เมื่อวาน เวลา 01:14 • การศึกษา

ศาสตราจารย์ นพ.สุด แสงวิเชียร : แบบอย่างอาจารย์หมอที่เป็นยอดนักวิจัยและพัฒนา

--------------
อ่านหนังสือประวัติครูของคุรุสภา เมื่อปี 2541 ได้พบประวัติ ศ.นพ.สุด แสงวิเชียร ที่ลูกศิษย์เรียกท่านว่า “อาจารย์หมอสุด” แล้วเกิดความซาบซึ้งใจในความเป็นครูและความเป็นนักวิจัยตลอดชีวิตของท่าน แม้ท่านจะถึงแก่อนิจกรรมไปนานแล้ว แต่คุณความดีของท่านยังเป็นแบบอย่างให้เราได้ศึกษาและปฏิบัติตลอดไป ผมเลยเก็บประวัติบางส่วนของท่านมาเล่าสู่กันฟัง
ศ.นพ.สุด เกิดเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2450 เป็นคนเมืองสมุทรปราการ เป็นนิสิตเตรียมแพทย์ปริญญารุ่น 2 พ.ศ.2469 จบเตรียมแพทย์ ก็มาเป็นนิสิตแพทย์จุฬาฯ ท่านสนใจศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์เป็นพิเศษ เรียนสำเร็จเมื่อ พ.ศ.2473 โดยมีผลการเรียนยอดเยี่ยม ซึ่งได้รับทุนเรียนดีมาตลอด
พ.ศ.2474 ท่านเข้ารับราชการเป็นอาจารย์แผนกกายวิภาคศาสตร์ จุฬาฯ และในปีเดียวกันก็ได้รับทุนมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ไปศึกษาต่อทางกายภาคศาสตร์ที่ USA. ท่านสนใจศึกษาค้นคว้า วิจัย ทางกายวิภาคศาสตร์อย่างจริงจัง มีผลงานโดดเด่นทั้งด้านวิทยาเอมบริโอ ด้านจุลกายวิภาคศาสตร์ ด้านมหกายวิภาคศาสตร์(การดองศพ) โดยท่านมีความเพียรพยายามอย่างยิ่งในการจัดหาจัดทำอุปกรณ์การทดลองด้วยตนเองแทบทั้งสิ้น เช่น
ตอนทำสไลด์เอมบริโอหมูตัดตามขวาง ท่านต้องตื่นเพื่อไปโรงฆ่าสัตว์ที่หัวลำโพงตั้งแต่เวลา 2.00 น. สัปดาห์ละ 2-4 วัน เพื่อขอมดลูกหมูมาล้างหาเอมบริโอ และนำมาทำเซคชั่น กว่าจะได้เอมบริโอพอเพียงแก่การเรียนการสอนก็ใช้เวลาร่วม 4 ปี การทำสไลด์เอมบริโอไก่ ท่านก็ซื้อเครื่องฟักไข่มาฟักเอง ต้องนั่งเฝ้าไข่ที่กำลังฟักเป็นตัวเพื่อให้ได้สไลด์ตรงตามชั่วโมงของการเจริญเติบโตที่ต้องการ เป็นต้น
เมื่อมาเป็นอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลศิริราช ท่านก็ยึดมั่นในมาตรฐานของการสอนกายวิภาคศาสตร์ว่า ต้องมีอุปกรณ์การศึกษาคือ ศพ โครงกระดูก สมอง ชิ้นเนื้อ รวมทั้งสไลด์ ให้ครบถ้วนทุกวิชา ท่านจึงฝึกฝนพนักงานจัดหาจัดทำอุปกรณ์ให้เพียงพอ แม้ตอนนั้นเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาท่านก็ไม่ย่อท้อ เมื่อสงครามสงบท่านสามารถผลิตนักศึกษาแพทย์ได้ถึงปีละ 180 คน ต้องเรียน 3 รอบ สอนถึง 21.00น.ทุกวัน
ศ.นพ.สุด เป็นครูที่มีจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู ละเว้นอบายมุขทั้งปวง เป็นครูที่สอนเก่ง สอนแจ่มแจ้ง ชัดเจนและลึกซึ้ง ท่านอ่อนโยนกับนักศึกษา จะเรียกนักศึกษาว่า “คุณ”ทุกคน
ท่านมีผลงานวิจัยมากกว่า 250 เรื่อง ทั้งๆที่ยังไม่มีเครื่องมือดีๆและไม่มีทุน ท่านเป็นหัวหน้าแผนกที่สามารถทำให้แผนกกายวิภาคศาสตร์เจริญก้าวหน้าในทุกด้าน งานอันทรงคุณค่ายิ่งของท่านอย่างหนึ่งคืองานด้านพิพิธภัณฑ์ จนในที่สุดสามารถตั้งพิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์คองดอน(เป็นเกียรติแก่ ศ.คองดอน) ตั้งแต่ พ.ศ.2491 ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีสิ่งแสดงกว่าพันชิ้น และสิ่งแสดงที่มีแห่งเดียวในโลกคือ ระบบประสาททั้งตัวและระบบหลอดเลือดแดงทั้งตัว นอกจากนั้นท่านยังคิดวิธีทำกล่องพลาสติกในการดองหรือเก็บรักษาสิ่งแสดงต่างๆมาใช้เป็นคนแรก และผลงานบุกเบิกด้านกายวิภาคศาสตร์อีกมากมาย
หลังเกษียณราชการท่านยังคงไปทำงานแต่เช้าจนค่ำ ที่พิพิธภัณฑ์และห้องปฎิบัติการเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ เป็นเวลาต่อเนื่องอีก 10 ปีเศษ จนอายุ 87 ปี จึงไปทำงานเฉพาะวันพุธ วันละ 4 ชั่วโมง จนถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ.2538
ก่อนถึงแก่อนิจกรรม ท่านได้สั่งทายาทไว้ว่า เมื่อถึงแก่กรรมจะอยู่ที่ตึกกายวิภาคศาสตร์ ดังนั้นภายหลังบำเพ็ญกุศลแล้ว โครงกระดูกและอวัยวะภายในของท่านจึงอยู่ที่ตึกนี้เพื่อเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ตลอดไป
ธเนศ ขำเกิด
โฆษณา