18 ส.ค. เวลา 03:07 • ความคิดเห็น
เมื่อเกิดมา ได้พบพระพุทธศาสนา เราก็ศึกษา คำสอนของท่าน ศึกษารอยของท่านที่สะสม คำว่า ทานบุญกุศลบารมี ที่ท่านก็เกิดมาแต่สะชาตก็สร้างบุญกุศลบารมีมา ให้ทาน สร้างบุญกุศล ไปจนชาติสุดท้าย พระสิทธัตถะ ท่านทำอะไร ในป่า เราก็หมั่น พิจารณา ใครครวญ หาเหตุผล นำมาฝึกหัดตัวเราเอง การที่ได้ลงมือ ลงทุน สละปัจจัย ที่ไปหามาด้วยความโลภโกรธหลง หามายึด
เราก็ค่อยๆ สละ แปรสภาพให้เกิดเป็นบุญ ให้รู้จักบุญ นั่นนำพา ให้กายเบา จิตเบา เหมือนสร้างกายกรรม ให้เป็นกายบุญ แต่เราก็ควรทำให้มันถูกวิธี หาที่ทำบุญที่ดีๆ ไม่ใช่เป็นสถานที่มีแต่โคลนตม สถานที่ ที่มีแต่เรื่องราวไสยศาสตร์ คาถาอาคม ทะเยอทะยาน อยากร่ำรวย แล้วต้องใช้กาย ไปหามา .ทั้งกายทั้งจิต จมอยู่กับความโลภโกรธหลง ยึดในสิ่งที่นำพาจิต ไปสู่ประตูอบาย จิตมันก็มีตกต่ำลงไป กายก็มีแต่กรรม จะทำบุญก็ต้องให้เกิดเป็นบุญ
หากเราเป็นผู้ที่ปกติ เป็นปกตินิจสินอยู่แล้ว เราก็จะได้เห็นได้รับรู้ จิตค่อยๆ รับรู้ ค่อยๆเข้าในเรื่องทาน บุญ บารมี ที่ยาก ก็เรื่องของปัญญาธรรม เรื่องที่เรา ก็ยากที่จะทำได้ เช่น กราบพระ แต่ละครั้ง ทำอย่างไร จะให้จิตมากราบ ไม่ใช่เอาอารมณ์มากราบพระ กราบอย่างไรจะเกิดแสงรัตนะ กราบอย่างไร ที่มีหน้าพ่อแม่ ที่ล่วงรับไปแล้ว ลอยขึ้นมา.มันมีหลายเรื่องๆ เรื่องการสร้างสติสัมปชัญญะให้แก่จิตของตัวเอง ..ที่จะไม่ไปทำตามอารมณ์ ที่ห้อมล้อมกาย เป็นสีดำ สีม่วง สีเวรกรรมทั้งนั้น ทำอย่างไรจึงจะสลัดขัดสีเวรกรรมนั้นได้
เรื่องรอยทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า เมื่อนำมาฝึกหัด ยืนเดินนั่งนอน ไม่มีอารมณ์นึกคิด นึกคิดนั้นก็คือกรรม ..รอยของท่านไม่นึกคิดอะไร ..ก็ทำจิตอยู่กับ พระ ..ภาวนาพุทโธ สองคำ ทำได้.ง่ายๆ ทำกายให้นิ่ง จิตนิ่ง จิตเฉย ..ไอ้ที่ทำให้กายไม่นิ่ง จิตไม่นิ่ง ก็คือ อารมณ์ ..
แล้วเราไปสังเกตดู ผู้ที่ท่านนั่ง กายนิ่ง จิตนิ่งได้ เป็นอย่างไร นั่นเป็นเรื่องราวของผู้ที่ จิตที่มีบุญกุศลบารมี .นั่งนิ่งๆ จิตนิ่ง ..ไม่มีกรรม ไม่มีอารมณ์เผาผลาญทั้งกายทั้งจิต กายก็เป็นสุข จิตก็เป็นสุขอยู่ในเรือนกายที่อาศัย กายที่เป็นกายบุญบารมี .
มีพระ ..กัสสปะ ท่านแนะนำ บอกว่า เมื่อจะทำบุญ กราบพระ สวดมนต์ เราก็เปิดกล้อง ตั้งกล้อง บันทึก การกระทำของเรา ให้นิ่ง นั่งพับเพียบ สำรวจตรวจสอบตัวเอง ..บอกตัวเอง หายใจเช้าลึกๆ กั้นลมหายใจ ที่จะช่วยให้กายนิ่ง แล้วปล่อยลมออกไป
. ทำสักสองสามครั้ง ก่อนยกมือขึ้นมาพนมที่หน้าอก ..มันเป็นเรื่ิงราวของการรวบรวมสติสัมปชัญญะ .. .แล้วตาก็มองดูที่มือ ที่หน้าอก ตรวจสอบตัวเอง ที่มีการบันทึกภาพ ตาบันทึกภาพ หูบันทึกแสง ของตัวเอง ..ลงไปที่ธาตุทั้งสี่ การบันทึกลงไปที่ธาตุทั้งสี่ ก็เป็นการบันทึกเรื่องราวดีๆ ลงไปกับธาตุ ทั้งสี่ ที่จิตอาศัย
เรื่องการปฏิบัติปฏิบัติธรรม เมื่อเราสามารถ บังเอิญกายให้นิ่งได้ จิตก็จะนิ่งไปตามกาย เมื่อกายนิ่งจิตนิ่ง ก็มีแสงเกิดขึ้น .เราก็รักษาจิตให้นิ่ง ที่เป็นเรื่องยาก ก็มีพระท่านมาแนะนำ สอนวิชาพายเรือให้ กายนั้นเป็นเรือ จิตนั้นอาศัยอยในกาย พายเรือ ทวนน้ำ ..ไปหาท่าบุญกุศลบารมี .หากเราไม่พลายเรือทวนน้ำ เรือกลอนไปตามสายน้ำ ออกไปสู่ท้องทะเล
เมื่อเรือแตก จิตก็จมสู่ท้องทะเล เป็นอาหารของกุ้งหอยปู่ปลา เกิดตายๆ ไม่สิ้นสุด สนุกสนานกับเกิด ไปนรก เป็นเปรต อสุรกาย เป็นกุ้งหอยปูปลา .บ้างก็อาจจะได้ รูปหมา แมว รูปที่คยเห็นว่าน่ารักน่าเลี้ยงน่าเอ็นดู บ้างก็อาจได้รูปช้างม้าวัวควาย กินใบไม้เอร็ดอร่อย บ้างก็จะได้รูปที่มีปลีก บินไปบินมาได้ รูปก็มี แมลงก็มี ..ก็วนเวียน ที่ว่า เกิดตาย นับชาติไม่ได้
โฆษณา