามต่อ
เจี่ยหยงส่งอาจารย์กลับไปแล้ว ก็นำเทียบยาไปหาเจี่ยเจินและนางอิ๋วสื้อ ทั้งเล่าเรื่องการจับชีพจรให้ฟัง
นางอิ๋วสื้อกล่าวกับเจี่ยเจินว่า “พวกหมอก่อนหน้าไม่เคยชี้แจงได้เช่นนี้ ยานี้คงไม่ผิด”
เจี่ยเจินว่า “ท่านไม่ใช่พวกที่หลอกหากิน เฝิงจื่ออิงสนิทกับพวกเราจึงได้แนะนำมา ใช่ว่าจะเชิญมาได้โดยง่าย โรคของสะใภ้คงรักษาได้หายแล้ว ในเทียบยามีโสม ก็เอาที่ซื้อมาวันก่อนหนึ่งชั่งไปใช้เถิด”
เจี่ยหยงออกจากห้องมา ให้คนไปจัดยาต้มให้แก่นางฉินสื้อ
(จบบทที่สิบ)
ตอนก่อนหน้า : วิวาทในโรงเรียน
ตอนถัดไป : งานวันเกิดเจี่ยจิ้ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา