28 ส.ค. เวลา 09:04 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 21 งานวันเกิดเจี่ยจิ้ง

วันนี้เป็นวันเกิดของเจี่ยจิ้ง 贾敬 เจี่ยเจินจึงให้จัดอาหารชั้นเลิศ ผลไม้หายาก บรรจุสิบหกหีบใหญ่ ให้เจี่ยหยงพาบ่าวนำไปส่งให้เจี่ยจิ้ง กำชับเจี่ยหยงว่า
“เจ้าสังเกตดูไท่เหยว่าพอใจหรือไม่ แล้วคารวะเรียนท่านว่า “ท่านพ่อเคารพคำสั่งของไท่เหย ไม่กล้ามาเอง อยู่ที่บ้านนำเหล่าญาติทำพิธีคารวะท่านแต่เช้าแล้ว” ”
เจี่ยหยงฟังจบ ก็นำบ่าวออกเดินทางไป
ทางด้านนี้ เจี่ยเหลียน 贾琏 นำเครือญาติทยอยกันมา เจี่ยเฉียง 贾蔷 ออกมาดูแลเรื่องที่นั่ง เจี่ยเหลียนถามว่า
“มีการแสดงใดหรือไม่”
บ่าวในบ้านตอบว่า “วันนี้เดิมทีนายท่านจะเชิญท่านไท่เหยมาที่บ้าน จึงไม่กล้าจัดเตรียมการแสดงใด วันก่อน พอฟังว่าไท่เหยไม่มาแล้ว จึงให้พวกบ่าวไปหาคณะนักแสดงหนึ่ง คณะดนตรีเครื่องตีหนึ่ง กำลังเตรียมตัวอยู่ที่เวทีในสวน”
ถัดไปเป็นคณะของสิงฮูหยิน 邢夫人 หวางฮูหยิน 王夫人 พี่เฟิ่ง 凤姐儿 และเป่าวี่ 宝玉 เจี่ยเจินกับนางอิ๋วสื้อรีบออกมาต้อนรับเข้าไปข้างใน มารดาของนางอิ๋วสื้อมาถึงก่อนแล้ว พบหน้ากันแล้วก็ขยับที่นั่งให้แก่กัน
เจี่ยเจิน อิ๋วสื้อยกน้ำชามาให้ ยิ้มว่า
“เหล่าไท่ไท่เป็นบรรพชน 老祖宗 บิดาของข้า(เจี่ยจิ้ง)ยังนับว่าเป็นหลาน ด้วยวัยของท่าน เดิมคิดว่าไม่สมควรจะเชิญท่านมาในวันนี้ ทว่าช่วงเวลานี้ อากาศกลับเย็นสบาย เบญจมาศทั้งสวนบานสะพรั่ง จึงได้เชิญบรรพชนมาชมให้เพลิดเพลิน อีกทั้งร่วมครึกครื้นกับเหล่าลูกหลาน มิคาดว่าบรรพชนจะมาไม่ได้จริง”
พี่เฟิ่งไม่รอให้หวางฮูหยินเอ่ยปาก กล่าวก่อนว่า
“เมื่อวานเหล่าไท่ไท่ยังบอกว่าจะมา แต่เมื่อเย็นวานเห็นน้องเป่าวี่กินลูกท้อน่าอร่อย ท่านผู้เฒ่าเกิดเปรี้ยวปากกินไปครึ่งลูก เช้านี้ยามห้าต้องลุกขึ้นมาถึงสองเที่ยว เช้านี้จึงรู้สึกอ่อนเพลีย บอกให้ข้ามาเรียนนายท่านว่า วันนี้มาไม่ได้แล้ว หากมีของอร่อยให้เผื่อไว้ให้ท่านด้วย แต่ว่าต้องเป็นของเปื่อยนุ่ม”
เจี่ยเจินได้ฟังก็หัวเราะว่า “บรรพชนชอบความครึกครื้นเป็นที่สุด วันนี้ที่มาไม่ได้ย่อมต้องมีสาเหตุ”
หวางฮูหยินว่า “ฟังจากน้องสาวของท่าน(ซีชุน)ว่า ภรรยาของหยงเกอไม่สบาย เป็นอย่างไรบ้าง”
นางอิ๋วสื้อว่า “โรคของนางประหลาดนัก วันกลางสารท 中秋 เดือนก่อน ยังนั่งเล่นอยู่กับเหล่าไท่ไท่ และไท่ไท่จนครึ่งคืน กลับบ้านยังดีอยู่ พอพ้นวันที่ยี่สิบ เกิดอาการเซื่องซึมลงทุกวัน ทั้งยังเบื่ออาหาร เป็นเช่นนี้มากว่าครึ่งเดือนแล้ว ประจำเดือนก็ขาดไปแล้วสองเดือน”
สิงฮูหยินว่า “หรือจะเป็นข่าวดี”
กำลังพูดอยู่นั้น มีเสียงรายงานเข้ามาจากด้านนอกว่า
“นายใหญ่ นายรอง และนายผู้ชายทุกท่านมากันพร้อมอยู่ที่ห้องโถง”
เจี่ยเจินรีบออกไปต้อนรับ
ด้านนี้ นางอิ๋วสื้อกล่าวต่อว่า “ก่อนหน้านี้ก็มีหมอบอกว่าเป็นข่าวดี เมื่อวานนี้ เฝิงจื่ออิงได้กรุณาแนะนำท่านอาจารย์แต่วัยเด็กของท่าน วิชาแพทย์ยอดเยี่ยม ตรวจแล้วว่าไม่ใช่ข่าวดี แต่เป็นโรคร้ายชนิดหนึ่ง เมื่อวานจึงเขียนเทียบยาให้ หลังจากกินยา เช้าวันนี้อาการวิงเวียนก็ดีขึ้น แต่อาการอื่นยังไม่เห็นผล”
พี่เฟิ่งว่า “ข้าว่า หากไม่ใช่ว่าไม่ไหวจริงๆ แล้ว วันดีเช่นนี้ ก็ควรฝืนลุกมาสักหน่อย”
นางอิ๋วสื้อว่า “ท่านมาหานางที่นี่เมื่อวันที่สาม นางฝืนมานั่งเป็นเพื่อนอยู่ครึ่งค่อนวัน ก็เพราะเห็นแก่ไมตรีที่มีอยู่กับท่านสองแม่ลูก ท่านก็อ้อยอิ่งไม่ค่อยอยากกลับ”
พี่เฟิ่งได้ฟัง ขอบตาก็แดงขึ้นมา แล้วว่า
“天有不测风云,人有旦夕祸福。
ฟ้ามีลมฝนมิอาจหยั่ง คนมีโชคเคราะห์ได้เช้าเย็น
อายุเพียงเท่านี้ หากมีอันเป็นไปด้วยโรคภัยนี้ ชีวิตคนบนโลก ยังมีอันใดน่าอภิรมย์”
ระหว่างสนทนา เจี่ยหยงเข้ามาคารวะสิงฮูหยิน หวางฮูหยิน และพี่เฟิ่ง แล้วแจ้งนางอิ๋วสื้อว่า
“ข้านำอาหารไปมอบให้ไท่เหยและเรียนท่านว่า ท่านพ่ออยู่ที่บ้านคอยรับรองเหล่านายท่านและครอบครัว ตามคำของไท่เหยจึงไม่ได้มาเอง ไท่เหยฟังแล้วชอบใจยิ่งว่า “ต้องอย่างนี้สิ” ทั้งให้ข้ามาบอกท่านพ่อท่านแม่อีกที ให้รับรองเหล่าญาติจงดี
ท่านยังว่า “ให้พวกเขารีบจัดพิมพ์คัมภีร์ 《ยินจื้อเหวิน 阴骘文》 หนึ่งหมื่นชุดสำหรับแจกจ่าย” ข้าได้นำความแจ้งแก่ท่านพ่อแล้ว ตอนนี้ข้าต้องรีบไปดูแลอาหารสำหรับจัดเลี้ยงเหล่าผู้อาวุโส”
พี่เฟิ่งว่า “หยงเกอ รอเดี๋ยว วันนี้ภรรยาของท่านเป็นเช่นไร”
เจี่ยหยงขมวดคิ้วว่า “ไม่ดี อาสะใภ้เข้าไปดูหน่อยก็รู้แล้ว”
กล่าวจบก็เดินออกจากห้อง
ทางด้านนางอิ๋วสื้อถามสิงฮูหยิน หวางฮูหยินว่า
“พวกไท่ไท่จะรับอาหารที่นี่ หรือในสวนดี ตอนนี้ในสวนมีการแสดงเล็กน้อยจัดเตรียมไว้”
หวางฮูหยินหันไปทางสิงฮูหยินกล่าวว่า “ในนี้ดี”
นางอิ๋วสื้อจึงบอกให้พวกแม่บ้านจัดโต๊ะ มีเสียงขานรับโดยพร้อมเพรียงจากด้านนอก ต่างคนต่างยกอาหารมา เพียงครู่เดียวก็เรียบร้อย นางอิ๋วสื้อเชิญสิงฮูหยิน หวางฮูหยินและมารดาตนนั่งที่ประธาน ส่วนนางกับพี่เฟิ่งและเป่าวี่นั่งด้านข้าง
สิงฮูหยิน หวางฮูหยินว่า “วันนี้พวกเรามาอวยพรวันเกิดไท่เหย นี่มิใช่กลับมาอวยพรวันเกิดพวกเรากันเองหรอกหรือ”
พี่เฟิ่งว่า “ไท่เหยรักสงบ ปฏิบัติธรรมจนเป็นเทพเซียนแล้ว พวกไท่ไท่เปล่งวาจา เท่ากับสื่อใจไปเทพรับรู้”
คนทั้งห้องต่างพากันหัวเราะ
พอพวกสิงฮูหยินรับประทานอาหารเสร็จ บ้วนปากล้างมือแล้วก็พร้อมที่จะไปในสวน เจี่ยหยงก็เข้ามาแจ้งแก่นางอิ๋วสื้อผู้มารดาว่า
“พวกนายท่าน ท่านอาและพี่น้องฝ่ายชายรับประทานอาหารเสร็จแล้ว นายใหญ่บอกว่ามีธุระทางบ้าน นายรองไม่ชอบชมการแสดง เกรงจะทำให้งานไม่สนุก ท่านทั้งสองจึงกลับไปก่อน ส่วนท่านอื่นนั้น ท่านอารองเหลียนและนายท่านเฉียงนำไปชมการแสดงแล้ว
เมื่อครู่ ท่านอ๋องเมืองหนานอัน ท่านอ๋องเมืองตงผิง ท่านอ๋องเมืองซีหนิง ท่านอ๋องเมืองเป่ยจิ้ง ทั้งสี่ท่านอ๋อง เจิ้นกว๋อกงจากจวนหนิวหกครอบครัว จงจิ้งโหวจากจวนสื่อและครอบครัว ต่างส่งนามบัตรและของขวัญมาอวยพรวันเกิด ได้รายงานท่านพ่อ และลงบัญชีเก็บเข้าคลังแล้ว มอบบัตรขอบคุณและสินน้ำใจแก่ทุกคนที่นำของขวัญมาและดูแลให้รับประทานอาหาร
ท่านแม่ควรนำไท่ไท่ทั้งสองและเหล่าท่านอาหญิงไปนั่งชมการแสดงในสวน”
นางอิ๋วสื้อว่า “ที่นี่ก็กินเสร็จพอดี กำลังจะไปกันอยู่”
พี่เฟิ่งว่า “ไท่ไท่ ข้าจะไปเยี่ยมภรรยาหยงเกอก่อน แล้วค่อยตามไป”
หวางฮูหยินว่า “ดีทีเดียว พวกเราก็อยากไปเยี่ยม แต่เกรงจะแออัดเกินไป ฝากบอกว่าพวกเราไถ่ถามถึงด้วย”
นางอิ๋วสื้อว่า “น้องเรา สะใภ้เชื่อฟังเจ้ามาก เจ้าไปเยี่ยมข้าก็วางใจ เสร็จแล้วรีบตามมาที่สวน”
เป่าวี่ขอตามพี่เฟิ่งไปเยี่ยมนางฉินสื้อด้วย หวางฮูหยินว่า
“เจ้าไปเยี่ยมแล้วรีบตามมา นางมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของเจ้า”
นางอิ๋วสื้อจึงเชิญหวางฮูหยิน สิงฮูหยินและมารดาของตนไปยังสวนดอกไม้ พี่เฟิ่ง เป่าวี่ และเจี่ยหยงแยกมาเยี่ยมนางฉินสื้อ
พอก้าวเข้าห้องมา ก็ค่อยๆ เดินกันเงียบๆ มายังห้องด้านใน นางฉินสื้อแลเห็นก็จะลุกขึ้นมาจากเตียง
พี่เฟิ่งว่า “ไม่ต้องลุกขึ้น เดี๋ยวเวียนหัว”
พี่เฟิ่งรีบก้าวไปสองก้าว คว้ามือนางฉินสื้อว่า
“คุณนายของข้า ไม่เห็นไม่กี่วัน ทำไมผอมลงขนาดนี้”
แล้วนั่งลงบนเตียงข้างนางฉินสื้อ
เป่าวี่ถามทุกข์สุข แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเตียง
เจี่ยหยงตะโกนว่า “รีบยกน้ำชา อาสะใภ้กับท่านอาเข้าห้องมายังไม่ได้รับน้ำชา”
นางฉินสื้อกุมมือพี่เฟิ่ง ฝืนยิ้มว่า “ข้าโชคไม่ดีเอง อยู่บ้านนี้พ่อแม่สามีรักใคร่ดังบุตรสาวตน ท่านอา หลานชายท่าน(เจี่ยหยง)แม้อายุยังน้อยแต่เขาให้เกียรติข้า ข้าก็ให้เกียรติเขา ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ญาติในบ้านทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นอาวุโส นี่ยังไม่นับท่านอา ต่างก็ให้ความรักความชื่นชม บัดนี้ต้องมาป่วยด้วยโรคนี้ ไม่อาจจะฝืนใจแสดงความกตัญญูแก่ท่านพ่อท่านแม่ได้แม้แต่น้อย รวมถึงท่านอาด้วย ข้ามาตรองดูแล้ว เห็นทีจะอยู่รอดได้ไม่พ้นสิ้นปี”
เป่าวี่มองดูภาพ 《ดอกไห่ถังนิทราคราวสันต์ 海棠春睡图》(ภาพหยางกุ้ยเฟยยามเมาหลับ) และคำโคลงคู่ของฉินไท่ซวี 秦太虚 ที่เขียนว่า
嫩寒锁梦因春冷 芳气笼人是酒香
วสันต์เย็นยะเยือกสะดุดฝัน
เมรัยอันหอมหวนอวลอบคน
แล้วหวนรำลึกถึงวันที่ตนมาหลับอยู่ที่นี่ฝันถึงแดนมายาสุญญตา พอได้ยินถ้อยคำของนางฉินสื้อ รู้สึกเหมือนธนูหมื่นดอกปักใจ น้ำตาพานไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว พี่เฟิ่งสังเกตเห็น ก็พลอยลำบากใจ แต่เกรงว่าหากคนป่วยเห็นเข้าจะยิ่งอ่อนใจ จึงไม่ถามหาเหตุผลกับเป่าวี่เพียงบอกว่า
“เป่าวี่ เจ้ากลายเป็นยายแก่ไปแล้ว นางป่วยก็พูดเช่นนี้ ไม่เห็นต้องเสียใจขนาดนี้ อีกอย่าง นางอายุยังไม่มาก เดี๋ยวก็หายแล้ว”
แล้วหันมาทางนางฉินสื้อว่า
“เจ้าก็อย่าคิดฟุ้งซ่าน อาการจะหนักขึ้นเปล่าๆ”
เจี่ยหยงว่า “อาการป่วยของนาง ขอเพียงกินอาหารได้ ก็ไม่น่ากลัวแล้ว”
พี่เฟิ่งว่า “น้องเป่าวี่ ไท่ไท่บอกให้เจ้ารีบกลับไป เจ้าก็อย่าเกะกะอยู่ที่นี่ ทำให้สะใภ้อึดอัดเปล่าๆ ไท่ไท่รอเจ้าอยู่”
แล้วหันมาบอกเจี่ยหยงว่า
“เจ้ากับท่านอาเป่าไปกันก่อน ข้าจะนั่งต่อสักพักแล้วตามไป”
เจี่ยหยงกับเป่าวี่จึงพากันไปยังสวนบุปผาชุมนุม 会芳园 (หุ้ยฟางหยวน)
พี่เฟิ่งกล่าวปลอบ และลดเสียงกระซิบความนัยลับกับฉินสื้ออีกพักใหญ่ นางอิ๋วสื้อให้คนมาตามสองสามรอบ พี่เฟิ่งจึงกล่าวกับฉินสื้อว่า
“เจ้าพักรักษาตัวจงดี ไว้ข้าจะมาเยี่ยมใหม่ อาการเจ้าควรจะดีขึ้นแล้ว วันก่อนได้หมอดีคงไม่มีอะไรต้องกลัวอีก”
นางฉินสื้อยิ้มว่า “ต่อให้หมอเป็นเทพยดาก็รักษาได้แต่โรค ไม่อาจรักษาชีวิต ท่านอา ข้ารู้ดีว่าโรคนี้คงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”
พี่เฟิ่งว่า “เจ้ามัวแต่คิดเช่นนี้ จะหายได้อย่างไร ควรทำใจให้สบาย อีกอย่างข้าฟังท่านหมอว่า ต่อให้รักษาไม่ได้ กว่าอาการจะทรุดก็ต้องฤดูใบไม้ผลิ หากครอบครัวเราไม่มีปัญญาซื้อโสม ก็คงลำบากจริง แต่พอท่านพ่อท่านแม่รู้ว่าโสมใช้ได้ผล อย่าว่าแต่โสมวันละสองเฉียนตามเทียบยาเลย ต่อให้วันละสองชั่งก็ยังไหว เจ้าพักรักษาตัวให้ดีเถิด ข้าจะไปที่สวนแล้ว”
นางฉินสื้อว่า “ท่านอา ขออภัยที่ข้าไม่อาจไปเป็นเพื่อน หากท่านว่างก็มาเยี่ยมข้าอีก พวกเราจะได้สนทนากัน”
พี่เฟิ่งฟังแล้วขอบตาแดงว่า “ข้าว่างเมื่อไร ต้องหมั่นมาเยี่ยมเจ้า”
ตอนก่อนหน้า : ฉินสื้อป่วย
ตอนถัดไป : เจี่ยยุ่ยเกี้ยวซีเฟิ่ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา