18 ส.ค. เวลา 01:10 • สุขภาพ

"หัวเข่า" เจ็บ...แต่กลัวการผ่าตัด! การดูแลผู้สูงอายุที่มีข้อเข่าเสื่อมระยะสุดท้ายที่กลัวการผ่าตัด

ไม่ต้องหงุดหงิดเมื่อต้องได้ยินว่า "พ่อกลัว" หรือ "แม่กลัว" หรือ "ข้างบ้านผ่าแล้วไม่ดี" เพราะความกลัวการผ่าตัดเป็นเรื่องปกติของผู้สูงอายุ บทความนี้จะชวนคุณมาทำความเข้าใจและหาทางออกร่วมกัน ด้วยการดูแลที่อ้างอิงจากงานวิจัย และหลักการทางด้านโภชนาการ
ในฐานะผู้ดูแล คงไม่มีอะไรน่ากังวลไปกว่าการเห็นคนที่เรารักต้องทนทุกข์จากความเจ็บปวด โดยเฉพาะอาการ "ปวดเข่า" จากภาวะข้อเสื่อมระยะสุดท้าย เมื่อแพทย์แนะนำให้ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ซึ่งเป็นทางออกที่ตรงจุดที่สุด แต่ผู้ป่วยกลับปฏิเสธเพราะความกลัว และเลือกที่จะเชื่อคำบอกเล่าจากคนรอบข้าง...ในสถานการณ์นี้ การทำความเข้าใจจึงสำคัญกว่าการบังคับให้ท่านต้องทำในสิ่งที่ไม่สบายใจ
และทางออกไม่ได้มีแค่การผ่าตัดเสมอไป ยังมีแนวทางการดูแลแบบองค์รวมที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์ ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการและทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้
1. ใช้อาหารเป็น "ยาบำบัด" ลดการอักเสบจากภายใน
ข้อเข่าเสื่อมไม่ใช่แค่กระดูกอ่อนสึกหรอ แต่เป็นภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรังระดับต่ำในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรคดำเนินไปและทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้น ดังนั้นการปรับเปลี่ยนอาหารเพื่อลดการอักเสบจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แล้วอาหารที่ว่ามีอะไรบ้างหล่ะ มาดูกัน
*** อาหารแบบ Mediterranean Diet: การศึกษาล่าสุดชี้ว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนสามารถป้องกันการพัฒนาของโรคข้อเข่าเสื่อมและภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโรคอ้วนและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
*** กินปลาเป็นประจำ: อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3, สารโพลีฟีนอล และใยอาหาร ได้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและป้องกันการเสื่อมของกระดูกอ่อน
*** เติมขมิ้นชันในอาหาร: ข้อมูลจากงานวิจัยอีกเช่นกันที่ระบุว่า สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารสกัดจากขมิ้นชัน มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการข้อเข่าเสื่อม และช่วยลดอาการปวด รวมถึงช่วยเพิ่มการทำงานของข้อต่อได้อย่างมีนัยสำคัญ งานวิจัยยังพบว่าเคอร์คูมินสามารถลดการอักเสบได้เทียบเท่ากับยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่าและมีความปลอดภัยมากกว่า โดยเคอร์คูมินจะทำงานโดยยับยั้งปัจจัยการอักเสบ และยังช่วยลดการสลายตัวของกระดูกอ่อน
ขมิ้นชันและเครื่องเทศต่างๆ ที่สามารถนำมาปรุงอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณประโยชน์ในการลดการอักเสบของข้อเข่า
*** หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ: ข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุดเน้นย้ำถึงผลเสียของอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่อุดมด้วยน้ำตาลขัดสีและไขมันอิ่มตัว ซึ่งจะทำให้อาการอักเสบในร่างกายรุนแรงขึ้น และส่งผลต่อการเสื่อมของกระดูกอ่อน
*** ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาหารเสริม: งานวิจัยตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของอาหารเสริมบางชนิด เช่น กลูโคซามีนและคอนดรอยติน เนื่องจากยังขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนประสิทธิภาพในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
2. เปลี่ยนเมนูไทยให้เป็น Mediterranean Style
ไม่ต้องกังวลว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนจะหาทานยาก เพราะเราสามารถปรับเมนูอาหารไทยให้สอดคล้องกับหลักการนี้ได้ง่ายๆ ได้ดังนี้
2.1) เปลี่ยนจากเนื้อแดงเป็นปลา: เลือกปลาทู ปลานิล หรือปลาโอ ซึ่งเป็นแหล่งไขมันดีและโอเมก้า 3 ที่หาซื้อได้ง่าย และปรุงด้วยวิธีนึ่งหรือต้มแทนการทอด
2.2) ทานผักและผลไม้หลากสี: เน้นผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม หรือบรอกโคลี ส่วนผลไม้ให้เลือกผลไม้ตระกูลเบอร์รีหรือผลไม้ตามฤดูกาลเพื่อลดการอักเสบในร่างกาย
2.3) เลือกธัญพืชไม่ขัดสี: ปรับจากการกินข้าวขาวมาเป็นข้าวกล้อง หรือผสมข้าวไรซ์เบอร์รี
2.4) เพิ่มถั่วและเมล็ดพืชในอาหาร: โรยงาในอาหาร หรือทานถั่วอัลมอนด์ วอลนัทเป็นอาหารว่าง
2.5) ลดน้ำตาลและของหวาน: ค่อยๆ ลดความหวานในอาหารและเครื่องดื่มลง รวมถึงงดขนมที่ผ่านกระบวนการแปรรูป
ความหลากหลายของอาหารตามแบบเมดิเตอร์เรเนียน เน้นผักหลากสี ผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี และพืชตระกูลถั่ว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการลดการอักเสบในร่างกาย
3. บริหารข้อต่ออย่างถูกวิธี...แม้จะเป็นระยะสุดท้าย
แม้ข้อเข่าจะเสื่อมจนเหลือกระดูกอ่อนน้อยมาก แต่การออกกำลังกายที่ถูกวิธีจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบหัวเข่า ทำให้เข่ามีเสถียรภาพมากขึ้น ลดการบิดตัว และลดแรงกระแทกได้ โดยสามารถ
3.1) ใช้การออกกำลังกายในน้ำ (Hydrotherapy): การออกกำลังกายในน้ำช่วยให้ข้อต่อไม่รับน้ำหนักตัวโดยตรง ทำให้สามารถเคลื่อนไหวข้อเข่าได้อย่างอิสระและช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อมๆ กัน
3.2) ฝึกความแข็งแรงกล้ามเนื้อ: ท่าบริหารง่ายๆ เช่น การนอนยกขาตรง หรือการนั่งเก้าอี้ยกขาขึ้นลงอย่างช้าๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขาแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่พยุงข้อเข่าโดยตรง
การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่พยุงข้อเข่าของผู้สูงอายุ
4. ตัวช่วยและอุปกรณ์ที่ต้องมี
4.1) ไม้เท้าช่วยพยุง: การใช้ไม้เท้าจะช่วยกระจายน้ำหนักออกจากเข่าที่เจ็บไปสู่แขน ทำให้เข่ารับแรงกดน้อยลง
4.2) สนับเข่า (Knee Brace): เลือกสนับเข่าที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับสรีระ จะช่วยพยุงข้อเข่าให้มั่นคงและลดการบิดตัวขณะเดิน
4.3) ควบคุมน้ำหนัก: การลดน้ำหนักตัวเพียง 1 กิโลกรัม สามารถช่วยลดแรงกดที่หัวเข่าได้ถึง 4 กิโลกรัมในขณะเดิน
5. ทำความเข้าใจ และสื่อสารด้วยความเห็นใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารกับท่านด้วยความเข้าใจและอดทน อธิบายให้ท่านทราบว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของโรค ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของใคร และการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยให้ท่านมีชีวิตประจำวันที่ดีขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
การรับประทานอาหารที่ดีร่วมกับการออกกำลังกายที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอาการทางกาย แต่ยังเป็นการให้ความหวังและกำลังใจกับผู้ป่วยและผู้ดูแล เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับภาวะนี้ได้อย่างมีความสุขที่สุด
เอกสารอ้างอิง:
Kasprzyk, N., Nandy, S., & Grygiel-Górniak, B. (2025). Diet in Knee Osteoarthritis—Myths and Facts. Nutrients, 17(11), 1872.
Zhao, J., Liang, G., Zhou, G., Hong, K., Yang, W., Liu, J., & Zeng, L. (2024). Efficacy and safety of curcumin therapy for knee osteoarthritis: A Bayesian network meta-analysis. Journal of Ethnopharmacology, 321, 117493.
Veronese, N., Ragusa, F. S., Dominguez, L. J., Cusumano, C., & Barbagallo, M. (2024). Mediterranean diet and osteoarthritis: an update. Aging Clinical and Experimental Research, 36(1), 231.
คำค้นหา (Keywords): ข้อเข่าเสื่อม, หัวเข่าเสื่อมระยะสุดท้าย, การรักษาข้อเข่าเสื่อม, วิธีดูแลผู้สูงอายุ, ปวดเข่า, อาหารสำหรับคนข้อเข่าเสื่อม, ไม่ผ่าตัด, กายภาพบำบัดข้อเข่า, อาหารบำบัด, ผู้สูงอายุ
โฆษณา