17 ส.ค. เวลา 03:55 • การศึกษา

สำรวจโลกความรู้: เรียน "กว้าง" หรือเรียน "ลึก" แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารท่วมท้นอยู่รอบตัวเราเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส เราต่างก็เป็น "นักเรียนรู้" กันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะจากการไถฟีดโซเชียลมีเดีย ดูคลิปวิดีโอสั้นๆ หรืออ่านบทความออนไลน์ แต่เคยสงสัยไหมครับว่า การเรียนรู้ที่เราได้รับนั้นมีความ "ตื้น" หรือ "ลึก" แค่ไหน และการเรียนรู้ทั้งสองแบบนี้สำคัญกับชีวิตเราอย่างไร?
📚 เนื้อหาทุกอย่างมี "ระดับชั้น" ของมัน
ลองจินตนาการว่าความรู้เปรียบเสมือนมหาสมุทร
  • ผิวน้ำ (Surface Level): คือข้อมูลที่เราเห็นผ่านตาในชีวิตประจำวัน เช่น โพสต์สรุปข่าวใน 3 บรรทัด หรือคลิป TikTok ที่อธิบายเรื่องซับซ้อนใน 1 นาที เป็นการรับรู้ที่รวดเร็ว ฉาบฉวย แต่ก็ช่วยให้เราพอจะรู้ว่า "โลกหมุนไปทางไหน"
  • น้ำตื้น (Shallow Level): คือการลงไปสำรวจอีกนิดหน่อย เช่น การอ่านบทความทั้งเรื่อง หรือดูสารคดีจบตอน เราจะเริ่มเห็นความเชื่อมโยงและที่มาที่ไปมากขึ้น
  • ทะเลลึก (Deep Level): คือการศึกษาอย่างจริงจัง อ่านหนังสือ ตำรา งานวิจัย หรือเข้าคอร์สเรียนระยะยาว นี่คือระดับที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม เพื่อให้ได้มาซึ่งความเข้าใจอย่างแท้จริง
จะเห็นได้ว่าเนื้อหาแต่ละอย่างถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ไม่มีอะไรดีกว่าอะไร แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการอะไรจากการเรียนรู้ในขณะนั้น
📖 เรียน "กว้างและตื้น" vs. เรียน "แคบและลึก"
การเรียนรู้ทั้งสองรูปแบบนี้เปรียบได้กับเลนส์กล้องที่ให้ภาพแตกต่างกัน
  • การเรียนรู้เชิงกว้างและตื้น (Horizontal Learning): การเห็นภาพรวม การเรียนรู้แบบนี้คือการเก็บสะสมความรู้จากหลายๆ ศาสตร์ หลายๆ แขนง เหมือนการกางแผนที่ดูภาพรวมของประเทศ ทำให้เราเห็นว่าเมืองต่างๆ เชื่อมต่อกันอย่างไร การมีความรู้ที่หลากหลายช่วยให้เราสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้ เกิดเป็นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และสามารถพูดคุยเข้าสังคมได้ในวงกว้าง
  • การเรียนรู้เชิงแคบและลึก (Vertical Learning): ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในทางกลับกัน การเรียนรู้แบบนี้คือการเลือกเจาะจงไปที่ศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง แล้วขุดลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมือนการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเซลล์ เราจะเห็นรายละเอียดที่คนอื่นมองไม่เห็น เข้าใจกลไกที่ซับซ้อน และมองเห็นปัญหาที่ต้นตออย่างแท้จริง
การนำไปใช้ที่แตกต่างกัน 💭
  • ความรู้เชิงกว้าง นำไปสู่ "การประยุกต์ข้ามศาสตร์" คนที่เรียนรู้กว้างขวางมักจะเป็นนักแก้ปัญหาและนักสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม เพราะสามารถหยิบยืมโมเดลความคิดจากศาสตร์หนึ่ง มาปรับใช้กับอีกศาสตร์หนึ่งได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ สตีฟ จ็อบส์ ที่นำความรู้ด้านการประดิษฐ์ตัวอักษร (Calligraphy) ซึ่งเป็นศิลปะ มาผสมผสานกับการออกแบบคอมพิวเตอร์ จนเกิดเป็นฟอนต์ที่สวยงามในระบบปฏิบัติการ Macintosh การมีความรู้กว้างทำให้เราเป็น "นักเชื่อมโยง" ที่มองเห็นโอกาสในจุดที่คนอื่นไม่เห็น
  • ความรู้เชิงลึก นำไปสู่ "การพัฒนาองค์ความรู้" ในขณะที่ความรู้เชิงลึกคือรากฐานสำคัญของการเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Expert) และการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้กับโลกใบนี้ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบยารักษาโรค, วิศวกรที่ออกแบบเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถวินิจฉัยโรคที่ซับซ้อนได้ ล้วนต้องผ่านการศึกษาเชิงลึกมาอย่างยาวนาน พวกเขาคือผู้ที่ "ต่อยอด" และ "ผลักดัน" ขอบเขตความรู้ของมนุษย์ให้ก้าวไปข้างหน้า
🧐 เลือกเป็นอะไรดี: ผู้ "ไม่พลาด" หรือผู้ "เชี่ยวชาญ"?
  • การเรียนรู้เชิงกว้างช่วยให้เรา "ไม่พลาด" (Don't miss out) ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีความรู้ที่กว้างขวางเหมือนมี "เรดาร์" ส่วนตัว ช่วยให้เราปรับตัวได้ทันสถานการณ์ ไม่ตกเทรนด์สำคัญ สามารถมองเห็นทั้งโอกาสและภัยคุกคามที่อาจเข้ามาจากทิศทางที่ไม่คาดคิด ทำให้เราเป็นคนที่รอบรู้และเอาตัวรอดได้ดีในทุกสถานการณ์
  • การเรียนรู้เชิงลึกช่วยให้เราเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" (Expert) การเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งสร้าง "คุณค่า" ที่ชัดเจนให้กับตัวเรา ทำให้เราเป็นที่ต้องการ เป็นคนที่ใครๆ ก็นึกถึงเมื่อมีปัญหาในเรื่องนั้นๆ ความเชี่ยวชาญสร้างความน่าเชื่อถือและเปิดประตูสู่โอกาสในระดับที่สูงขึ้นไป
📝 บทสรุป: สร้าง "T-Shaped Person" ในแบบของคุณ
สุดท้ายแล้ว คำถามอาจไม่ใช่ว่าเราควรเรียน "กว้าง" หรือ "ลึก" แต่คือเราจะสร้างสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้ได้อย่างไร แนวคิดที่น่าสนใจคือการเป็น "T-Shaped Person"
  • แกนแนวนอนของตัว T คือความรู้ที่กว้างขวางในหลากหลายสาขา
  • แกนแนวตั้งของตัว T คือความรู้เชิงลึกในสาขาที่เราเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
เราสามารถเริ่มต้นจากการสำรวจความรู้ที่หลากหลาย (เรียนกว้าง) เพื่อค้นหาสิ่งที่เราสนใจจริงๆ และเมื่อค้นพบแล้ว ก็ทุ่มเทเวลาเพื่อศึกษาลงลึกในสิ่งนั้น (เรียนลึก) ขณะเดียวกันก็ไม่หยุดที่จะเรียนรู้เรื่องราวรอบตัวไปพร้อมๆ กัน
การเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตในยุคนี้ จึงหมายถึงการเต้นรำไปมาระหว่างความกว้างและความลึกอย่างสมดุล เพื่อให้เราเป็นได้ทั้งคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ลึกซึ้งในเวลาเดียวกันครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา